[CR] Italian Alps ไม่ขับรถ !! (Verona,Dolomites) PART II

สวัสดีอีกครั้งครับชาวพันทิป

วันนี้ผมจะมารีวิวทริปอีกครึ่งหนึ่งของผม และพระเอกของเรา ซึ่งก็คือ

รีวิว Verona และ Lago di Grada (ครึ่งแรก)
https://ppantip.com/topic/38028973/

ย้ำอีกครั้ง ทริปนี้ ผมไม่ขับรถนะครับ เพราะฉนั้นใครขับรถไม่แข็ง ไม่เป็น ไม่ต้องห่วง ผมไปได้ คุณก็ไปได้

ผมเริ่มด้วยการนั่งรถไฟออกจากเมือง Verona ที่สถานี Verona Porta Nuova ไปยังเมือง Bolzano (ฺBozen)
http://www.trenitalia.com (การรถไฟอิตาลี)
https://www.italotreno.it/en (รถไฟความเร็วสูงเอกชน)

ระหว่างทางนั้นสวยมาก นั่งดูยังไงก็ไม่มีเบื่อ นั่งดูวิวเพลินๆประมาณเกือบสองชั่วโมง เราก็มาถึงจุดหมาย โดยเมืองนี้เป็นเมืองหลวงของจังหวัด South Tyrol ซึ่งจังหวัดนี้พิเศษที่เค้าปกครองตัวเองได้ส่วนหนึ่ง ทำให้เค้ายังใช้ภาษาท้องถิ่นของเค้าซึ่งก็คือเยอรมันร่วมกับภาษาอิตาลี เนื่องจากประวัติศาสตร์ ซึ่งผมว่าไม่มีใครคงอยากอ่าน 555 ถ้ามีใครอยากรู้ก็คอมเม้นท์ได้นะครับ จะได้เขียนแยกไว้ให้

เริ่มแรกหลังจากมาถึง เราก็ได้คำนวณและวางแผนการเดินทางมาก่อนแล้ว โดยเราซื้อ Pass 3 วัน ซึ่งจะครอบคลุม รถไฟท้องถิ่น รถเมลล์ และกระเช้าเกือบจะทุกสายในทริปนี้ ราคาอยู่ที่ 23 ยูโรต่อคน ซึ่งสามารถซื้อได้ที่ตรงที่ขายตั๋วในสถานนีรถไฟเมือง Bolzano ได้เลย ทุกคนสามารถเช็ครอบรถและระยะเวลาการเดินทางในเขตแถวนี้ทั้งหมดได้จากเว็บไซด์ (มีประโยชน์มากนะครับ อันนี้ช่วยได้มาก)

https://www.sii.bz.it/en/mobility-info

หลังจากเก็บของเข้าที่พัก เราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรก และเป้าหมายหลัก ของเราใน Dolomites กันเลย ก็คือ หมู่บ้าน Saint Magddalena ซึ่งโด่งดังจากภาพถ่ายโบสถ์เล็ก ท่ามกลางภูเขาเบื้องหลังอันสวยงาม โดยภูเขาด้านหลังเรียกว่า Val di Funes ซึ่งมาจากลักษณะของภูเขาที่คล้ายปล่องไฟนั่นเอง การเดินทางนั้นเราออกจากเมือง Bolzano ไปยังเมือง Bressanone (Brixen) ด้วยรถไฟ หลังจากนั้นต่อรถเมลล์สาย 340 บริเวณหน้าสถานนีรถไฟเลย ไปยังหมู่บ้าน Saint Magddalena (ที่ขึ้นรถบัสในเมือง Bressanone นั้นอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย เดินออกมาด้านซ้ายจะเจอ อยู่ถัดไปจากน้ำพุเติมน้ำ ตรงข้ามกับโรมแรมตึกสีเหลืองๆ) โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจาก Bolzano แล้วให้ลงป้ายรถ St. Magddalena Ranui หลังจากนั้นเดินไปในทางที่ไม่ใช่ทางหลัก ก็จะเจอวิวในตำนานในรูปนี้


อันนี้แสงก่อนกลับอีกซักรูป

ทีนี้ถ้าอยากจะเห็นภูเขาด้านหลังใกล้ๆนั้น ต้องเดินเขาขึ้นไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ผมไม่ได้ไป เพราะจะไม่ทันรอบรถเมลล์กลับ แนะนำว่าถ้าอยากจะเห็นวิวภูเขาด้วย ต้องนอนที่เมือง Bressanone แล้วตื่นแต่เช้า ไปกับรถบัสรอบเช้าๆ และเข้าไป พี่ๆจะไม่ผิดหวัง แล้วควรซื้อของกินตั้งแต่ที่เมืองด้วย เพราะที่หมู่บ้านนั้นแทบไม่มีอะไรเลย มีคาเฟ่เล็กๆสองสามแห่งเท่านั้น และควรเตรียมชุดไปเดินเขาดีๆ โดยเฉพาะรองเท้า เพราะทางเดินเขามันอาจะลื่นได้ในบางจุด
หลังจากพอใจกับวิวและอากาศบริสุทธิ์แล้ว เราก็กลับด้วยรถบัสและรถไฟเหมือนขามาทุกประการ ตารางรถเมลล์สาย 340 เป็นไปตามนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วันต่อมาเราจะมุ่งหน้าไปยังอีกหนึ่งพระเอกของเราคือ Seceda ซึ่งคืออีกด้านของภูเขาที่เราไปดูมาเมื่อวาน โดยการเดินทางวันนี้ เราจะนั่งรถบัสจาก ท่ารถเมลล์ในเมือง Bolzano ตรงไปยังเมือง Ortisei (St. Ulrich) โดยรถสาย 170 (มีอีกหลายสายที่ไป พี่ๆสามารถหาได้จากเว็บไซด์ด้านบนได้เช่นกัน)


ตารางรถเมลล์ สาย 170
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที โดยระหว่างทางนั้นสวยมาก แนะนำให้นั่งด้านซ้ายขาไป หรือด้านขวาตอนขากลับ เพื่อวิวที่สวยงามที่สุด คราวนี้พอถึงจะมีตัวเลือกกระเช้าสามอันในเมือง เราจะเลือกอันที่เขียนว่า Seceda cable car ครับ

วิวระหว่างทางครับ ว่าจะหลับ หลับไม่ลงเลยทีเดียว


แผนที่ในเมือง Ortesei โดยคร่าวๆ


กระเช้านี้ไม่รวมอยู่ใน Pass ที่เราซื้อไป มีราคาอยู่ที่ 30 ยูโรต่อคน ต้องซื้อไปให้ถึง เพราะว่าวิวจริงๆอยู่บนนั้น หรือถ้าอยากเดินเขา ก็สามารถทำได้ แต่ต้องค้างที่เมือง Ortisei นี้แน่นอน เพราะดูไกล และสูงมาก พอนั่งกระเช้าถึง ก็จะพบถึงวิวอันอลังการงานสร้าง












กินข้าวหลักสิบ(ยูโร) วิวหลักล้าน มีความสุขมากๆ



เราผู้ซึ่งไม่เตรียมพร้อมสำหรับการเดินเขามาเลยนั้น มีความทุลักทุเลในการเดินเขาเป็นอย่างมาก เหนื่อยมาก แต่วิวนั้นสุดยอด บรรยายไม่ถูก ถ่ายรูปรัวๆจนเมมจะเต็มเลยทีเดียว เหนื่อยแต่คุ้ม สำหรับการกินนั้น มากินบนนี้มีร้านพอสมควร แต่ต้องเดินไปกินนะ เพราะร้านมันไกล ร้านติดตรงกระเช้านั้นแพงที่สุด อย่าไปกิน เปลือง หลังจากเต็มอิ่มกับวิวอันตระการตา (ความจริงคือต้องลงแล้ว เดี๋ยวรถเมลล์หมด) เราก็ลงไปดูตัวเมือง Ortisei ซักหน่อย เมืองนี้สวยดี มีความเป็นสวิสหน่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก และเราก็นั่งรถบัสกลับเมือง Bolzano ของเรา

วันต่อมา เราจะต้องกลับลงไป Verona ฉนั้นเราจะเที่ยวใกล้ๆเมือง Bolzano กัน แต่ก่อนอื่นนั้น เราขอเติมพลังกันหน่อยที่ร้าน Cafe Loacker เพราะเมืองนี้นั้นเป็นต้นกำเนิดของ Waffer แสนอร่อย Loacker นั้นเอง โดยที่นี่ก็จะมี Loacker แบบต่างๆรวมถึงกาแฟ ขนม และอาหารขายด้วย คนที่รัก Loacker (รวมถึงผม) ไม่ควรพลาด (ที่ Verona ก็มีร้านนี้นะครับ อยู่ในบริเวณเมืองเก่า ไปกินและซื้อขนมฝากกันได้เช่นกัน)


หลังจากเต็มอิ่มกับกาแฟแล้ว เราจะนั่งกระเช้าในเมือง Bolzano ที่อยู่ใกล้สถานนีรถไฟ (อันนี้ฟรีสำหรับตั๋ว Pass) ไปยังเมืองที่ชื่อว่า Soprabolzano (Oberbozen) ที่อยู่ด้านบนเขาที่ล้อมรอบเมือง Bolzano ไว้ ซึ่งเมืองนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการไปเที่ยวเมืองต่างๆด้านบนนี้ (ใช้ Pass ได้ทั้งหมด) จุดที่หน้าสนใจนั้นคือหินที่มีลักษณะแหลมๆแปลก เรียกว่า Ritten earth pyramids แต่ผมไม่ได้ไป เนื่องจากผมต้องกลับ Verona ตอนเย็น ผมเลยเดินเล่นและชมวิวด้านบนนิดหน่อย บนนี้มีรถไฟวิ่งช้าๆ พาชมวิวด้วย นั่งได้ฟรีสำหรับคนมี Pass ที่ขึ้นก็หน้าทางออกของกระเช้า โดยภูเขาที่เห็นเป็นหลักนี้ เป็นภูเขาที่อยู่บนห่อขนม Loacker นั่นเอง

แผนที่ไปกระเช้าโดยคร่าว


วิวจากเมืองด้านบน


วิวเมือง Bolzano จากบนกระเช้า

หลังจากนั้นผมก็นั่งกระเช้าลงมา และรอรถไฟกลับเมือง Verona เป็นอันจบทริปครับ

โดยรวมทริปนี้ ผมประทับใจมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่ว่า เราไม่ขับรถ ก็สามารถเที่ยว และไปเห็นอะไรๆมากมาย ในราคาที่ถูกกว่าค่าเช่ารถและต้องหาที่จอดอีก แต่จะสะดวกกว่านี้ ถ้าได้นอนในเมืองที่ใกล้กับที่ที่เราจะไปเที่ยวจริงๆ 5555

ซึ่งความเป็นจริงเทือกเขาบริเวณนี้ ยังมีอะไรสวยๆอีกมากมายให้ทุกคน ได้ลองไปค้นหา และไปเที่ยวด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องขับรถ ก็สนุก และประทับใจได้ไม่แพ้กันเลย

ยังไงก็หวังว่า รีวิวแรกของผมอันนี้ จะเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนในการตัดสินใจในการมาเที่ยวอิตาลีในละแวกนี้ได้บ้าง ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตาม

ติชมยังไงก็แสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ

ขอบคุณและสวัสดีครับ
ชื่อสินค้า:   สถานที่ท่องเที่ยว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่