เทือกเขาแอลป์อยู่ในเขตพื้นที่หลายประเทศ และหลายคนยกให้อิตาลีเป็นประเทศหนึ่งที่เห็นวิวของเทือกเขานี้สวยที่สุด ซึ่งอยู่ในส่วนของพื้นที่ที่เรียกว่า “โดโลไมต์” หรือ โดโลมิติ (Dolomites/Dolomiti) ซึ่งอยู่ในแคว้น South Tyrol ทางตอนเหนือของอิตาลี
โดโลไมต์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage ตั้งแต่ปี 2009 กินพื้นที่ถึง 5 จังหวัดทางตอนเหนือของอิตาลี คือ Belluno, Bolzano/Bozen, Pordenone, Trento และ Udine
VDO preview (อย่าลืมกดดูแบบ HD นะครับ)
Dolomite Landscape
สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีความแปลกตาแก่ผู้พบเห็น และเตะตาผมจะทำให้มีทริปนี้เกิดขึ้นมา คือ ลักษณะของภูมิประเทศที่มีเอกลักษณ์จนมีชื่อเรียกว่าเป็น “Dolomite Landscape”
---------------------------
เกริ่นนำ
ทริปนี้ขับรถเป็นวงครับ โดยเริ่มจากมิลานและเข้า Great Dolomites Road ทางตะวันตกทางเมือง Bolzano และสิ้นสุดทางตะวันออกที่เมือง Cortina d’Ampezzo แล้วขับกลับมาคืนรถที่มิลานเป็นอันจบทริปใช้เวลาใน Dolomites ทั้งหมดสามวันครึ่งกับ 4 คืนตามแผนที่ด้านล่าง ส่วนเมืองที่พักตามวงกลมรูปตัว H ครับ
- วันที่ 1 (เส้นสีส้ม) – Val di Funes (ตอนเย็น)
- วันที่ 2 (เส้นสีเขียว) – Ortisei (Funivie Seceda และ Funivie Ortisei), Lake Carezza, Passo Pordoi
- วันที่ 3 (เส้นสีม่วง) – Passo Pordoi, Passo Falzarego (Lake Limides), Tre Cime di Lavaredo
- วันที่ 4 (เส้นสีน้ำตาล) – Tre Cime, Lake Misurina, Pragser Wildsee (Lake Braies), Passo Giau, Cortina
ปล. สถานที่ที่ผมแวะในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นไฮไลท์ที่คนมักจะไปกัน แต่ระหว่างเส้นทางนี้ยังมีจุดแวะต่างๆ อีกมากเลยนะครับ ถ้ามีเวลาเที่ยวเยอะหน่อย ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมและมาแบ่งปันกันได้ครับ
-----------------------------
ไปช่วงไหนดี
-- ผมชอบความเขียวขจีแซมด้วยดอกไม้หลากสีสัน เลยแนะนำให้มาช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิกับต้นๆ ฤดูร้อนครับ ซึ่งก็คือช่วงเดือน
มิถุนายนถึงสิงหาคม นอกจากวิวจะสวยเป็นพิเศษแล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่กระเช้าต่างๆ และที่พักวิวดีๆ เปิดปกติอีกด้วย ที่สำคัญมืดช้ามากๆๆ (พระอาทิตย์ตกประมาณ 2-3 ทุ่ม) ทำให้แต่ละวันมีเวลาเที่ยวนานหน่อย
-- แต่ๆๆๆ ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อนแต่สภาพอากาศบนภูเขาก็ทำนายลำบากครับ ถ้าเกิดพยากรณ์อากาศบอกว่าเมฆมากหรือฝนตก ให้เตรียมใจไว้นิดนึงว่าหมอกน่าจะเยอะจนอาจทำให้ไม่เห็นวิวภูเขาก็ได้ แต่ยังไงซะอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วครับ ถ้าหมอกเยอะก็อดใจรอนิดนึงโชค “อาจจะ” เข้าข้างมีลมพัดหมอกหายไป “แป๊บนึง” ให้เราได้เสพวิวสวยๆ ก็เป็นได้
-- ถ้าชอบหิมะและรักการเล่นสกีก็ต้องมาฤดูหนาว มีที่เล่นสกีเต็มไปหมด แต่ต้องเช็คให้ดีก่อนว่าถนนเส้นไหน ที่พัก หรือกระเช้าไหนปิดบ้าง และขับรถต้องระมัดระวังให้มาก
-- เที่ยวแถบนี้จำเป็นต้องขับรถครับ เพราะไม่มีรถไฟ จะมีก็แต่รถบัสไปตามเมืองใหญ่ๆ เช่น Bolzano, Ortisei, Cortina แต่ตามจุดเล็กๆ น้อยๆ ของ Great Dolomites Road นั้นยังไม่มีรถบริการทั่วถึงครับ จุดเริ่มต้นสามารถเริ่มเดินทางได้ทั้งจากมิลาน (4-5 ชั่วโมง) หรือเวนิส (2 ชั่วโมงกว่า)
-- ส่วนการขับรถนั้นเหมือนขับรถพวงมาลัยซ้ายของอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ ในยุโรป สภาพถนนก่อนเข้า Dolomites นี่ดีมากและกว้างขวาง แต่เสียค่าทางด่วนหลายต่อหน่อย ให้สังเกตสัญลักษณ์ดีๆ ถ้าไม่มี Pass ให้เข้าช่องเงินสดครับ (สองรูปขวาในรูปล่าง)
-- แต่พอเข้าช่วง Great Dolomites Road จะกลายเป็นถนนสองเลน ถนนดีแต่แคบหน่อยและทางหลายช่วงจะคดเคี้ยวมาก คนนั่งก็กินยาแก้เมารถกันไว้เลยก็ดีครับ ตอนขับก็จะกดดันนิดนึงตอนที่คันหลังขับมาจี้ตูดนี่แหละ
----------------------------
พักที่ไหนดี
-- แล้วแต่แผนการเดินทาง สถานที่ที่จะแวะ และจริตแต่ละคนเลยครับ จะเอาโรงแรม, hostel, กระท่อมบนเขา (ที่เขาเรียกว่า “Rifugio”) หรือกางเต๊นท์ก็ตามสะดวก แต่แนะนำให้จองแต่เนิ่นๆ ครับ เพราะช่วง high season ทุกอย่างจะเต็มเร็ว โรงแรมในเมืองราคาก็พอประมาณมีตั้งแต่ปานกลางจนแพงมากไปเลย ผมจองผ่าน booking.com นี่มีให้เลือกเยอะและราคาดีสุดละ แต่ถ้าจะเอาใกล้ชิดธรรมชาติก็เลือกแบบ rifugio ก็ได้ครับซึ่งส่วนใหญ่ต้องหาจองจากลิงค์เว็บไซด์ของเขาเลย
-- ทริปของผม ส่วนใหญ่เลือกพักโรงแรมในเมือง แต่มาพักที่ rifugio 1 คืน คือ Rifugio Locatelli (Dreizinnenhuette) บนอุทยาน Tre Cime เพราะอยากได้วิวยอดเขาพร้อมแสงเช้า แสงเย็นและวิวกลางคืนให้คุ้ม ถ้าเอาตามแผนด้านบนของผมก็จะเหนื่อยตรงที่ต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกวันนี่แหละครับ แต่เพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปมาก็เลยต้องยอมเหนื่อยหน่อย อีกอย่างถนนนี่คดเคี้ยวมาก ขับไปกลับโรงแรมเดิมคงไม่ไหวแน่ๆ
การจอง Rifugio Locatelli
ที่นี่เป็นกระท่อมบนเขาที่วิวสวยมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เห็นรูปแล้วเลยต้องมาให้ได้ ที่นี่เขาจะปิดช่วงฤดูหนาวครับ ต้องเช็คในเว็บไซต์ดูว่าเริ่มเปิดวันไหน ส่วนของปี 2018 นี่เขาเปิด 30 มิถุนายน วิธีการจองให้เข้าไปที่เว็บไซด์เพื่อเช็ควันและราคาดู และอีเมลไปจองโดยตรงครับ ราคานี่แพงพอควรครับ แต่รับรองคุ้ม!
-- แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน ตามไปที่
www.dreizinnenhuette.com นี้ครับหรืออีเมลไปที่ rifugio-locatelli@rolmail.net หรือ dreizinnenhuette@rolmail.net (สามารถจองได้ตั้งแต่ช่วงที่เขาปิด)
-- มีห้องหลายชนิดให้เลือกทั้ง private 2 คน, 4 คน และนอนรวมแบบเรียงเป็นตับ ของผมจองเร็วได้ห้อง 4 คนพอดีเลยสบายหน่อย
-- มีห้องส้วมรวม (ฟรี) แต่ถ้าจะอาบน้ำเสียเงิน 8 euro ต่อคน! ต่อ 5 นาที! และจำกัดวันละไม่เกิน 20 คน! (แจ้งที่เคาน์เตอร์เขาจะให้เหรียญมาหยอดแล้วเปิดน้ำจับเวลาห้านาที เริ่มอาบได้ 7.00-21.00 โดยประมาณครับ เพราะหลังจากนั้นเขาจะตัดไฟ)
-- มี option ให้เลือกอาหารเช้า หรืออาหารสองมื้อ (half board) หรือไม่เอาอาหารก็ได้ แต่แนะนำแบบสองมื้อไปเลย มื้อเย็นนี่อร่อยและเยอะดี แต่มื้อเช้าน้อยไปหน่อยครับ
-- ไฟฟ้าจะตัดตอนดึกๆ และเปิดให้ใช้อีกทีตอนหกโมงเช้า (ไม่แน่ใจว่าตัดไฟกี่โมงเพราะหลับไปก่อน ตื่นมาอีกที อ้าว..ชาร์ตไฟไม่เข้า)
-- พักที่นี่ให้จอดรถที่ Rifugio Auronzo แล้วเดินไต่เขาขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง ไว้จะเล่าในเนื้อเรื่องต่อไปครับ
อ่านเพิ่มเติม:
--
www.breathemyworld.com/2018/07/13/อิตาลี-กี่ครั้งก็ไม่พอ/
--
www.breathemyworld.com
[CR] อิตาลีกี่ครั้งก็ไม่พอ...ตอน เทือกเขาโดโลไมต์ (Dolomites)
ทริปนี้ขับรถเป็นวงครับ โดยเริ่มจากมิลานและเข้า Great Dolomites Road ทางตะวันตกทางเมือง Bolzano และสิ้นสุดทางตะวันออกที่เมือง Cortina d’Ampezzo แล้วขับกลับมาคืนรถที่มิลานเป็นอันจบทริปใช้เวลาใน Dolomites ทั้งหมดสามวันครึ่งกับ 4 คืนตามแผนที่ด้านล่าง ส่วนเมืองที่พักตามวงกลมรูปตัว H ครับ
- วันที่ 1 (เส้นสีส้ม) – Val di Funes (ตอนเย็น)
- วันที่ 2 (เส้นสีเขียว) – Ortisei (Funivie Seceda และ Funivie Ortisei), Lake Carezza, Passo Pordoi
- วันที่ 3 (เส้นสีม่วง) – Passo Pordoi, Passo Falzarego (Lake Limides), Tre Cime di Lavaredo
- วันที่ 4 (เส้นสีน้ำตาล) – Tre Cime, Lake Misurina, Pragser Wildsee (Lake Braies), Passo Giau, Cortina
ปล. สถานที่ที่ผมแวะในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นไฮไลท์ที่คนมักจะไปกัน แต่ระหว่างเส้นทางนี้ยังมีจุดแวะต่างๆ อีกมากเลยนะครับ ถ้ามีเวลาเที่ยวเยอะหน่อย ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมและมาแบ่งปันกันได้ครับ
-- ผมชอบความเขียวขจีแซมด้วยดอกไม้หลากสีสัน เลยแนะนำให้มาช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิกับต้นๆ ฤดูร้อนครับ ซึ่งก็คือช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม นอกจากวิวจะสวยเป็นพิเศษแล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่กระเช้าต่างๆ และที่พักวิวดีๆ เปิดปกติอีกด้วย ที่สำคัญมืดช้ามากๆๆ (พระอาทิตย์ตกประมาณ 2-3 ทุ่ม) ทำให้แต่ละวันมีเวลาเที่ยวนานหน่อย
-- แต่ๆๆๆ ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อนแต่สภาพอากาศบนภูเขาก็ทำนายลำบากครับ ถ้าเกิดพยากรณ์อากาศบอกว่าเมฆมากหรือฝนตก ให้เตรียมใจไว้นิดนึงว่าหมอกน่าจะเยอะจนอาจทำให้ไม่เห็นวิวภูเขาก็ได้ แต่ยังไงซะอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วครับ ถ้าหมอกเยอะก็อดใจรอนิดนึงโชค “อาจจะ” เข้าข้างมีลมพัดหมอกหายไป “แป๊บนึง” ให้เราได้เสพวิวสวยๆ ก็เป็นได้
-- ถ้าชอบหิมะและรักการเล่นสกีก็ต้องมาฤดูหนาว มีที่เล่นสกีเต็มไปหมด แต่ต้องเช็คให้ดีก่อนว่าถนนเส้นไหน ที่พัก หรือกระเช้าไหนปิดบ้าง และขับรถต้องระมัดระวังให้มาก
-- เที่ยวแถบนี้จำเป็นต้องขับรถครับ เพราะไม่มีรถไฟ จะมีก็แต่รถบัสไปตามเมืองใหญ่ๆ เช่น Bolzano, Ortisei, Cortina แต่ตามจุดเล็กๆ น้อยๆ ของ Great Dolomites Road นั้นยังไม่มีรถบริการทั่วถึงครับ จุดเริ่มต้นสามารถเริ่มเดินทางได้ทั้งจากมิลาน (4-5 ชั่วโมง) หรือเวนิส (2 ชั่วโมงกว่า)
-- ส่วนการขับรถนั้นเหมือนขับรถพวงมาลัยซ้ายของอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ ในยุโรป สภาพถนนก่อนเข้า Dolomites นี่ดีมากและกว้างขวาง แต่เสียค่าทางด่วนหลายต่อหน่อย ให้สังเกตสัญลักษณ์ดีๆ ถ้าไม่มี Pass ให้เข้าช่องเงินสดครับ (สองรูปขวาในรูปล่าง)
-- แต่พอเข้าช่วง Great Dolomites Road จะกลายเป็นถนนสองเลน ถนนดีแต่แคบหน่อยและทางหลายช่วงจะคดเคี้ยวมาก คนนั่งก็กินยาแก้เมารถกันไว้เลยก็ดีครับ ตอนขับก็จะกดดันนิดนึงตอนที่คันหลังขับมาจี้ตูดนี่แหละ
-- แล้วแต่แผนการเดินทาง สถานที่ที่จะแวะ และจริตแต่ละคนเลยครับ จะเอาโรงแรม, hostel, กระท่อมบนเขา (ที่เขาเรียกว่า “Rifugio”) หรือกางเต๊นท์ก็ตามสะดวก แต่แนะนำให้จองแต่เนิ่นๆ ครับ เพราะช่วง high season ทุกอย่างจะเต็มเร็ว โรงแรมในเมืองราคาก็พอประมาณมีตั้งแต่ปานกลางจนแพงมากไปเลย ผมจองผ่าน booking.com นี่มีให้เลือกเยอะและราคาดีสุดละ แต่ถ้าจะเอาใกล้ชิดธรรมชาติก็เลือกแบบ rifugio ก็ได้ครับซึ่งส่วนใหญ่ต้องหาจองจากลิงค์เว็บไซด์ของเขาเลย
-- ทริปของผม ส่วนใหญ่เลือกพักโรงแรมในเมือง แต่มาพักที่ rifugio 1 คืน คือ Rifugio Locatelli (Dreizinnenhuette) บนอุทยาน Tre Cime เพราะอยากได้วิวยอดเขาพร้อมแสงเช้า แสงเย็นและวิวกลางคืนให้คุ้ม ถ้าเอาตามแผนด้านบนของผมก็จะเหนื่อยตรงที่ต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกวันนี่แหละครับ แต่เพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปมาก็เลยต้องยอมเหนื่อยหน่อย อีกอย่างถนนนี่คดเคี้ยวมาก ขับไปกลับโรงแรมเดิมคงไม่ไหวแน่ๆ
ที่นี่เป็นกระท่อมบนเขาที่วิวสวยมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เห็นรูปแล้วเลยต้องมาให้ได้ ที่นี่เขาจะปิดช่วงฤดูหนาวครับ ต้องเช็คในเว็บไซต์ดูว่าเริ่มเปิดวันไหน ส่วนของปี 2018 นี่เขาเปิด 30 มิถุนายน วิธีการจองให้เข้าไปที่เว็บไซด์เพื่อเช็ควันและราคาดู และอีเมลไปจองโดยตรงครับ ราคานี่แพงพอควรครับ แต่รับรองคุ้ม!
-- แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือน ตามไปที่ www.dreizinnenhuette.com นี้ครับหรืออีเมลไปที่ rifugio-locatelli@rolmail.net หรือ dreizinnenhuette@rolmail.net (สามารถจองได้ตั้งแต่ช่วงที่เขาปิด)
-- มีห้องหลายชนิดให้เลือกทั้ง private 2 คน, 4 คน และนอนรวมแบบเรียงเป็นตับ ของผมจองเร็วได้ห้อง 4 คนพอดีเลยสบายหน่อย
-- มีห้องส้วมรวม (ฟรี) แต่ถ้าจะอาบน้ำเสียเงิน 8 euro ต่อคน! ต่อ 5 นาที! และจำกัดวันละไม่เกิน 20 คน! (แจ้งที่เคาน์เตอร์เขาจะให้เหรียญมาหยอดแล้วเปิดน้ำจับเวลาห้านาที เริ่มอาบได้ 7.00-21.00 โดยประมาณครับ เพราะหลังจากนั้นเขาจะตัดไฟ)
-- มี option ให้เลือกอาหารเช้า หรืออาหารสองมื้อ (half board) หรือไม่เอาอาหารก็ได้ แต่แนะนำแบบสองมื้อไปเลย มื้อเย็นนี่อร่อยและเยอะดี แต่มื้อเช้าน้อยไปหน่อยครับ
-- ไฟฟ้าจะตัดตอนดึกๆ และเปิดให้ใช้อีกทีตอนหกโมงเช้า (ไม่แน่ใจว่าตัดไฟกี่โมงเพราะหลับไปก่อน ตื่นมาอีกที อ้าว..ชาร์ตไฟไม่เข้า)
-- พักที่นี่ให้จอดรถที่ Rifugio Auronzo แล้วเดินไต่เขาขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง ไว้จะเล่าในเนื้อเรื่องต่อไปครับ
อ่านเพิ่มเติม:
-- www.breathemyworld.com/2018/07/13/อิตาลี-กี่ครั้งก็ไม่พอ/
-- www.breathemyworld.com
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้