ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนสิงหาคม 2561 จากการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อยู่ในระดับ 83.2 สูงที่สุดในรอบ 64 เดือน อาจไม่ตรงกับการรับรู้และบรรยากาศ
ทางเศรษฐกิจที่ประชาชนหลายคนหลายกลุ่มเผชิญอยู่
ยิ่งเมื่อสรุปว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะกลับมาดีขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัว
ลดลงช่วง 3 เดือนก่อน ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ส่วนข้อความประกอบดัชนีว่าความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นมาสู่ระดับ 100 เป็นครั้งแรก
จะทำให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ถือเป็นอีกเรื่องที่น่าออกไปเดินสำรวจตลาด ห้างร้านต่างๆ รวมถึง
กิจการของผู้ประกอบการรายย่อย
เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นและน่าจะใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากขึ้น
ตัวเลขของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ดังกล่าวมองว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.6-5
มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.5 จึงจะประกาศปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของ
เศรษฐกิจไทยอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
ส่วนการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประจำเดือนกันยายน 2561 ประเมิน
ต่างไปว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเติบโตผ่อนแรงลง จากปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ
อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3-4.8 ประเมินจากการส่งออกน่าจะเติบโตร้อยละ 7-10
การท่องเที่ยวที่เริ่มชะลอตัวลง และดัชนีราคาสินค้าเกษตรยังคงหดตัว
ระหว่างการสำรวจและคาดการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคเพิ่งเห็นชอบ
กรอบจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ 2563 สูงถึง 28,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นค่าดำเนินงานโครงการของจังหวัด 19,600 ล้านบาท กลุ่มจังหวัด 8,400 ล้านบาท และค่าบริหารงาน
จังหวัด 695 ล้านบาท กลุ่มจังหวัด 89 ล้านบาท
แม้ชื่องบประมาณคล้ายการกระจายรายได้ หากแต่ละพื้นที่ต้องให้จัดทำแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี แผนแม่บทแผนปฏิรูปประเทศแผนพัฒนาฉบับที่ 12 และนโยบายรัฐบาลที่มาจากส่วนกลาง
ความหวังและความเชื่อมั่นที่จะได้เห็นการกระจายตัวของเศรษฐกิจจึงน่าสงสัยพอๆ กับตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
บทบรรณาธิการ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ..../ข่าวสดออนไลน์..../sao..เหลือ..noi
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อยู่ในระดับ 83.2 สูงที่สุดในรอบ 64 เดือน อาจไม่ตรงกับการรับรู้และบรรยากาศ
ทางเศรษฐกิจที่ประชาชนหลายคนหลายกลุ่มเผชิญอยู่
ยิ่งเมื่อสรุปว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะกลับมาดีขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง หลังจากที่ปรับตัว
ลดลงช่วง 3 เดือนก่อน ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ส่วนข้อความประกอบดัชนีว่าความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นมาสู่ระดับ 100 เป็นครั้งแรก
จะทำให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ถือเป็นอีกเรื่องที่น่าออกไปเดินสำรวจตลาด ห้างร้านต่างๆ รวมถึง
กิจการของผู้ประกอบการรายย่อย
เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นและน่าจะใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากขึ้น
ตัวเลขของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ดังกล่าวมองว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.6-5
มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.5 จึงจะประกาศปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของ
เศรษฐกิจไทยอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
ส่วนการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประจำเดือนกันยายน 2561 ประเมิน
ต่างไปว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเติบโตผ่อนแรงลง จากปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ
อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3-4.8 ประเมินจากการส่งออกน่าจะเติบโตร้อยละ 7-10
การท่องเที่ยวที่เริ่มชะลอตัวลง และดัชนีราคาสินค้าเกษตรยังคงหดตัว
ระหว่างการสำรวจและคาดการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคเพิ่งเห็นชอบ
กรอบจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ 2563 สูงถึง 28,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นค่าดำเนินงานโครงการของจังหวัด 19,600 ล้านบาท กลุ่มจังหวัด 8,400 ล้านบาท และค่าบริหารงาน
จังหวัด 695 ล้านบาท กลุ่มจังหวัด 89 ล้านบาท
แม้ชื่องบประมาณคล้ายการกระจายรายได้ หากแต่ละพื้นที่ต้องให้จัดทำแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี แผนแม่บทแผนปฏิรูปประเทศแผนพัฒนาฉบับที่ 12 และนโยบายรัฐบาลที่มาจากส่วนกลาง
ความหวังและความเชื่อมั่นที่จะได้เห็นการกระจายตัวของเศรษฐกิจจึงน่าสงสัยพอๆ กับตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภค