นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยก.ย.นี้ เดินหน้าแตะ 1,750 จุด
อ้าวล่ะสิ
1750 มาจริงๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.efinancethai.com/hotnews/hotnewsmain.aspx?release=y&name=eFUxYkNZMTdGalFCOXBlUlRHSU14QT09
นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยก.ย.นี้ เดินหน้าแตะ 1,750 จุด ไม่หวั่นสารพัดปัจจัยลบรุมล้อม ทั้งประเด็นสงครามการค้า สหรัฐฯเตรียมเก็บภาษีวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญจากจีน ขณะที่วิกฤติค่าเงินอาร์เจนตินาส่งผลกระทบต่อไทยเพียงเล็กน้อย เหตุไทยมีสถานะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แนะปรับกลยุทธ์รอเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มที่มีอัพไซด์-ปันผลสูง
*** คาดหุ้นไทยเดือนก.ย.แตะ 1,750 จุด
บล.กสิกรไทย เผย ยังคงมุมมอง SET Index ในเดือนกันยายนนี้ จะเดินหน้าผ่าน 1,730 จุดก่อนและปรับขึ้นไปที่ 1,750 จุด หลังจากที่ปฎิกิริยาของแต่ละตลาดยังไม่รุนแรงมากนักต่อประเด็นสหรัฐอเมริกาเตรียมเก็บภาษีระยะที่ 3 จากจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ โดยตลาดยังมองเป็นเพียงแค่การขู่ เนื่องจากดัชนี S&P500 ปรับลดลงเพียง 0.44% ซึ่งยังอยู่ในโซนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ VIX Index (ดัชนีที่วัดความผันผวนของ S&P500 Index) อยู่ที่ 12.2 จุด แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงและน้อยกว่าตอนปรับฐานใหญ่เมื่อต้นปีที่เคยทำจุดสูงสุดถึง 50.3 จุด หรือตอนที่สหรัฐฯประกาศเก็บภาษี 3.4 และ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อ 14 มิ.ย. ที่ 18.8 จุด
ทั้งนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (US Dollar Index) ยังทรงตัวอยู่ที่ 94.7 ซึ่งแตกต่างจากการประกาศขึ้นภาษีรอบแรกที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์พุ่งตอบรับข่าวทีเดียว 1.42% ขณะที่สกุลเงินหยวนวันที่ 30 ส.ค.61 อ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย 0.29% สู่ 6.84 หยวนต่อดอลลาร์นับเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องมาตั้งแต่ 14 มิ.ย. - 15 ส.ค. กว่า 7.8%
ขณะที่นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต มองกรอบดัชนีเดือนกันยายนไว้ที่ แนวรับ 1,680 - 1,700 จุด และแนวต้านที่ 1,740 - 1,770 จุด ยังมีทิศทางในเชิงบวก แม้จะมีปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามากดดันเป็นระยะ ทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงตลาดอาจกลับมากังวลประเด็นอิตาลีเตรียมยื่นงบประมาณให้กับสภาเพื่อส่งให้สหภาพยุโรป(EU) พิจารณา ซึ่งคาดจะมียอดใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ แต่ปัจจัยในประเทศยังดี โดยเฉพาะตลาดที่ตอบรับเชิงบวกกับทิศทางหุ้นไทยในอนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่เป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนอยู่
"หุ้นไทยยังแกว่งตัวขึ้นแต่อาจไม่ราบรื่นนัก จากปัจจัยต่างประเทศ อาทิ สงครามการค้า แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยดี ดังนั้นภาพรวมของตลาดหุ้นเมื่อได้รับปัจจจัยลบแต่ก็ค่อยๆขึ้นได้จากปัจจัยบวกภายใน จึงแนะนำว่าเป็นจังหวะที่นักลงทุนควรซื้อแบบค่อยๆ เก็บ " นายอดิศักดิ์กล่าว
*** จับตาทรัมป์แย้มยังมีข่าวดีอีก
นอกจากนั้นตลาดยังมีความหวังจากการทวิตข้อความของ ปธน.ทรัมป์ (ช่วง 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทยเมื่อวานนี้) โดยมีใจความสำคัญคือ "ข่าวจากตลาดการเงินดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ สำหรับพวกคุณทุกคนที่แสวงหาโชคในตลาด ข่าวดีมากกว่านี้กำลังจะมาอีก" โดยสรุปจึงยังต้องติดตามกันต่อว่า ปธน.ทรัมป์จะเอาจริงกับเก็บภาษี 2 แสนล้านเหรียญแค่ไหน (สัปดาห์หน้ารู้ผล) และทวิตข้อความ "more good news is coming" ข่าวดีที่ว่ามันจะเป็นอะไร อย่างไรก็ดีวันที่ 31 ส.ค. 61 จะมีการทำข้อตกลงระหว่างสหรัฐและแคนาดา เป็นปัจจัยบวกคอยผยุงดัชนี
อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอน แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือถ้อยแถลงถึงทิศทางดอกเบี้ยในรอบถัดไป ซึ่งหากชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในรอบถัดไปมองว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย
*** วิกฤติอาร์เจนตินากระทบไทยน้อย
ด้านวิกฤติค่าเงินเปโซและเงินเฟ้อในอาร์เจนตินาที่กลับมาอีกครั้ง อาจสร้างผลกระทบต่อกระแสเงินไหลเข้าออก(Fund Flow)ในตลาดหุ้นเกิดใหม่(Emerging Market) แต่อย่างไรก็ตามยังคงมองไทยมีสถานะเศรษฐกิจและการเงินที่แข็งแกร่งเกือบมากที่สุดในกลุ่มน่าจะได้รับผลกระทบจากกระแสเงินไหลออกจำกัด ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ส.ค.61 ธนาคารกลางอาร์เจนตินาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 15% สู่ระดับ 60% เพื่อสะกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสู่ระดับ 25.4% และผยุงสกุลเปโซ ซึ่งอ่อนค่ารุนแรงกว่า 13.93% (ตั้งแต่ต้นปีอ่อนค่าไปแล้วกว่า 101.7%) วิกฤติสกุลเปโซทำให้ค่าเงินกลุ่มประเทศ Emerging Market ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างสกุลเรียวของบราซิลอ่อนค่า 1.97% และลีลาของตุรกีอ่อนค่า 1.90% สร้างบรรยากาศเชิงลบต่อกระแสเงินไหลเข้าออกใน Emerging Market อีกครั้ง
*** แนะหุ้นอัพไซด์สูง หนีตลาดเสี่ยง
ภายใต้ความเสี่ยงของตลาดที่มากขึ้นในขณะนี้ แนะนำปรับกลยุทธ์รอเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มหุ้นที่มีอัพไซด์สูงและอัตราการปันผลสูงเช่น TISCO PTTGC SPALI LH INTUCH ผสานกับธีมการลงทุนอื่นๆเช่น 1)เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) แนะนำ นิคม AMATA ขนส่ง JWD 2) หุ้นขนาดใหญ่ แนะนำ ธนาคาร BBL KTB พลังงาน PTTEP ปิโตรเคมี IVL PTTGC และสื่อสาร ADVANC TRUE 3) หุ้นคาดกำไรในครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก และมีอัพไซด์เปิดกว้าง BJC PRM ORI STEC RJH SVI COM7 HANA MTC SAWAD SPALI
ขณะที่บล.ธนชาต แนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ BBL รับอานิสงส์แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี , หุ้นรับการเลือกตั้ง PLANB , หุ้นรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ AMATA , STEC
นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยก.ย.นี้ เดินหน้าแตะ 1,750 จุด
1750 มาจริงๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้