ผมคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าครับ
คิดว่าเป็นมาได้ช่วงนึงแล้ว แต่ยังไม่เคยไปหาหมอ (หรือคิดไปเองว่าเป็น) เพราะว่าผมเครียดหลายเรื่องมากๆ
ไม่เคยเจอกับตัว เคยแต่ให้คำปรึกษาเพื่อน จนมาเจอกับตัวแบบการกดดัน บางคนอาจจะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่สำหรับผมถือว่าผมอึดอัดมาก แต่ผมก็รักท่านนะครับ ไม่ใช่ไม่รักแต่อย่างใด
ขออนุญาตเล่าแบบนี้ว่า ผมเป็นลูกคนเล็ก พี่ชาย 2 คนของผมก็ยังมีงานที่ยังไม่เป็นหลัก เป็นแหล่ง
ตอนนี้แม่ก็เลยเริ่มมีความหวังกับผมในทุกๆ ด้าน
เช่นด้านการเรียน แม่อยากให้ผมเรียนเอกภาษาอังกฤษ (เพราะเข้าใจว่าผมเก่งภาษาที่ 3) แต่ผมก็มาเรียนภาษาไทย
แม่ก็อยากให้เรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ผมก็พยายาม แต่ก็ได้มาแค่อันดับ 2
แม่อยากให้ผมจบมาแล้วรับราชการครู แต่ผมก็เริ่มรู้สึกไม่ศรัทธาต่อการอยากเป็นครูแล้ว
พอเรียนจบ แม่ก็อยากให้ไปหางานครูทำที่บ้าน แต่ผมก็มาทำงานที่กรุงเทพ เพราะเห็นว่าโอกาสมันเยอะมาก
แม่บอกให้หางานครูทำไปพลางๆ ก่อน แต่ผมก็ชอบที่จะเป็นคนทำงานสายอื่น ก็มาสมัครงานทำงานอื่นๆ รอ
แต่เมื่อเปิดสอบครูผู้ช่วยรอบทั่วไปเปิด แม่ก็ให้ไปสมัคร ผมก็คิดว่าสมัครเล่นๆ เพราะคงสอบไม่ติดแน่ๆ
เพราะผมไม่ได้อ่านหนังสือเลย ตลอดเวลาที่ทำงาน
หลังจากนั้นไปสอบครูผู้ช่วย ในใจผมคิดว่าจะไปเช็คอินที่สนามสอบ แล้วก็กลับ เพราะอยากให้แม่รู้ว่าผมพยายามแล้ว
แต่เช้าวันสอบแม่ก็ทักมาในเฟซบุ๊กว่า "แม่รักหนูนะ" ผมก็เลยไปที่สนามสอบและขึ้นสอบ
ทำไป ทำมา... ผลปรากฏว่า "ผมสอบขึ้นบัญชีได้"
มันคือความสุขของแม่ครับ แม่ดีใจมาก และแม่ก็ไปประกาศให้ทุกคนทราบ ด้วยความดีใจของแก
(ตรงนี้ผมไม่ติดใจอะไรนะ เพราะทราบว่าแม่มีความสุขมากๆ)
แต่ที่มากกว่านั้น คือ แม่ชอบบอกว่า ทำต้องทำให้ได้นะ หนูเก่ง หนูต้องเหมือนพี่คนนั้น คนนี้ ป้าบอกว่าหนูหล่อมาก ลุงบอกว่าหนูเก่งมาก
ผมก็บอกแม่ว่า แม่อย่าเพิ่งไปบอกใครต่อใครนะ เพราะมันแค่ขึ้นบัญชี แต่ว่ายังไม่ได้เรียกบรรจุ
เพราะยังเหลือสัมภาษณ์อีก เราก็ไม่ทราบว่าจะเรียกไปบรรจุตอนไหน เพราะทำไปทำมา เขาไม่เรียกบรรจุ แม่จะเก้อ และอายที่พูดไปแล้วไม่ได้บรรจุ
ผมขอร้องแม่ว่า แม่อย่ากดดันผมนะ เพราะตอนนี้เครียดมากเหมือนกัน
เลยบอกแม่ไปว่าเราก็เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เรื่องความเครียด และจิตเวชบ่อยๆ ให้แม่ทราบ
เพราะเราความรู้สึกว่าเราน่าจะตายไปซะ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ ไม่ได้รู้สึกด้อยค่า แต่รู้สึกเครียด ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
แม่ก็บอกว่าถ้าจะอยากตายก็ตายไปเถอะ ถ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ "ไม่เห็นแก่เงินที่ส่งร่ำเรียนมาจนจบ"
ผมจุกมาก จุกขนาดที่ว่า "นี่แม่เห็นเราเป็นตัวอะไร" เมื่อคืนผมก็เครียดมาก รู้สึกอยากตายอีกรอบในรอบ 1 เดือน
สุดท้ายนี้
"ผมยังรักแม่ของผมมากๆ นะครับ แต่เรื่องความคาดหวังของแม่ต่อตัวผมเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ผมเครียด"
_____________________________________
คือจริงๆ สุดท้ายที่ผมมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง คืออยากทราบว่า ผมควรดีลกับตัวเอง ดีลกับแม่ในเรื่องนี้ยังไง
ผมควรวางแผนชีวิตของผมยังไง มีใครโดนกดดันแบบไหนอย่างไร แล้วก้าวข้ามจุดนั้นมายังไงบ้างครับ และสุดท้าย เราตั้ง mindset ในหัวเรายังไงบ้าง
_____________________________________
เคยโดนพ่อแม่กดดันหนักสุดขนาดไหนกันบ้างครับ แล้วให้กำลังใจตัวเองยังไงกันบ้าง
คิดว่าเป็นมาได้ช่วงนึงแล้ว แต่ยังไม่เคยไปหาหมอ (หรือคิดไปเองว่าเป็น) เพราะว่าผมเครียดหลายเรื่องมากๆ
ไม่เคยเจอกับตัว เคยแต่ให้คำปรึกษาเพื่อน จนมาเจอกับตัวแบบการกดดัน บางคนอาจจะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่สำหรับผมถือว่าผมอึดอัดมาก แต่ผมก็รักท่านนะครับ ไม่ใช่ไม่รักแต่อย่างใด
ขออนุญาตเล่าแบบนี้ว่า ผมเป็นลูกคนเล็ก พี่ชาย 2 คนของผมก็ยังมีงานที่ยังไม่เป็นหลัก เป็นแหล่ง
ตอนนี้แม่ก็เลยเริ่มมีความหวังกับผมในทุกๆ ด้าน
เช่นด้านการเรียน แม่อยากให้ผมเรียนเอกภาษาอังกฤษ (เพราะเข้าใจว่าผมเก่งภาษาที่ 3) แต่ผมก็มาเรียนภาษาไทย
แม่ก็อยากให้เรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ผมก็พยายาม แต่ก็ได้มาแค่อันดับ 2
แม่อยากให้ผมจบมาแล้วรับราชการครู แต่ผมก็เริ่มรู้สึกไม่ศรัทธาต่อการอยากเป็นครูแล้ว
พอเรียนจบ แม่ก็อยากให้ไปหางานครูทำที่บ้าน แต่ผมก็มาทำงานที่กรุงเทพ เพราะเห็นว่าโอกาสมันเยอะมาก
แม่บอกให้หางานครูทำไปพลางๆ ก่อน แต่ผมก็ชอบที่จะเป็นคนทำงานสายอื่น ก็มาสมัครงานทำงานอื่นๆ รอ
แต่เมื่อเปิดสอบครูผู้ช่วยรอบทั่วไปเปิด แม่ก็ให้ไปสมัคร ผมก็คิดว่าสมัครเล่นๆ เพราะคงสอบไม่ติดแน่ๆ
เพราะผมไม่ได้อ่านหนังสือเลย ตลอดเวลาที่ทำงาน
หลังจากนั้นไปสอบครูผู้ช่วย ในใจผมคิดว่าจะไปเช็คอินที่สนามสอบ แล้วก็กลับ เพราะอยากให้แม่รู้ว่าผมพยายามแล้ว
แต่เช้าวันสอบแม่ก็ทักมาในเฟซบุ๊กว่า "แม่รักหนูนะ" ผมก็เลยไปที่สนามสอบและขึ้นสอบ
ทำไป ทำมา... ผลปรากฏว่า "ผมสอบขึ้นบัญชีได้"
มันคือความสุขของแม่ครับ แม่ดีใจมาก และแม่ก็ไปประกาศให้ทุกคนทราบ ด้วยความดีใจของแก
(ตรงนี้ผมไม่ติดใจอะไรนะ เพราะทราบว่าแม่มีความสุขมากๆ)
แต่ที่มากกว่านั้น คือ แม่ชอบบอกว่า ทำต้องทำให้ได้นะ หนูเก่ง หนูต้องเหมือนพี่คนนั้น คนนี้ ป้าบอกว่าหนูหล่อมาก ลุงบอกว่าหนูเก่งมาก
ผมก็บอกแม่ว่า แม่อย่าเพิ่งไปบอกใครต่อใครนะ เพราะมันแค่ขึ้นบัญชี แต่ว่ายังไม่ได้เรียกบรรจุ
เพราะยังเหลือสัมภาษณ์อีก เราก็ไม่ทราบว่าจะเรียกไปบรรจุตอนไหน เพราะทำไปทำมา เขาไม่เรียกบรรจุ แม่จะเก้อ และอายที่พูดไปแล้วไม่ได้บรรจุ
ผมขอร้องแม่ว่า แม่อย่ากดดันผมนะ เพราะตอนนี้เครียดมากเหมือนกัน
เลยบอกแม่ไปว่าเราก็เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เรื่องความเครียด และจิตเวชบ่อยๆ ให้แม่ทราบ
เพราะเราความรู้สึกว่าเราน่าจะตายไปซะ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ ไม่ได้รู้สึกด้อยค่า แต่รู้สึกเครียด ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
แม่ก็บอกว่าถ้าจะอยากตายก็ตายไปเถอะ ถ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ "ไม่เห็นแก่เงินที่ส่งร่ำเรียนมาจนจบ"
ผมจุกมาก จุกขนาดที่ว่า "นี่แม่เห็นเราเป็นตัวอะไร" เมื่อคืนผมก็เครียดมาก รู้สึกอยากตายอีกรอบในรอบ 1 เดือน
สุดท้ายนี้
"ผมยังรักแม่ของผมมากๆ นะครับ แต่เรื่องความคาดหวังของแม่ต่อตัวผมเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ผมเครียด"
_____________________________________
คือจริงๆ สุดท้ายที่ผมมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง คืออยากทราบว่า ผมควรดีลกับตัวเอง ดีลกับแม่ในเรื่องนี้ยังไง
ผมควรวางแผนชีวิตของผมยังไง มีใครโดนกดดันแบบไหนอย่างไร แล้วก้าวข้ามจุดนั้นมายังไงบ้างครับ และสุดท้าย เราตั้ง mindset ในหัวเรายังไงบ้าง
_____________________________________