ลูกไม้ลายสนธยา (กึ่งรีวิว) ในคืนนี้ : Clair de lune

ยิ่งนานวัน ปัญหายิ่งถาโถมเข้ามาทั่วทุกสารทิศ ปัญหาของทั้งเดือนพัตราและเหมหิรัญญ์ กลิ่นของความไม่ปลอดภัยเข้มข้นขึ้นทุกที เมื่อทั้งคู่ตกลงใจจะล่อเสือออกจากถ้ำ ผิดแต่ว่า "เสือ" ไม่ได้มีตัวเดียว นายหัววรงค์ คุณแก้วเพชร คุณหันตรา คุณรัตนพรรณ และ คุณทองมาตย์ ท่าทางก็ดูแล้วน่าจะเป็นเสือไปเสียทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อในค่ำคืนนั้นเดือนพัตราประกาศว่าจะขายบ้านรัชดาพิพัฒน์ ทุกคนล้วนปรี่ตรงเข้ามาราวกับเสือหิว ..... เป้าหมายเปิดเผยตัวแต่ก็ใช่ว่าจะรู้ว่าใครมีเป้าหมายเบื้องหลังอย่างที่คิดเอาไว้ บัดนี้เดือนพัตราจึงคล้ายตกเป็นเป้านิ่ง เจ้าตัวก็กลุ้มใจอยู่บ้าง แต่คนที่อยู่ข้างกายอย่างเหมหิรัญญ์ก็สร้างความมั่นใจให้ได้ตามสมควร หากมันระคนด้วยความอึดอัด และ ลำบากใจ ด้วยไม่รู้ว่าความเดือดร้อนในรูปแบบไหนจะมาเยือนบ้าง ลำพังตัวเองคงไม่เท่าไหร่ แต่ครอบครัวและบริวารจะทำเช่นไรเล่า

ส่วนเหมหิรัญญ์ความมั่นใจของเจ้าตัวยังเต็มปรี่ ยังคิด และ เชื่อว่าไม่มีอะไรทำอันตรายความดี ไม่มีอะไรที่จะทำอะไรเขาได้ แต่ถึงกระนั้นการพบเจอเรขรุจีก็ทำมาซึ่งความกังวล อันที่จริงเจ้าตัวเองก็คงทราบดีถึงคำเตือน ผู้คนในอุตรกุรุทวีปไม่เคยโกหก วันอมาวสี ... คืนเดือนดับ คงมีผล แต่ผลอะไรเขาเองก็ไม่รู้ แต่เรื่องที่รู้และพูดกันตามตรงเสมอมา คือ ความรู้สึกของเรขรุจีที่มีต่อเขา  ซึ่งไม่ .... เขาไม่มีวันจะรู้สึกกับใครอย่างที่รู้สึกต่อเดือนพัตราอีกแล้ว สัญญาว่าจะรัก จะดูแลเธอผู้นั้นอย่างไร ไม่ใช่แค่เพียงตั้งใจ แต่มันจะเป็นเช่นนั้นตราบที่เขามีชีวิตอยู่

คืนจันทร์เพ็ญสุกสกาว .... เดือนพัตราทอดสายตาออกไปยังท้องทะเลดำมืด แรงกระเพื่อมหลังคำประกาศของเธอในวันนี้น่ากลัวไม่ใช่น้อย คนที่มีทีท่าว่าเป็นศัตรูมีมากเหลือเกิน มากจนกระทั่งไม่แน่ใจ .... จะรับมืออย่างไร เขาเห็นสายตากลัดกลุ้มของเธอเช่นกัน ไม่ต้องดูรังสีรอบตัว ไม่ต้องอ่านใจ แค่มอง ... มองอย่างคนรักกันก้พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร อาจเพราะบรรยากาศเป็นใจ อาจจะเป็นเพราะความตั้งใจ หรือ เพียงอารมณ์พาไป จากรอยจูบและคำขอเมื่อวันวาน กลายเป็นงานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวงในวันนี้

งานเต้นรำใต้แสงจันทร์เพียงสองคน รอบกายมีเพียงแสงไฟ เสียงคลื่น และ คนสองคนเพียงเท่านั้น สายใยอ่อนหวานเริ่มถักทอในบรรยากาศ เธอมองเขา เขามองเธอ มองอย่างจะเก็บเข้าไว้ในอก ที่จริงแล้วสายตาที่จะมองความงามคงอยู่ที่ใจนั่นเอง ดินแดนของเหมหิรัญญ์งดงามราวอยู่ในจินตนาการ แต่ความงดงามก็เป็นเพียงความว่างเปล่าเมื่อไร้รัก จันทร์ดวงกลมโต ณ ดินแดนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่บริสุทธิ์โสภา กลับสวยงามกว่าถิ่นที่จากมาเป็นไหน ๆ เพราะเดือนดวงเดียวที่อยู่ตรงหน้า เดือนพัตรา เหมหิรัญญ์ตกอยู่ในห้วงรัก ประตูแห่งกาลพัดพาเธอเข้ามาในชีวิต เพื่อเติมเต็มเขาให้เพรียบพร้อมสมบูรณ์

.... ลาดหลังไหล่ของเธอนั้นบอบบาง นุ่มนวล เหมหิรัญญ์ค่อยวางเธอลงบนเตียงนอน สายตานั้นละเรื่อยตั้งแต่ดวงหน้าไปจนถึงเรียวปาก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน .... บัดนี้ไม่ใช่เพียงทางใจ หากเขาต้องการจะผูกพันให้มากกว่านั้น และ ยิ่งกว่านั้น หลอมรวมเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน แสงจันทร์นวลตาทอดลงผ่านม่านลูกไม้โปร่งบาง เงาร่างสองร่างขยับเข้าชิดใกล้ เหมหิรัญญ์ไม่เคยหลับใหล แต่ในคืนนั้น ... คืนเพ็ญในดินแดนชมพูทวีป กล่อมเขาสู่นิทรารมย์พร้อมกับคนที่เป็นอีกครึ่งของชีวิตในอ้อมแขน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


คืนจันทร์บุหลันส่อง
แต้มละอองผ่องอินทรีย์
เนื้อนวลไร้ราคี
น้องนารีที่แนบเนาว์

จุมพิตสนิทนัก
ถนอมรักแด่นงเยาว์
ดวงเดือนช่างพริ้มเพรา
ชวนให้เคล้าเฝ้าเอาใจ

เสียงคลื่นกระซิบซาบ
ให้เอิบอาบที่หทัย
รสรักจักฝากไว้
จากนี้ไปจนนิรันดร์


ป.ล. เพลง Clair de lune (แสงจันทร์) by Debussy เหมาะมากกับความละมุนในวันนี้ (นี่ว่าไม่ได้อึกทึกเท่าไหร่นะคุณเหม หึ หึ) ตอนแรกว่าจะบทอัศจรรย์ละ แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า ธรรมดาละกัน สุภาพชน (ฮา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่