ผมเชื่อว่าแฟนแมนยูหลายคนน่าจะรู้สึกถึงกลิ่นไม่ดีที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมาตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่น มาไล่ดูกันว่าปัญหาอะไรบ้างที่มูสร้างไว้ก่อนที่จะเริ่มพรีเมียร์ลีค
1. มีปัญหากับฟอร์มการเล่นของนักเตะที่มีช่วงพรีซีชั่น มูด่านักเตะออกสื่อบ่อยมาก ไม่ว่าจะวาเลนเซียที่สภาพอ้วนฉุกลับมา แล้วก็เจ็บ หรือนักเตะที่มีช่วงพรีซีซั่นว่าเล่นไม่ดี ไม่คุ้มค่าตั๋ว คนดูไม่น่าเสียเงินมาดูเลย ปากหรือเปล่าที่พูดออกมาแบบนั้น สุดท้ายก็ขอให้นักเตะหั่นเวลาวันหยุดของตัวเองเพื่อกลับมาซ้อมให้ไวขึ้น จะได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีคได้ไวขึ้น
2. มีปัญหากับป๊อกบา เพราะมูดันไปห่วงหน้าตัวเอง เมื่อสื่อถามว่าทำไมป๊อกบาในบอลโลกเล่นดี แล้วเล่นกับแมนยูไม่ดีแบบนั้น อยู่ที่แผนการเล่น หรือเพราะอะไร ก็แทนที่จะชมป๊อกมันซะหน่อย อะไรก็ได้ ดันไปตอบว่าที่ป๊อกเล่นดีเพราะไม่เสียสมาธิไปกับสิ่งอื่นในช่วงบอลโลก อย่าถามว่าจะทำยังไงให้ป็อกบาเล่นให้แมนยูได้ดีขึ้น ถามป๊อกบาดีกว่า ว่าเล่นให้แมนยูเต็มที่รึยัง ตอบแบบนี้ก็วงแตกสิ แล้วก็เป็นงั้นจริงๆ
3. มีปัญหากับมาซิยาญ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มืออาชีพทั้งสองฝ่ายนะแหละ สรุปเคสนี้พังกันทั้งคู่
4. มีปัญหากับนักเตะคนอื่นๆ เมื่อทีมแพ้ช่วงพรีซีซั่นบ่อยๆ จนออกมาประกาศว่าทีมนี้ไม่ใช่นักเตะแมนยูที่จะใช้ในฤดูกาลนี้ นักเตะที่เล่นก็ไม่นักเตะของผมในฤดูกาลนี้ บอกแบบนี้เราเป็นดาวรุ่ง เป็นคนที่พยายามโชว์ผลงาน จิตใจก็ย่ำแย่สิ เหมือนตัวเองไม่มีอนาคตในทีม ปากพาจนจริงๆ
5. มีปัญหากับเอ็ด เพราะนักเตะที่ต้องการได้ เอ็ดไม่ซื้อมาให้ซักกะตัว ทั้งหน้าขวา และกองหลังตัวกลาง ซึ่งดูเหมือนว่าเอ็ดไม่อยากจ่ายแพงๆ ให้กับนักเตะที่ไม่มีมูลค่าทางการตลาด ถ้าจะจ่ายแพงๆ ต้องมาพร้อมภาพลักษณ์ทางการตลาดที่ขายได้ ไม่งั้นก็ไม่ซื้อ อีกทั้งนักเตะที่อายุเข้าช่วงพีคและกำลังจะเข้าสู่ช่วงโรยรา อย่างเปเรซีส หรือวิลเลี่ยม เอ็ดก็ไม่พร้อมจ่ายที่ราคาตามที่ถูกเรียกมา รวมไปถึงกองหลังด้วย ที่ค่าตัวสูงเกินไป ผลคือซัดกันเละแน่ๆ ไม่งั้นสื่อคงไม่หยิบประเด็นนี้มาเล่น
จะเห็นได้ว่าปัญหาเหล่านี้ถูกซุกอยู่ใต้พรมมาพักใหญ่ๆ จนกระทั่งเริ่มพรีเมียร์ลีค นัดแรกทุกคนยังมีแรงกระตุ้นอยู่ ยังพยายามสู้เต็มที่ ก็จบสวยอยู่ ชนะ 2-1 แต่มันก็เห็นถึงปัญหาว่ามูมีปัญหากับเขาไปทั่วจริงๆ และมันก็เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอวันเกิดเป็นพายุตามมา
ความพ่ายแพ้นัดแรก...
นัดที่สองนี่แหละที่จากทะเลคลื่นนิ่งๆ ใต้น้ำ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของพายุ เมื่อเจอทีมที่เล่นในบ้านได้ดี สถิติดี ปีก่อนก็เคยแพ้มา และมูก็ยังไม่ไว้ใจกองหลัง ก็เลยไม่กล้าเสี่ยงบุกมาก เน้นเข้าทำในจังหวะแน่นอน พยายามขึงบอลไว้กลางสนาม ทำให้ภาพรวมกลายเป็นว่าแมนยูมาเล่นเกมรับกับทีมระดับนี้ แล้วที่สำคัญดันมาแพ้เพราะกองหลังทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนกองหน้าก็ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้เลย กลางที่กะจะแพ็คให้แน่นก็เล่นๆ รั่วๆ เป็นพักๆ พอแพ้ขึ้นมาแบบนี้กับทีมแบบนี้ พายุก็ซัดกระหน่ำเลย
แต่แฟนๆ ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า เอาน่ายังพึ่งเริ่มฤดูกาล อะไรๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้ นัดหน้าเปิดบ้านเจอสเปอร์ที่บ้าน ยังไงก็ชนะ เพราะผูกสถิติชนะมาตลอด เกมส์กับทีมใหญ่ๆ ในบ้าน แมนยูเล่นดีเสมอ พอชนะเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น อย่าอุดคาบ้านอีกก็แล้วกัน...
อยากให้บุกก็บุกแล้วนัดนี้
เกมส์นี้มูพยายามแก้ปัญหาจุดอ่อนของนัดที่แล้วก็คือคู่เซนเตอร์ เปลี่ยนมันทั้งคู่เลย แบ็คขวานัดที่แล้วยังไม่ดี ก็เข็นวาเลนเซียลงไปวิ่งแทน นี่ก็น่าจะเป็นหลังชุดที่ดีที่สุดของแมนยูแล้ว เพราะไม่ซื้ออะไรมาเพิ่มให้นี่นา ก็แสดงให้เห็นไปเลย ว่าหลังที่มีมันเป็นยังไง คุณภาพมันประมาณไหน ก็เวียนให้เล่นให้ครบๆ กันไป พิสูจน์ผลงานกันไป
เกมส์เมื่อคืนใครได้ดูสด จะเห็นว่ามูพยายามเล่นเกมส์รุกแล้ว เพราะรู้ว่าถ้าเล่นรับแล้วแพ้ คงโดนด่าแบบสองเด้ง อย่ากระนั้นเลย บุกแม่มไปเลย ให้รู้ๆ กันไปว่ามันจะเป็นยังไง
ครึ่งแรกบอลบุกแมนยูก็ทำได้ดีนะครับ มีโอกาสยิงเพียบ แต่ยิงนกตกปลากันหมด ประตูโล่งๆ ยังยิงไม่เข้า แล้วทีนี้พอยิงไม่ได้ แล้วครึ่งหลังมาโดนยิงสองลูกรวดแบบง่ายๆ มันเหมือนเปลี่ยนกระแสบอลไปเลย นักเตะก็เหมือนช็อตไปดื้อๆ ป๊อกบาก็เล่นแบบหมดแรงบันดาลใจ แทนที่จะกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม พอไม่ได้เป็นกัปตันแล้วก็เหมือนว่าไม่ใช่หน้าที่ของกรู กรูเล่นไปแบบประคองตัวไม่ให้เจ็บก็พอ นัดหน้าว่ากันใหม่ แล้วก็หายไปจากเกมส์
ส่วนคนอื่นๆ ก็เหมือนเล่นกันแบบรักษาตัว เล่นเหมือนบอลชายเดี่ยว ไม่มีรูปเกมส์ ไม่มีระบบ เล่นแบบเอาตัวรอดกันไปเป็นช็อตๆ ส่วนเฟร็ดที่พี่งซื้อมา หลายคนก็บอกว่าร่างกายไม่ใช่ปัญหา ก็องเต้ยังเล่นได้สบายๆ ในตำแหน่งกองกลาง แต่เฟร็ดที่มาจากลีคอ่อนๆ ก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ที่จะปรับตัวเข้ากับบอลอังกฤษ กับนักเตะที่ระดับสูงขึ้นมามาก จะแย่งง่ายๆ เหมือนสมัยเล่นลีคยูเครนมันไม่ได้แล้ว ก็ต้องชน ต้องฟาวล์เพื่อหยุดเกมส์แทน และคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ในการปรับจูนการเล่น ยิ่งตอนนี้แมนยูเล่นแบบไร้ระบบ ก็ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเอาตัวรอดไปก่อน
แง่ดีเดียวที่เห็นจากเมื่อคืนก็คือลุค ชอร์ที่เล่นดีขึ้น กล้าเติม กล้าลาก และการเปิดบอลทำได้ดีขึ้น แต่เมื่อเพื่อนร่วมทีมเล่นแบบไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจมากนัก มันก็ได้เท่านั้น ยิ่งมาเจอลูกที่สามที่หลังพลาดง่ายๆ เข้าไปอีก มันก็ดูน่าท้อแท้ซะเหลือเกิน
จบเกมส์ปุ๊ป เราจะเห็นว่าที่นั่งรอบสนามว่างโล่งอย่างรวดเร็ว มันแสดงให้เห็นว่านอกจากมูจะสูญเสียความน่าเชื่อถือจากตัวนักเตะและบอร์ดบริหารแล้ว เขายังสูญเสียความเชื่อใจจากแฟนบอลไปด้วย เหลือแค่กลุ่มเล็กๆ หน้าอุโมงค์เท่านั้นที่ยืนตบมือให้เขา และเขาก็ใช้เวลานานกว่าปกติในการยืนปรบมือตอบแทนแฟนๆ กลุ่มนั้นด้วยสีหน้าและแววตาที่ขมกลืนที่สุด
ผมว่านัดนี้คือจุดเปลี่ยนที่ชัดที่สุดว่าพายุมันซัดกระหน่ำไปทั้งทีมแล้ว และถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง วิกฤติจะลุกลามไปกว่านี้ ตอนนี้แมนยูกำลังก้าวซ้ำรอยเชลซีในฤดูกาลสุดท้ายที่มูคุม ซึ่งถ้าปล่อยให้มูคุมต่อไป ก็จะไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกเลย ดังนั้นผมเชื่อว่าบอร์ดบริหารต้องตัดสินใจกันแล้ว ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ไม่อย่างนั้นวิกฤติจะลุกลามจนยากจะเยียวยา
พลาดต่อสัญญาไปแล้วก็ต้องยอมรับครับ ว่าต้องจ่ายค่ายกเลิกสัญญาก้อนโตให้ไปเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการตัดสินใจของตัวเองไป การจะให้มูคุมทีมต่อไปแล้วหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น....
ผมกล้ายืนยันเลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้น มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ ต่างหาก...
ไม่เอามูแล้วจะเอาใคร ....
ทีมที่กำลังเละแบบนี้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าซีดานจะกล้าเอาคอมาพาดเขียงหรือเปล่า เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ความสำเร็จที่ทำไว้อย่างงดงามกับรีล มาดริดจะมาล่มที่นี่ซะเปล่า เว้นแต่ค่าจ้างมันจะล่อตาล่อใจจริงๆ นะแหละ ถึงจะเปลี่ยนในซีดานได้
หันไปมองผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ตอนนี้ที่ว่างงานอย่างคอนเต้ ผมก็ยังเสียวๆ เหมือนกัน ว่าจะมาทำให้วิกฤติมันหนักกว่าเดิมหรือเปล่า กลัวจะมามีปัญหากับป๊อกบาแล้วทีมล่มอีก เพราะคอนเต้คงไม่เหมาะจะคุมทีมที่มี Superstar อีโก้เยอะแบบแมนยูเท่าไหร่ เหมาะกับทีมที่นักเตะพร้อมอยู่ในโอวาทของผู้จัดการทีมเฮี๊ยบๆ มากกว่า ดังนั้นรายนี้ไม่น่าจะเวิค
ผู้จัดการทีมที่ผมอยากได้มากที่สุดก็คือซิเมโอเน่ แต่ก็คงยาก เหมือนแมนยูดวงไม่ค่อยสมพงค์กับนักเตะจากแอตฯ สักเท่าไหร่ มีข่าวกับใครก็แห้วตลอด แล้วฤดูกาลนี้แอตฯ ก็มีลุ้นเหมือนกัน ผู้จัดการคงยากที่จะทิ้งทีม และเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจมาคุมพรีเมียร์สักเท่าไหร่ด้วย
ดูแล้วตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือทุ่มค่าเหนื่อยก้อนโต ล่อซีดานออกมาจากถ้ำให้ได้ แล้วก็ไม่ต้องตั้งความหวังกับบอลลีค ไปลุ้นบอลถ้วยเอา ฤดูกาลนี้แค่วางระบบ รู้จักนักเตะ และวางแผนสำหรับฤดูกาลหน้าแทน ด้วยความเป็นซีดาน ผมว่าการซื้อนักเตะเข้าทีมในช่วงตลาดฤดูหนาว และฤดูกาลหน้ามันน่าจะง่ายที่สุดแล้ว
นี่คือการใช้เงินแก้ปัญหาที่จำเป็นที่สุดแล้วสำหรับแมนยู ณ ตอนนี้ หากปล่อยให้มูคุมต่อ ก็ยิ่งพาทีมดิ่งลงไปเรื่อยๆ อย่าไปเดินซ้ำรอยเชลซีก็แล้วกัน
บอลซีดานเป็นบอลระบบสมัยใหม่ เล่นเกมส์รุกได้สวยงาม และเจ้าตัวชอบให้โอกาสเด็กด้วย น่าจะตอบโจทย์แมนยูได้ดีที่สุดแล้วตอนนี้ แต่ถ้าไม่รีบเปลี่ยน ก็คงช้ำๆ แบบนี้ไปอีกสักพัก...
อันนี้คลิปสัมภาษณ์ล่าสุดหลังจบเกมส์ ที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามูเองไม่ได้ส่งข้อความนี้ถึงนักข่าวเท่านั้น แต่พยายามส่งถึงนักเตะ, บอร์ดบริหาร และแฟนบอลด้วย แต่มูคงลืมไปว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาย้อนอดีตแล้ว และยุคดิจิตอลแบบนี้ ปัจจุบันและอนาคตสำคัญที่สุด
@... Mourinho ... The Finished One : มันจบแล้วครับมู ...@
ผมเชื่อว่าแฟนแมนยูหลายคนน่าจะรู้สึกถึงกลิ่นไม่ดีที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมาตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่น มาไล่ดูกันว่าปัญหาอะไรบ้างที่มูสร้างไว้ก่อนที่จะเริ่มพรีเมียร์ลีค
1. มีปัญหากับฟอร์มการเล่นของนักเตะที่มีช่วงพรีซีชั่น มูด่านักเตะออกสื่อบ่อยมาก ไม่ว่าจะวาเลนเซียที่สภาพอ้วนฉุกลับมา แล้วก็เจ็บ หรือนักเตะที่มีช่วงพรีซีซั่นว่าเล่นไม่ดี ไม่คุ้มค่าตั๋ว คนดูไม่น่าเสียเงินมาดูเลย ปากหรือเปล่าที่พูดออกมาแบบนั้น สุดท้ายก็ขอให้นักเตะหั่นเวลาวันหยุดของตัวเองเพื่อกลับมาซ้อมให้ไวขึ้น จะได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีคได้ไวขึ้น
2. มีปัญหากับป๊อกบา เพราะมูดันไปห่วงหน้าตัวเอง เมื่อสื่อถามว่าทำไมป๊อกบาในบอลโลกเล่นดี แล้วเล่นกับแมนยูไม่ดีแบบนั้น อยู่ที่แผนการเล่น หรือเพราะอะไร ก็แทนที่จะชมป๊อกมันซะหน่อย อะไรก็ได้ ดันไปตอบว่าที่ป๊อกเล่นดีเพราะไม่เสียสมาธิไปกับสิ่งอื่นในช่วงบอลโลก อย่าถามว่าจะทำยังไงให้ป็อกบาเล่นให้แมนยูได้ดีขึ้น ถามป๊อกบาดีกว่า ว่าเล่นให้แมนยูเต็มที่รึยัง ตอบแบบนี้ก็วงแตกสิ แล้วก็เป็นงั้นจริงๆ
3. มีปัญหากับมาซิยาญ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่มืออาชีพทั้งสองฝ่ายนะแหละ สรุปเคสนี้พังกันทั้งคู่
4. มีปัญหากับนักเตะคนอื่นๆ เมื่อทีมแพ้ช่วงพรีซีซั่นบ่อยๆ จนออกมาประกาศว่าทีมนี้ไม่ใช่นักเตะแมนยูที่จะใช้ในฤดูกาลนี้ นักเตะที่เล่นก็ไม่นักเตะของผมในฤดูกาลนี้ บอกแบบนี้เราเป็นดาวรุ่ง เป็นคนที่พยายามโชว์ผลงาน จิตใจก็ย่ำแย่สิ เหมือนตัวเองไม่มีอนาคตในทีม ปากพาจนจริงๆ
5. มีปัญหากับเอ็ด เพราะนักเตะที่ต้องการได้ เอ็ดไม่ซื้อมาให้ซักกะตัว ทั้งหน้าขวา และกองหลังตัวกลาง ซึ่งดูเหมือนว่าเอ็ดไม่อยากจ่ายแพงๆ ให้กับนักเตะที่ไม่มีมูลค่าทางการตลาด ถ้าจะจ่ายแพงๆ ต้องมาพร้อมภาพลักษณ์ทางการตลาดที่ขายได้ ไม่งั้นก็ไม่ซื้อ อีกทั้งนักเตะที่อายุเข้าช่วงพีคและกำลังจะเข้าสู่ช่วงโรยรา อย่างเปเรซีส หรือวิลเลี่ยม เอ็ดก็ไม่พร้อมจ่ายที่ราคาตามที่ถูกเรียกมา รวมไปถึงกองหลังด้วย ที่ค่าตัวสูงเกินไป ผลคือซัดกันเละแน่ๆ ไม่งั้นสื่อคงไม่หยิบประเด็นนี้มาเล่น
จะเห็นได้ว่าปัญหาเหล่านี้ถูกซุกอยู่ใต้พรมมาพักใหญ่ๆ จนกระทั่งเริ่มพรีเมียร์ลีค นัดแรกทุกคนยังมีแรงกระตุ้นอยู่ ยังพยายามสู้เต็มที่ ก็จบสวยอยู่ ชนะ 2-1 แต่มันก็เห็นถึงปัญหาว่ามูมีปัญหากับเขาไปทั่วจริงๆ และมันก็เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอวันเกิดเป็นพายุตามมา
ความพ่ายแพ้นัดแรก...
นัดที่สองนี่แหละที่จากทะเลคลื่นนิ่งๆ ใต้น้ำ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของพายุ เมื่อเจอทีมที่เล่นในบ้านได้ดี สถิติดี ปีก่อนก็เคยแพ้มา และมูก็ยังไม่ไว้ใจกองหลัง ก็เลยไม่กล้าเสี่ยงบุกมาก เน้นเข้าทำในจังหวะแน่นอน พยายามขึงบอลไว้กลางสนาม ทำให้ภาพรวมกลายเป็นว่าแมนยูมาเล่นเกมรับกับทีมระดับนี้ แล้วที่สำคัญดันมาแพ้เพราะกองหลังทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนกองหน้าก็ไม่สามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้เลย กลางที่กะจะแพ็คให้แน่นก็เล่นๆ รั่วๆ เป็นพักๆ พอแพ้ขึ้นมาแบบนี้กับทีมแบบนี้ พายุก็ซัดกระหน่ำเลย
แต่แฟนๆ ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า เอาน่ายังพึ่งเริ่มฤดูกาล อะไรๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้ นัดหน้าเปิดบ้านเจอสเปอร์ที่บ้าน ยังไงก็ชนะ เพราะผูกสถิติชนะมาตลอด เกมส์กับทีมใหญ่ๆ ในบ้าน แมนยูเล่นดีเสมอ พอชนะเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น อย่าอุดคาบ้านอีกก็แล้วกัน...
อยากให้บุกก็บุกแล้วนัดนี้
เกมส์นี้มูพยายามแก้ปัญหาจุดอ่อนของนัดที่แล้วก็คือคู่เซนเตอร์ เปลี่ยนมันทั้งคู่เลย แบ็คขวานัดที่แล้วยังไม่ดี ก็เข็นวาเลนเซียลงไปวิ่งแทน นี่ก็น่าจะเป็นหลังชุดที่ดีที่สุดของแมนยูแล้ว เพราะไม่ซื้ออะไรมาเพิ่มให้นี่นา ก็แสดงให้เห็นไปเลย ว่าหลังที่มีมันเป็นยังไง คุณภาพมันประมาณไหน ก็เวียนให้เล่นให้ครบๆ กันไป พิสูจน์ผลงานกันไป
เกมส์เมื่อคืนใครได้ดูสด จะเห็นว่ามูพยายามเล่นเกมส์รุกแล้ว เพราะรู้ว่าถ้าเล่นรับแล้วแพ้ คงโดนด่าแบบสองเด้ง อย่ากระนั้นเลย บุกแม่มไปเลย ให้รู้ๆ กันไปว่ามันจะเป็นยังไง
ครึ่งแรกบอลบุกแมนยูก็ทำได้ดีนะครับ มีโอกาสยิงเพียบ แต่ยิงนกตกปลากันหมด ประตูโล่งๆ ยังยิงไม่เข้า แล้วทีนี้พอยิงไม่ได้ แล้วครึ่งหลังมาโดนยิงสองลูกรวดแบบง่ายๆ มันเหมือนเปลี่ยนกระแสบอลไปเลย นักเตะก็เหมือนช็อตไปดื้อๆ ป๊อกบาก็เล่นแบบหมดแรงบันดาลใจ แทนที่จะกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม พอไม่ได้เป็นกัปตันแล้วก็เหมือนว่าไม่ใช่หน้าที่ของกรู กรูเล่นไปแบบประคองตัวไม่ให้เจ็บก็พอ นัดหน้าว่ากันใหม่ แล้วก็หายไปจากเกมส์
ส่วนคนอื่นๆ ก็เหมือนเล่นกันแบบรักษาตัว เล่นเหมือนบอลชายเดี่ยว ไม่มีรูปเกมส์ ไม่มีระบบ เล่นแบบเอาตัวรอดกันไปเป็นช็อตๆ ส่วนเฟร็ดที่พี่งซื้อมา หลายคนก็บอกว่าร่างกายไม่ใช่ปัญหา ก็องเต้ยังเล่นได้สบายๆ ในตำแหน่งกองกลาง แต่เฟร็ดที่มาจากลีคอ่อนๆ ก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ที่จะปรับตัวเข้ากับบอลอังกฤษ กับนักเตะที่ระดับสูงขึ้นมามาก จะแย่งง่ายๆ เหมือนสมัยเล่นลีคยูเครนมันไม่ได้แล้ว ก็ต้องชน ต้องฟาวล์เพื่อหยุดเกมส์แทน และคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ในการปรับจูนการเล่น ยิ่งตอนนี้แมนยูเล่นแบบไร้ระบบ ก็ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเอาตัวรอดไปก่อน
แง่ดีเดียวที่เห็นจากเมื่อคืนก็คือลุค ชอร์ที่เล่นดีขึ้น กล้าเติม กล้าลาก และการเปิดบอลทำได้ดีขึ้น แต่เมื่อเพื่อนร่วมทีมเล่นแบบไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจมากนัก มันก็ได้เท่านั้น ยิ่งมาเจอลูกที่สามที่หลังพลาดง่ายๆ เข้าไปอีก มันก็ดูน่าท้อแท้ซะเหลือเกิน
จบเกมส์ปุ๊ป เราจะเห็นว่าที่นั่งรอบสนามว่างโล่งอย่างรวดเร็ว มันแสดงให้เห็นว่านอกจากมูจะสูญเสียความน่าเชื่อถือจากตัวนักเตะและบอร์ดบริหารแล้ว เขายังสูญเสียความเชื่อใจจากแฟนบอลไปด้วย เหลือแค่กลุ่มเล็กๆ หน้าอุโมงค์เท่านั้นที่ยืนตบมือให้เขา และเขาก็ใช้เวลานานกว่าปกติในการยืนปรบมือตอบแทนแฟนๆ กลุ่มนั้นด้วยสีหน้าและแววตาที่ขมกลืนที่สุด
ผมว่านัดนี้คือจุดเปลี่ยนที่ชัดที่สุดว่าพายุมันซัดกระหน่ำไปทั้งทีมแล้ว และถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง วิกฤติจะลุกลามไปกว่านี้ ตอนนี้แมนยูกำลังก้าวซ้ำรอยเชลซีในฤดูกาลสุดท้ายที่มูคุม ซึ่งถ้าปล่อยให้มูคุมต่อไป ก็จะไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกเลย ดังนั้นผมเชื่อว่าบอร์ดบริหารต้องตัดสินใจกันแล้ว ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ไม่อย่างนั้นวิกฤติจะลุกลามจนยากจะเยียวยา
พลาดต่อสัญญาไปแล้วก็ต้องยอมรับครับ ว่าต้องจ่ายค่ายกเลิกสัญญาก้อนโตให้ไปเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการตัดสินใจของตัวเองไป การจะให้มูคุมทีมต่อไปแล้วหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น....
ผมกล้ายืนยันเลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้น มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ ต่างหาก...
ไม่เอามูแล้วจะเอาใคร ....
ทีมที่กำลังเละแบบนี้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าซีดานจะกล้าเอาคอมาพาดเขียงหรือเปล่า เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ความสำเร็จที่ทำไว้อย่างงดงามกับรีล มาดริดจะมาล่มที่นี่ซะเปล่า เว้นแต่ค่าจ้างมันจะล่อตาล่อใจจริงๆ นะแหละ ถึงจะเปลี่ยนในซีดานได้
หันไปมองผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ตอนนี้ที่ว่างงานอย่างคอนเต้ ผมก็ยังเสียวๆ เหมือนกัน ว่าจะมาทำให้วิกฤติมันหนักกว่าเดิมหรือเปล่า กลัวจะมามีปัญหากับป๊อกบาแล้วทีมล่มอีก เพราะคอนเต้คงไม่เหมาะจะคุมทีมที่มี Superstar อีโก้เยอะแบบแมนยูเท่าไหร่ เหมาะกับทีมที่นักเตะพร้อมอยู่ในโอวาทของผู้จัดการทีมเฮี๊ยบๆ มากกว่า ดังนั้นรายนี้ไม่น่าจะเวิค
ผู้จัดการทีมที่ผมอยากได้มากที่สุดก็คือซิเมโอเน่ แต่ก็คงยาก เหมือนแมนยูดวงไม่ค่อยสมพงค์กับนักเตะจากแอตฯ สักเท่าไหร่ มีข่าวกับใครก็แห้วตลอด แล้วฤดูกาลนี้แอตฯ ก็มีลุ้นเหมือนกัน ผู้จัดการคงยากที่จะทิ้งทีม และเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจมาคุมพรีเมียร์สักเท่าไหร่ด้วย
ดูแล้วตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดคือทุ่มค่าเหนื่อยก้อนโต ล่อซีดานออกมาจากถ้ำให้ได้ แล้วก็ไม่ต้องตั้งความหวังกับบอลลีค ไปลุ้นบอลถ้วยเอา ฤดูกาลนี้แค่วางระบบ รู้จักนักเตะ และวางแผนสำหรับฤดูกาลหน้าแทน ด้วยความเป็นซีดาน ผมว่าการซื้อนักเตะเข้าทีมในช่วงตลาดฤดูหนาว และฤดูกาลหน้ามันน่าจะง่ายที่สุดแล้ว
นี่คือการใช้เงินแก้ปัญหาที่จำเป็นที่สุดแล้วสำหรับแมนยู ณ ตอนนี้ หากปล่อยให้มูคุมต่อ ก็ยิ่งพาทีมดิ่งลงไปเรื่อยๆ อย่าไปเดินซ้ำรอยเชลซีก็แล้วกัน
บอลซีดานเป็นบอลระบบสมัยใหม่ เล่นเกมส์รุกได้สวยงาม และเจ้าตัวชอบให้โอกาสเด็กด้วย น่าจะตอบโจทย์แมนยูได้ดีที่สุดแล้วตอนนี้ แต่ถ้าไม่รีบเปลี่ยน ก็คงช้ำๆ แบบนี้ไปอีกสักพัก...
อันนี้คลิปสัมภาษณ์ล่าสุดหลังจบเกมส์ ที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามูเองไม่ได้ส่งข้อความนี้ถึงนักข่าวเท่านั้น แต่พยายามส่งถึงนักเตะ, บอร์ดบริหาร และแฟนบอลด้วย แต่มูคงลืมไปว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาย้อนอดีตแล้ว และยุคดิจิตอลแบบนี้ ปัจจุบันและอนาคตสำคัญที่สุด