อย่างที่ทราบข่าวกันไปแล้ว เรื่องค่าตัวนักเตะอย่างพอล ป๊อกบา ที่กำลังจะย้ายทีมจากจูเวนตุสไปยังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเร็วๆนี้
ค่าตัวนักกีฬาคนนึง อะไรมันจะวอดวายได้มากขนาดนั้น 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 5000 ล้านบาทเนี่ยนะ
ผม ในฐานะผู้ที่คร่ำวอดอยู่ในแวดวงการลงทุนและการตลาดมาหลายปี ได้บังเอิญไปพบปะพูดคุยกับชายนิรนามท่านนึง และได้ถามถึงเรื่องนี้
บังเอิญว่าท่านผู้นี้ก็เกี่ยวข้องกับสโมสรแมนยู เพราะเคยเป็นบอร์ดบริหารที่นั่นมาก่อน
และบุคคลผู้นี้ ถ่ายเอ่ยชื่อต้องรู้จักกันอย่างกว้างขวางในแวดวง โฆษณา การตลาด เรียกได้ว่าเป็นเบอร์ต้นๆของเอเชียเลยก็ว่าได้
ผมขออนุญาติยก ข้อความในการสนทนามาให้ได้ลองอ่านกันอย่างนี้นะครับ
========================================
ผม : พี่ครับทำไมค่าตัวป๊อกบาแพงจังเลยครับ
บุคคลขอสงวนนาม : ถ้ามองในแง่นักเตะอาจจะแพงนะ แต่ถ้ามองในแง่การตลาดอาจจะไม่แพงก็ได้
ผม : ทำไมละครับ
บุคคลขอสงวนนาม : ในเชิงของการตลาด เค้าจะมองมูลค่าของพรีเซ็นเตอร์นั้นๆตีเป็นเงินออกมาทุกเม็ดทุกหน่วยเลย แถมแมนยูก็เป็นทีมที่มูลค่าการตลาดสูงซะด้วย นักเตะที่ย้ายมาอยู่แมนยู จะสามารถสร้างแบรนดิ้งได้เลยนะ อย่างเช่น CR7 หรืออย่างที่มาเชียลพยายามจะสร้างแบรนดิ้ง AM9 นั่นแหละ มูลค่าการตลาดของแบรนด์ CR9 ก็หลายร้อยล้านยูโรละตอนนี้
ผม : อย่างนั้นใช่ไหม มาเชียลถึงได้เคืองแมนยูเรื่องเบอร์ 9
บุคคลขอสงวนนาม : ก็คงมีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กลับมาที่เรื่องป๊อกบาก่อน ลองคิดดูง่ายๆนะ หลังจากที่ป๊อกบามีข่าวกับแมนยู ยอดฟอลโล่วในโซเชียลของเขาโตขึ้น 25% เลยนะ นั่นหมายถึงอะไร
ผม : หมายถึงอะไรครับ
บุคคลขอสงวนนาม : มูลค่าการตลาดป๊อกบาก็โตตามไปด้วยไง แล้วในสัญญาของป๊อกบากับแมนยูก็มีค่าลิขสิทธ์ภาพลักษณ์และค่าการตลาดรวมอยู่ในนั้นด้วย การตกลงสัญญามันเลยยืดยาวไงหล่ะ เมื่อแมนยูอยากมีส่วนร่วมในมูลค่าแบรนด์ป๊อกบาก็สามารถถอนทุนคืนได้อย่างไม่ยาก อาดิดาสก็ช่วยผลักดันให้ดีลนี้เกิดขี้น
ผม : อาดิดาสเกี่ยวอะไรหล่ะครับ ตอนป๊อกบาเค้าอยู่จูเวนตุสเค้าก็ใส่อาดิดาสอยู่แล้วนี่ครับ
บุคคลขอสงวนนาม : บร๊ะ จะไม่เกี่ยวได้ไงหล่ะ เอาแค่เรื่องเสื้อนะ ตอนอยู่จูฟ ในปีที่ผ่านมาอาดิดาสขายเสื้อได้แค่ 8 แสนกว่าตัว สูงสุดคือป๊อกบา แต่แมนยูขายเสื้อได้ 2.8 ล้านตัว สูงสุดคือมาเชียล ต่างกัน 2 ล้านตัวเนี่ยนะ จูฟต้องขายเสื้อถึง 3 ปีถึงจะเท่าแมนยูขายเสื้อปีเดียว แล้วถ้าป๊อกบามาอยู่แมนยูหล่ะ ยอดขายเสื้อมันอาจจะไปถึง 3.5 ล้านตัวก็ได้ แล้วแน่นอนป๊อกบาต้องได้อันดับ 1 และแล้วมูลค่าแบรนด์อาดิดาสก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ อาดิดาสวิน ป๊อกบาก็วิน แมนยูก็วิน ที่นี้มูลค่าค่าตัว 100ล้านปอนด์อาจจะไม่แพงแล้วก็เป็นได้.
ผม : โห ลึกซึ้งอ่ะ
บุคคลขอสงวนนาม : สมัยก่อนทำไม ไนกี้ถึงทุ่มเป็นพันล้านกับไมเคิล จอร์แดน ทำไมทุ่มกับไทเกอร์ วู๊ด เพราะสตาร์เหล่านี้มันมีอิมแพคด้านการตลาดสูงมาก อย่างเรื่องกอล์ฟยอดขายอุปกรณ์กอล์ฟแซง Titleist แบรนด์อันดับ 1 ของอเมริกาไปเลย พอหมดยุคจอร์แดน กับไทเกอร์วู๊ด แบรนด์ไนกี้ก็ดาวน์ลง เพราะไม่มีสตาร์มาทดแทนได้ในระดับที่จอร์แดนกับไทเกอร์ทำได้ ไนกี้หันไปทุ่มกับลอรี่ แมคอิลรอย แต่ไม่เวิร์ค ตอนนี้ก็แยกทางกันแล้ว แล้วตอนนี้ไนกี้ก็ประกาศเลิกทำอุปกรณ์กอล์ฟไปเลย ทำแต่เสื้อผ้ากอล์ฟอย่างเดียว เห็นมั้ยนักกีฬาดังๆมันมีผลกับแบรนด์แค่ไหน.
ผม : เหมือนที่แมนยูกับอาดิดาสเลยพยายามกับป๊อกบาใช่ไหมครับ
บุคคลขอสงวนนาม : แหงซิ ลองนึกภาพดูนะ นักฟุตบอลทั่วโลกทุกวันนี้ใครมีคาแรคเตอร์โดดเด่นด้านภาพลักษณ์ที่แมนยูจะไปซื้อมาได้บ้าง แกเร็ท เบลเหรอ ไม่ใช่หรอก เบลอาจจะเป็นนักเตะที่เก่งจริง แต่ขายการตลาดได้ยาก โทนี่ โครสเหรอ ยิ่งไปกันใหญ่ ซื้อมาเตะบอลอย่างเดียวหน่ะได้ โรนัลโด้ก็น่าจะแขวนสตั๊คกับรีลมาดริด อายุก็มากแล้วด้วย ใครจะเหมาะไปกว่าป๊อกบาหล่ะ ตอบโจทย์แมนยูได้ทุกข้อ เติมเต็มกองกลางที่ขาดหาย แถมการตลาดนี่พุ่งพรวดๆแน่นอน แค่สัปดาห์ที่แล้วแค่อาดิดาสลองปล่อย Viral clip ของป๊อกบา Blah Blah Blah ออกมาหน่อยเดียว ยอดวิวถล่มทลาย มูลค่าหุ้นแมนยูกับอาดิดาสดีดขึ้นมาอีกหลายจุด ถ้าตีค่าการตลาดของป๊อกบาไว้สัก 40-50 ล้านปอนด์อย่างต่ำๆนะต่อสัญญา 5 ปีนะ เผลอๆปีสองปีแมนยูก็ได้เงินส่วนนี้คืนมาแล้วหล่ะ ที่เหลืออีก 40-50 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวจริง แพงมั้ยหล่ะ? พี่ว่าไม่แพงหรอก แล้วไม่แน่อีก 4-5 ปีข้างหน้ารีลมาดริดมาขอซื้อต่อไป 200 ล้านปอนด์ฟันกำไรได้อีกต่างหาก.
ผม : โหหหห เอ็ดมันคิดขนาดนั้นเลยเหรอ
บุคคลขอสงวนนาม : ใช่สิ CEO นักการตลาด เค้ามองภาพรวม โดยเฉพาะด้านการเงินการลงทุนเป็นหลักแหละ ตอนฟาลกัล อยู่หุ้นแมนยูตกฮวบ พี่โทรเช็คเพื่อนที่ทำงานใกล้ชิดเอ็ดทันที เพราะพี่ก็ถือหุ้นแมนยูอยู่ในพอร์ท เลยรู้ตั้งแต่ก่อนปิดฤดูกาลที่แล้วนานแล้วแหละว่าลุงกัลโดนปลดแน่ๆ แต่เค้าไม่ทำระหว่างฤดูกาล เพราะมูลค่าหุ้นแมนยูจะตกไปมากกว่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพื่อนพี่บอกอย่าเพิ่งเทขาย ฤดูกาลหน้ากลับมาแน่ๆ แล้วก็จริงๆ ตอนนี้หุ้นมันดีดตัวสูงกว่าตอนลุงกัลพอสมควรเลย
ผม : ป๊าดดด พี่นี่วงในแท้ๆ
บุคคลขอสงวนนาม : ฉะนั้น น้องจงดูบอลให้สนุกอย่างเดียวพอ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้บริหารเค้าหรอก เค้าคิดกันมาดีแล้ว แต่ละคนนี่จบออกฟอร์ด ฮาร์วาร์ด มาทั้งนั้น เแล้วที่สำคัญนะ เราหน่ะ รีบกินยาแล้วไปนอนซะ หมอต้องไปตรวจห้องอื่นต่อ
ผม : ขอบคุณครับพี่หมอ ที่อุตสาห์เล่าให้ฟัง
บุคคลขอสงวนนาม : หมอโม้หน่ะ เอ็งจะได้หลับๆไปซะที
==========================================
ไปละนะครับ ไวไฟโรงพยาบาลไม่ค่อยดี ไว้วันหลังถ้าหมออนุญาติจะมาโพสให้
#POGBACK #ด่าได้แต่อย่าแรง #ค่ายามันแพงเวลาสะเทือนใจ
เมื่อผมได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนในเรื่อง พอล ป๊อกบา
ค่าตัวนักกีฬาคนนึง อะไรมันจะวอดวายได้มากขนาดนั้น 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 5000 ล้านบาทเนี่ยนะ
ผม ในฐานะผู้ที่คร่ำวอดอยู่ในแวดวงการลงทุนและการตลาดมาหลายปี ได้บังเอิญไปพบปะพูดคุยกับชายนิรนามท่านนึง และได้ถามถึงเรื่องนี้
บังเอิญว่าท่านผู้นี้ก็เกี่ยวข้องกับสโมสรแมนยู เพราะเคยเป็นบอร์ดบริหารที่นั่นมาก่อน
และบุคคลผู้นี้ ถ่ายเอ่ยชื่อต้องรู้จักกันอย่างกว้างขวางในแวดวง โฆษณา การตลาด เรียกได้ว่าเป็นเบอร์ต้นๆของเอเชียเลยก็ว่าได้
ผมขออนุญาติยก ข้อความในการสนทนามาให้ได้ลองอ่านกันอย่างนี้นะครับ
========================================
ผม : พี่ครับทำไมค่าตัวป๊อกบาแพงจังเลยครับ
บุคคลขอสงวนนาม : ถ้ามองในแง่นักเตะอาจจะแพงนะ แต่ถ้ามองในแง่การตลาดอาจจะไม่แพงก็ได้
ผม : ทำไมละครับ
บุคคลขอสงวนนาม : ในเชิงของการตลาด เค้าจะมองมูลค่าของพรีเซ็นเตอร์นั้นๆตีเป็นเงินออกมาทุกเม็ดทุกหน่วยเลย แถมแมนยูก็เป็นทีมที่มูลค่าการตลาดสูงซะด้วย นักเตะที่ย้ายมาอยู่แมนยู จะสามารถสร้างแบรนดิ้งได้เลยนะ อย่างเช่น CR7 หรืออย่างที่มาเชียลพยายามจะสร้างแบรนดิ้ง AM9 นั่นแหละ มูลค่าการตลาดของแบรนด์ CR9 ก็หลายร้อยล้านยูโรละตอนนี้
ผม : อย่างนั้นใช่ไหม มาเชียลถึงได้เคืองแมนยูเรื่องเบอร์ 9
บุคคลขอสงวนนาม : ก็คงมีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กลับมาที่เรื่องป๊อกบาก่อน ลองคิดดูง่ายๆนะ หลังจากที่ป๊อกบามีข่าวกับแมนยู ยอดฟอลโล่วในโซเชียลของเขาโตขึ้น 25% เลยนะ นั่นหมายถึงอะไร
ผม : หมายถึงอะไรครับ
บุคคลขอสงวนนาม : มูลค่าการตลาดป๊อกบาก็โตตามไปด้วยไง แล้วในสัญญาของป๊อกบากับแมนยูก็มีค่าลิขสิทธ์ภาพลักษณ์และค่าการตลาดรวมอยู่ในนั้นด้วย การตกลงสัญญามันเลยยืดยาวไงหล่ะ เมื่อแมนยูอยากมีส่วนร่วมในมูลค่าแบรนด์ป๊อกบาก็สามารถถอนทุนคืนได้อย่างไม่ยาก อาดิดาสก็ช่วยผลักดันให้ดีลนี้เกิดขี้น
ผม : อาดิดาสเกี่ยวอะไรหล่ะครับ ตอนป๊อกบาเค้าอยู่จูเวนตุสเค้าก็ใส่อาดิดาสอยู่แล้วนี่ครับ
บุคคลขอสงวนนาม : บร๊ะ จะไม่เกี่ยวได้ไงหล่ะ เอาแค่เรื่องเสื้อนะ ตอนอยู่จูฟ ในปีที่ผ่านมาอาดิดาสขายเสื้อได้แค่ 8 แสนกว่าตัว สูงสุดคือป๊อกบา แต่แมนยูขายเสื้อได้ 2.8 ล้านตัว สูงสุดคือมาเชียล ต่างกัน 2 ล้านตัวเนี่ยนะ จูฟต้องขายเสื้อถึง 3 ปีถึงจะเท่าแมนยูขายเสื้อปีเดียว แล้วถ้าป๊อกบามาอยู่แมนยูหล่ะ ยอดขายเสื้อมันอาจจะไปถึง 3.5 ล้านตัวก็ได้ แล้วแน่นอนป๊อกบาต้องได้อันดับ 1 และแล้วมูลค่าแบรนด์อาดิดาสก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ อาดิดาสวิน ป๊อกบาก็วิน แมนยูก็วิน ที่นี้มูลค่าค่าตัว 100ล้านปอนด์อาจจะไม่แพงแล้วก็เป็นได้.
ผม : โห ลึกซึ้งอ่ะ
บุคคลขอสงวนนาม : สมัยก่อนทำไม ไนกี้ถึงทุ่มเป็นพันล้านกับไมเคิล จอร์แดน ทำไมทุ่มกับไทเกอร์ วู๊ด เพราะสตาร์เหล่านี้มันมีอิมแพคด้านการตลาดสูงมาก อย่างเรื่องกอล์ฟยอดขายอุปกรณ์กอล์ฟแซง Titleist แบรนด์อันดับ 1 ของอเมริกาไปเลย พอหมดยุคจอร์แดน กับไทเกอร์วู๊ด แบรนด์ไนกี้ก็ดาวน์ลง เพราะไม่มีสตาร์มาทดแทนได้ในระดับที่จอร์แดนกับไทเกอร์ทำได้ ไนกี้หันไปทุ่มกับลอรี่ แมคอิลรอย แต่ไม่เวิร์ค ตอนนี้ก็แยกทางกันแล้ว แล้วตอนนี้ไนกี้ก็ประกาศเลิกทำอุปกรณ์กอล์ฟไปเลย ทำแต่เสื้อผ้ากอล์ฟอย่างเดียว เห็นมั้ยนักกีฬาดังๆมันมีผลกับแบรนด์แค่ไหน.
ผม : เหมือนที่แมนยูกับอาดิดาสเลยพยายามกับป๊อกบาใช่ไหมครับ
บุคคลขอสงวนนาม : แหงซิ ลองนึกภาพดูนะ นักฟุตบอลทั่วโลกทุกวันนี้ใครมีคาแรคเตอร์โดดเด่นด้านภาพลักษณ์ที่แมนยูจะไปซื้อมาได้บ้าง แกเร็ท เบลเหรอ ไม่ใช่หรอก เบลอาจจะเป็นนักเตะที่เก่งจริง แต่ขายการตลาดได้ยาก โทนี่ โครสเหรอ ยิ่งไปกันใหญ่ ซื้อมาเตะบอลอย่างเดียวหน่ะได้ โรนัลโด้ก็น่าจะแขวนสตั๊คกับรีลมาดริด อายุก็มากแล้วด้วย ใครจะเหมาะไปกว่าป๊อกบาหล่ะ ตอบโจทย์แมนยูได้ทุกข้อ เติมเต็มกองกลางที่ขาดหาย แถมการตลาดนี่พุ่งพรวดๆแน่นอน แค่สัปดาห์ที่แล้วแค่อาดิดาสลองปล่อย Viral clip ของป๊อกบา Blah Blah Blah ออกมาหน่อยเดียว ยอดวิวถล่มทลาย มูลค่าหุ้นแมนยูกับอาดิดาสดีดขึ้นมาอีกหลายจุด ถ้าตีค่าการตลาดของป๊อกบาไว้สัก 40-50 ล้านปอนด์อย่างต่ำๆนะต่อสัญญา 5 ปีนะ เผลอๆปีสองปีแมนยูก็ได้เงินส่วนนี้คืนมาแล้วหล่ะ ที่เหลืออีก 40-50 ล้านปอนด์เป็นค่าตัวจริง แพงมั้ยหล่ะ? พี่ว่าไม่แพงหรอก แล้วไม่แน่อีก 4-5 ปีข้างหน้ารีลมาดริดมาขอซื้อต่อไป 200 ล้านปอนด์ฟันกำไรได้อีกต่างหาก.
ผม : โหหหห เอ็ดมันคิดขนาดนั้นเลยเหรอ
บุคคลขอสงวนนาม : ใช่สิ CEO นักการตลาด เค้ามองภาพรวม โดยเฉพาะด้านการเงินการลงทุนเป็นหลักแหละ ตอนฟาลกัล อยู่หุ้นแมนยูตกฮวบ พี่โทรเช็คเพื่อนที่ทำงานใกล้ชิดเอ็ดทันที เพราะพี่ก็ถือหุ้นแมนยูอยู่ในพอร์ท เลยรู้ตั้งแต่ก่อนปิดฤดูกาลที่แล้วนานแล้วแหละว่าลุงกัลโดนปลดแน่ๆ แต่เค้าไม่ทำระหว่างฤดูกาล เพราะมูลค่าหุ้นแมนยูจะตกไปมากกว่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพื่อนพี่บอกอย่าเพิ่งเทขาย ฤดูกาลหน้ากลับมาแน่ๆ แล้วก็จริงๆ ตอนนี้หุ้นมันดีดตัวสูงกว่าตอนลุงกัลพอสมควรเลย
ผม : ป๊าดดด พี่นี่วงในแท้ๆ
บุคคลขอสงวนนาม : ฉะนั้น น้องจงดูบอลให้สนุกอย่างเดียวพอ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้บริหารเค้าหรอก เค้าคิดกันมาดีแล้ว แต่ละคนนี่จบออกฟอร์ด ฮาร์วาร์ด มาทั้งนั้น เแล้วที่สำคัญนะ เราหน่ะ รีบกินยาแล้วไปนอนซะ หมอต้องไปตรวจห้องอื่นต่อ
ผม : ขอบคุณครับพี่หมอ ที่อุตสาห์เล่าให้ฟัง
บุคคลขอสงวนนาม : หมอโม้หน่ะ เอ็งจะได้หลับๆไปซะที
==========================================
ไปละนะครับ ไวไฟโรงพยาบาลไม่ค่อยดี ไว้วันหลังถ้าหมออนุญาติจะมาโพสให้
#POGBACK #ด่าได้แต่อย่าแรง #ค่ายามันแพงเวลาสะเทือนใจ