[CR] มอลต้า - #Malta "ประเทศบนเกาะเล็กๆ ที่มีมากกว่าที่คุณคิด" [Malta Day 2]: "One day trip by HornBlowers"

มอลต้า - #Malta "ประเทศบนเกาะเล็กๆ ที่มีมากกว่าที่คุณคิด" [Malta Day 2]

วันที่ 2 วันแห่งการตะลุยบนเรือ "one day trip" ไปสู่ #Gozo #Comino #Malta

กลับมาตามสัญญาครับ ผมกลับมารีวิวทริป #มอลตา วันที่ 2 (จากทั้งหมด 3 วัน) ในวันนี้จะเป็นวันแห่งการล่องเรือไปตะเวนตามเกาะชื่อดังของมอลต้ากันครับ โดยทั้งสองที่มีชื่อว่า เกาะโคโซ่ และ เกาะโคมิโน่

สำหรับทริปวันนี้ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า โดยการที่ปลุกเหล่าสาวๆ ที่ต้องใช้เวลาในการโบกหน้าตื่นขึ้นมาจัดการเรื่องความสวยความงามกันก่อน ส่วนหน่วยอาหารก็เริ่มต้นทำงานกันตั้งแต่ 7 โมงเช้าเช่นกัน เนื่องจากว่าพวกเราต้องใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที เพื่อไปขึ้นรถนัดจุดนัดพบบริเวณสวนธารณะบน Valetta ซึ่งรถที่มารับก็เป็น mini bus ของบริษัท Hornblower Cruises เช่นกันครับ เป็นบริการที่สะดวกมากๆ เลยและก็ราคาไม่แพงด้วยครับ (ราคาไปกลับประมาณ 15 ยูโร)

ทริปท่องเรือเที่ยวแบบ One day trip นี้พวกผมได้จองกับบริษัทที่มีชื่อว่า "Hornblower Cruises" (ราคาประมาณ 20 ยูโร) โดยที่ package ทัวร์นี้จะพาพวกเราไปที่สถานที่ท่องเที่ยวดังของมอลต้าที่มีชื่อว่า Blue Lagoon บริเวณ เกาะโคมิโน่  
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอVDO credit: Boat Tours Malta; YouTube

เรือโดยสารของ Hornblower Cruises นั้นเป็นเรือขนาดใหญ่ โดยมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกันคือ ส่วนที่ 1. ชั้นใต้ท้องเรือ มีไว้สำหรับบริการอาหาร, เครื่องดื่ม, ห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า  ; ส่วนที่ 2. ชั้นกลางหรือชั้นที่หนึ่งของเรือที่มีไว้สำหรับนั่ง (หลบแดด) โดยส่วนใหญ่จะเป็นเก้าอี้นั่งปกติ และ ส่วนที่ 3. ชั้นดาดฟ้า ชั้นนี้นั้นจะเป็นชั้นสำหรับทุกคนที่ชอบอาบแดด (โดยเฉพาะฝรั่ง) ซึ่งจะมีหญ้าเทียมและเก้าอี้ชายหาดไว้ให้บริการสำหรับกลุ่มคนที่ชอบอาบแดดเป็นอย่างมากและฝรั่งส่วนใหญ่ชั้นนี้จะดีย์มากกกกกกกกก แนะนำให้ลองขึ้นมาส่องดูนะครับ ^_^ แซ่บๆ ทั้งชายและหญิงเลยดีเดียว โอ๊ะ! ลืมบอกไปว่ายังมีส่วนที่ผมประทับใจมากก่อนเรือออกคือการทำ safety check ของพนักงานเรือ ที่อธิบายอย่างละเอียดในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องว่าปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งประเทศไทยนั้นควรเอาแบบอย่างมากๆเลยครับ


หลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั๋วโมง เรือก็นำพวกเรามาถึงจุด highlight ของวัน ซึ่งก็คือ Blue Lagoon (ทะเลสีฟ้า) นั่นเอง ซึ่งบริเวณนี้น้ำใสมากกกกกกก (ก ไก่ล้านตัว) และก็น้ำเย็นมากเช่นกันครับ จุดนี้พวกผมใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงเนื่องจากซื้อทัวร์ไปเกาะโคโซ่ต่อไว้ ซึ่งจริงๆแล้วก็เพียงพอมากแล้วครับ ณ บริเวณ Blue Lagoon พอมาถึงทางทีมงานเรือก็น่ารักมากๆ โดยเค้าจะมีการนั่งเรือเล็กของไปคอยจับแมงกระพรุนเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวว่ายไปโดนอีกด้วย อีกทั้งยังมีบริการพิเศษของทางเรือซึ่งก็คือ Slider ลงทะเลาจากชั้น 3 ของเรือและสามารถให้นักท่องเที่ยวทุกคนเล่นได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกันครับ ส่วนใครที่ชอบความท้าทายนั้น ก็สามารถกระโดดลงจากชั้น 3 ของเรือลงทะเลได้เลยเช่นกัน ตื่นเต้นดีครับ พวกผมเล่นกันครบ (และหลายรอบด้วย) เพราะว่าไหนๆ ก็ไปแล้ว ส่วนใหญ่ใดที่ไม่ชอบเล่นน้ำก็สามารถเดินขึ้นไปบนเกาะโคมิโน่ไปถ่ายรูปโดยรอบได้ครับ (เกาะไม่ใหญ่มากแต่ว่านักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ เปรียบเทียบกันก็คล้ายๆ เกาะพีพีบ้านเราเวลาทัวร์ลงพร้อมๆ กัน)

พอเล่นน้ำเสร็จกันจุใจแล้ว ก็ขอแวะลงมาทานอาหารกลางวันบนเรือกันสักครู่ ซึ่งราคานั้นไม่แพงเลยครับ (อาหารประมาณ 5 ยูโร และ เครื่องดื่มประมาณ 2-4 ยูโร ครับ) พวกผมสายไวน์ ก็ซัดไวน์กันไปตามระเบียบตั้งแต่หัววันเลย แต่ว่าในส่วนบริเวณของใต้ท้องเรือนั้น เป็ฯโซนแห้ง หากเราตัวเปียกจะห้ามเข้านะครับ เผื่อกันไม่ให้แขกท่านอื่นลื่นเกิดอุบัติเหตุได้

พอถึงเวลาประมาณ 13.00 น. สำหรับแขกที่จองทัวร์ไปเกาะโคโซ่ต่อนั้น ก็ต้องขึ้นเรือครับ (ท่านใดไม่ได้ไป ทางเรือจะให้อยู่บนเกาะโคมิโน่) เพื่อเรือนั้นจะพาเราไปที่เกาะโคโซ่ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที บนเกาะโคโซ่นั้นจะเป็นการทัวร์แบบนั่งรถบัสครับ (คล้ายๆ ทัวร์ชะโงกแต่ว่าให้เวลาเยอะกว่า) ก็จะนำเราไปสถานที่ต่างๆ บนเกาะโคโซ่ ประมาณ 3-5 แห่ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของวันนั้น ซึ่งวันที่เราไปนั้น ได้ไปประมาณ 3 แห่งครับ เพราะว่าเวลาค่อนข้างจำกัด ก็จะมีพาไป walking streets เพื่อไปปล่อยทานอาหารกลางวันประมาณ 1 ชั่วโมง, โบสถ์ที่ศักดิ์ที่สุด 30 นาที, และ หน้าผา Blue Window 30 นาที ครับ ซึ่งสำหรับผม โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่หน้าผามากที่สุด เพราะว่าถ่ายรูปสวยที่สุดครับ จุดอื่นๆ จะค่อนข้างคล้ายๆ ในตัวเมือง Valetta ครับ พวกผมเลยเฉยๆ กัน

หลังจากเสร็จทัวร์บนเกาะโคโซ่ รถบัสก็จะพาพวกเรากลับมาขึ้นเรืออีกครั้งครับ เพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่ฝั่ง ซึ่ง ณ เวลานี้พวกผมเพลียกันจนแทบหมดแรงแล้วครับ ขึ้นเรือปุ๊บก็แทบสลบกันเลยทีเดียว โดยเวลาเดินทางกลับฝั่งนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ครับ




พอถึงฝั่งก็ทำการขึ้นรถ minibus ที่เราเดินทางมาตอนแรกไปยังจุด drop-off ซึ่งก็จะมีแขกท่านอื่นๆ ที่ใช้บริการขึ้นมาจนเต็มรถเช่นกันครับ ถึงเวลานี้พวกผมก็หลับตั้งแต่ขึ้นรถกันเลย

จบแล้วครับ อีก 1 วัน ที่มอลต้า กับ “One day trip by Hornblower Cruise” ท่านใดที่มา Malta ก็ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้นะครับ เพราะว่าเป็น highlight ของ Malta เช่นกันเลยทีเดียว เดี๋ยววันสุดท้ายผมจะมา update กับบรรยากาศการเดินเล่นในเมืองวันสุดท้ายที่ Valetta อีกครั้งครับ

ฝากติดตามกันด้วยนะครับ

มอลต้า - #Malta "ประเทศบนเกาะเล็กๆ ที่มีมากกว่าที่คุณคิด" [Malta Day 1] - https://ppantip.com/topic/37939495

ขอบคุณครับ ^_^
ชื่อสินค้า:   เที่ยวยุโรป
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่