[CR] Coconutkiwis : 14 วัน Greece-Malta แบบประหยัด Ep.1: กรีซ 8 วัน เที่ยว 2 เกาะ 1 เมือง (Santorini - Milos - Athens)

ทั้งหมดทั้งมวลของทริปนี้ จุดเริ่มต้นอยู่ที่เกาะ Santorini (ซานโตรินี่) เป็นเกาะในฝันที่จะต้องไปแบบรอไม่ได้แล้ว
ทริปนี้เราไปทั้งหมด 14 วัน 2 ประเทศ กรีซ-มอลต้า สมาชิกร่วมทาง 4 คน
ด้วยความที่ Santorini เป็น dream destination หลักๆเลยที่กรีซเราก็จะใช้เวลาอยู่ที่ Santorini ซะเป็นส่วนใหญ่
Greece-Malta Itinerary
Day 0: Bangkok-Athens (ออกเดินทางจากกทม. เย็นวันศุกร์ถึงเอเธนเช้านั่งเครื่องต่อไปซานโตรินี่เลย)
Day 1: Santorini - Firostefani
Day 2: Oia เดินเล่นไปเลยทั้งวันจนพระอาทิตย์ตก(เค้าว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่ห้ามพลาด)
Day 3: เดินเล่นในเมือง Thira - ปีนเขาชมวิวเมืองซานโตที่ Ancient Thira
Day 4: ชิลล์ๆ ที่หาด Black sand beach - นั่งเรือทัวร์ hot spring แวะปีนภูเขาไฟ Nea Kameri
Day 5: ATV ขี่เล่นรอบเกาะแวะ Red Beach & Imerovigli > ข้ามเรือไปเกาะ Milos (มิลอส)
Day 6: เช่ารถขับทัวร์รอบเกาะ Milos เดินเล่น Sarakiniko beach (หาดดวงจันทร์) > หมู่บ้านชาวประมง Mandrakia> Firopotamos > Plaka
Day 7: Milos > Athens
Day 8: เดินเล่นๆ (แต่เหนื่อยจริงๆ) รอบ Acropolis & Parthenon แวะช๊อปปิ้ง+ หาของกินที่ Plaka
Day 9: ออกเดินทางแต่เช้ามืดไป Malta (บินตรงแพงเลยต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ Italy แล้วก็เกิดเรื่องจนได้จ้าาาา)
Day 10: ขับรถเล่นรอบเกาะ Gozo แวะหน้าผาที่สูงสุดบนเกาะ Ta'Cenc Cliffs ตามรอย game of thrones ไป Azure Window >โบสถ์ Ta' Pinu > หาด Dahlet Qorrot
Day 11: เดินเล่น Valetta เมืองหลวงน่ารักมากๆของ Malta
Day 12: ล่องเรือ Catamaran ไป Comino & The Blue Lagoon > ปาร์ตี้ Marco Polo Hostel
Day 13: Shopping ย่าน Sliema > หมู่บ้านชาวประมง Marsaxlokk
Day 14: เดินทางกลับ BKK

Part นี้จะยังไม่พูดถึง Malta (มอลต้า) นะ ไว้มาเล่าต่อทีหลัง แต่บอกไว้ก่อนว่า Malta เป็นประเทศเล็กๆที่ความน่ารักใหญ่มากๆ
สำหรับเรื่องวีซ่า (อ่านคห.3) ทริปนี้เรามีนักศึกษาสาวสวยไปด้วยเลยจะแชร์การขอวีซ่ากรีซ(Schengen)แบบที่มีสปอนเซอร์ไปด้วยเลย
-----------------------------------------
ช่วงหน้าร้อนแบบจริงจังที่กรีซจะเริ่มประมาณ ก.ค. ซึ่งปกติคนจะแห่กันไปเที่ยวเยอะมาก และค่าโรงแรมก็จะแพงขึ้นไปอีก เราเลยเลือกไปกลางเดือนมิ.ย คนกำลังพอคึกคัก ราคาโรงแรมกำลังได้ (แต่บางที่ก็เริ่มปรับสูงละ) ส่วนอากาศตอนแรกนึกว่าจะชิลๆ แต่ไปถึงจริงก็ร้อนนนมากกกค่ะแม่

ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ 8 วัน (4คนหารต่อตัวแล้ว)
** ไม่ได้รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับจากกรุงเทพนะ (แล้วแต่ใครจะหาโปรได้ถูก ส่วนเรานั่ง Qatar Air เพราะมีรูทขากลับ Malta-BKK) **

ค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ/เฟอร์รี่ : 7,700THB/คน
ค่าเดินทาง รถเมล์ Taxi อื่นๆ : 3,380THB/คน
ค่าโรงแรม : 6,200THB/คน
ค่าอาหาร : 7,200THB/คน
-----------------------------------------
สรุปนิดนึงสำหรับใครไม่อยากอ่านยาวๆ 
- Santorini มีเมืองหลวงชื่อ Fira หรือ Thira ซึ่งเป็นศูนย์รวมรถบัสและจุดต่อรถ ใครจำเป็นต้องพึ่งรถบัสในการเดินทางแนะนำนอนที่  Fira
- หมู่บ้านดังๆในเกาะซานโตรินี่มี 3 ที่ Firostefani,Imerovigli และ Oia 
- ชายหาดที่คนนิยมไปกัน Red Beach และ Black Beach
- ใครอยู่ยาวหน่อยหา Boat Tour ไปสำรวจเกาะใกล้ๆ หรือถ้ามีงบก็จองดินเนอร์ดูพระอาทิตย์ตกบนเรือไปด้วยเลยก็ได้
- Hotel สำหรับเรา Bookxxx มีให้เลือกเยอะสุดละ ใครเน้นประหยัดแบบพวกเราต้องจอง!! ห้องที่มีครัว!!! คือทำกับข้าวกินเอง save ค่าอาหารไปประมาณ 50% เราจะทำกินกันเองเฉพาะมื้อเย็น ฝากชีวิตไว้กับ supermarket
(ค่าอาหารถ้าไปกินข้างนอกตกคนละ 20-50 ยูโร ถ้าซื้อมาทำกินเองจะประมาณ 10 ยูโร)
- Oia คือคนเยอะมากกกกกกก คนที่ชอบความเป็นส่วนตัว อย่าหลงมานอนที่นี่เด็ดขาด
- ถ้าจะไปเที่ยวต่อที่เกาะอื่นๆ (ที่ไกลออกไป) แล้วจะใช้บริการเฟอร์รี่ เราจอง online กับ let's ferry
- โยเกิร์ต ไอติม และส้ม คือความดีงามของที่นี่ ส่วนสาย healthy salad ที่นี่ก็คือความดีงามไม่แพ้กัน
-----------------------------------------
ไม่เกริ่นละ...ป่ะ ออกเดินทางกัน!!!

Day 1: สองทุ่มกว่าๆ ออกเดินทางจาก BKK-Athens แวะเปลี่ยนเครื่อง Doha 
Day 2: ไปถึง Athens ตอน 6.30 บินต่อไป Santorini (ใครอยากชิลจะนั่งเฟอร์รี่ไปก็ได้นะแต่เอาจริงๆราคาถูกกว่าเครื่องบินไม่เท่าไหร่แล้วก็ใช้เวลานานกว่ามากด้วย) ออกจากสนามบินก็ไปขึ้นรถบัสที่จะไป Fira ได้เลยที่ Fira จะมี mian bus station ซึ่งเป็นเหมือนสถานีรวมรถบัสที่จะไปที่ต่างๆ ใครที่จะไป Oia,Perissa หรือ Akrotiri หรือที่ไหนๆก็ต้องมาต่อรถที่ Fira  ใครที่ไม่ได้มีแพลนจะเช่ารถ แนะนำหาโรงแรมนอนที่ Fira จะได้เดินทางสะดวกๆ สองคืนแรกเรานอนกันที่ Down Town (7000บาท/2คืน)

แวะหาของกินกันแปปนึงก่อนเข้าโรงแรมจากนั้นก็เดินไปหมู่บ้าน Firostefani
ใครที่อยากถ่ายรูปกับ Three Bells of Fira ให้หาร้านอาหาร Mama Thira จะมีบันไดเล็กๆให้ขึ้นไปถ่ายรูปโบสถ์ ชมวิวกัน
สรุปว่าเราได้กินมื้อเย็นกันที Mama Thira นี่แหละ กะว่าจะดูพระอาทิตย์ตกชิลๆ แต่ยังไงคะ พระอาทิตย์ไม่ยอมตก นั่งมาจนทุ่มครึ่งก็แล้ว เลยหันไปถามพนง. ที่ร้านบอกพระอาทิตย์ตกหลังสองทุ่มครึ่งนู้นจ้า โอเค! แยกย้าย
Day 3: วันของ Oia อยู่ที่ Oia ทั้งวันจนพระอาทิตย์ตกเลยจ้า เดินจากโรงแรมแล้วไปขึ้นรถที่ Fira mian bus station นั่งไปประมาณเกือบครึ่งชม. ก็จะถึงหมู่บ้าน Oia ซึ่งอยู่ทางตอนหนือของเกาะ (รู้ได้ยังไงว่าถึง Oia? ก็ป้ายที่คนลงจนหมดรถบัสนั่นแหละ เดินมาซักพักเจอโบสถ์ตามรูปล่างก็ใช่เลย) 
ที่นี่มันคึกคักและคนก็เยอะม๊ากกกกกก ของกินก็เยอะ ไอติมกับโยเกิร์ตคือดีมากกก กินเข้าไปเยอะเลยค่ะ
อย่างที่บอกใครชอบความเป็นส่วนตัวอย่าหลงมานอนที่ Oia เด็ดขาด..... ส่วนพวกเราตอนนี้ถึงแล้วขอเวลาเดินเล่นหามุมถ่ายรูปกันไปเลยยาวๆ
ถึงเวลา 5-6 โมงก็ไปจองที่ดูพระอาทิตย์ตกกันไว้ก่อนได้เลย ใช่ค่ะ พระอาทิตย์ตกสองทุ่มครึ่งแต่เราต้องไปจองที่ล่วงหน้าไม่งั้นจะเห็นแต่หัวคนจริงๆ พอใกล้ถึงช่วงพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ก็จะมีเพลงบรรเลงสร้างบรรยากาศให้ยิ่งครื้นเครง ก็ไม่รู้สิว่ามันสวยที่สุดรึป่าว แต่ก็ชอบบรรยากาศนะ คนมาจากทุกที่ทั่วโลก มารอจองที่เป็นชัวโมงเพื่อที่จะได้ดูพระอาทิตย์ตกไปพร้อมกันๆ แล้วก็ปรบมือดีใจไปพร้อมๆกันตอนที่พระอาทิตย์ตกน้ำไปแล้ว มันก็ดีนะครั้งนึงในชีวิตที่ได้สัมผัสบรรยากาศน่ารักๆแบบนี้ แล้วหนึ่งวันที่ Oia ก็จบไปแบบน่ารักๆ
** กล้องแบตหมดอดรูปพระอาทิตย์ตก ใครมีแพลนไปเที่ยวอย่าลืมแวะไปดูกับตาว่ามันสวยอย่างที่เค้าว่าจริงมั้ย **


Day 4: Day of adventure ได้เริ่มขึ้นแล้ววว ตอนเช้าเข้าไปในเมือง Fira หาตั๋วเรือไป hot spring + ภูเขาไฟ Nea Kameri สำหรับวันพรุ่งนี้ ช่วงบ่ายเราจะย้ายจากตัวเมือง Fira ไป Perissa ทางใต้ของเกาะกัน  นอกจากหมู่บ้านฟ้าขาวอันโด่งดังไปทั่วโลกแล้วนั้น Santorini ก็มีอะไรน่าสนใจอีกเย๊อะ
คืนนี้เรานอนที่ Villa Voula (5500บาท/2คืน/4คน) Check in แล้วก็ไปลุยต่อกันที่ Ancient Thera สามารถเดินจากโรงแรมไปได้เลย

ใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงยอดประมาณ 1 ชม. พอจะเหนื่อยเบาๆ (หรอออ) ก็จะได้ชมวิวที่อเมซิ่งประมาณนี้ จริงๆแล้วยอดบนสุดของเขาลูกนี้จะมีซากโบราณสมัย 3600ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่ถูกทำลายจากการระเบิดจากภูเขาไฟครั้งใหญ่ ถือเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกเลยก็ว่าได้ บางคนเค้าก็ว่าบริเวณนี้แหละคือ มหานครแอตแลนติสที่หายสาบสูญ (แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดนะ อ่านเจอมาจากเวบไซต์ตปท. ใครสนใจประวัติศาสตร์ไปสืบกันดูนะ)  ** แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปดูซากที่ว่า เพราะมันปิดค่ะคุณ เค้ามีเวลาปิดประมาณ 4 โมงเย็น เราขึ้นมาถึงช้าไป **

Day 5: เช้านี้เราไปนั่งรับ Vitamin D ที่ Black sand beach กัน เดินจากโรงแรมไปไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง ที่หาดเป็นสีดำแบบนี้ก็มีผลมาจากภูเขาไฟนั่นเอง ปล. Black sand beach จะอยู่ที่ Perissa ย่านนี้ beach bar เยอะที่สุดแล้ว ใครอยากหาร้านนั่งชิลตอนกลางคืน แนะนำร้าน Tranquilo บรรยากาศน่ารัก ของกินอร่อย
ช่วงบ่ายเราจะต้องไปขึ้นเรือที่ Old port ซึ่งอยู่ข้างล่างสุดของ Caldera Cliffs ก็นั่งบัสกลับไปที่ Firaอีกครั้ง การเดินทางไปด้านล่างสุดของหน้าผานี้มี 3 ทางคือ 1. เดิน 2. นั่งดองกี้ 3. นั่ง Cable car ตอนขาลงไปท่าเรือเราเลือกนั่งดองกี้จ้า (ซึ่งรู้สึกผิดมาก เพราะดองกี้ดูเหนื่อย และลำบากตัวเองที่ต้องนั่นเกร็งขาชาไปตลอดทาง) ** คนที่เลือกเดินก็ต้องเผื่อเวลามากๆหน่อยนะ เพราะนอกจากทางจะชันและลื่นแล้ว ก็ต้องคอยเดินหลบเลี่ยงอุนจิดองกี้ไปตลอดทางด้วย **

เรือจะพาเราไปทัวร์ 3 ชม. (25 euro) วนรอบๆภูเขาไฟก่อนแล้วไปปล่อยเล่นน้ำที่ hot spring จากนั้นก็พาไปแวะภูเขาไฟ Nea Kameri ซึ่งอ่านเจอว่าเป็นภูเขาไฟที่ยัง active อยู่ ใช้เวลาปีน 30-40 นาทีก็ถึงยอด เค้าก็จะมีกั้นไว้บางจุดไม่ให้เราเข้าไปเพราะจะมีไอควันร้อนๆ พุ่งออกมานิดๆ
ปีนภูเขาไฟเสร็จเรือพาเรากลับมาที่ Santorini จะให้เดินขึ้นผาอีกไม่ไหวแล้ว ณ จุดนี้ ขาสั่นไปหมดโดนค่า Cable car ไปอีก 6 euro
ชื่อสินค้า:   เที่ยวต่างประเทศ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่