ฉบับที่ ๖๘ วันจันทร์ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เรื่อง ล่าชื่อ!!! ถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรม สะท้อนความวุ่นวายบ้านเมือง คำสอนใดสมัยพุทธกาล?
จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าถึงกรณีที่นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 และผู้แทนผู้เข้าชื่ออีก 2 คนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในวันอังคาร ที่28 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานศาลยุติธรรม
โดยกรณีนี้ สืบเนื่องมาจาก นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค2 ได้เวียนหนังสือนำส่งขอให้เข้าชื่อกันถอดถอนกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) หลังพบว่า ก.ต.ดังกล่าวมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในศาลจังหวัดเเห่งหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198, ขัดต่อประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ หมวด 5 ว่าด้วยจริยธรรมเกี่ยวกับการดำรงตนและครอบครัว ข้อ 35 ที่กำหนดให้ผู้พิพากษาต้องเคารพเเละปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อยู่ในกรอบศีลธรรม สุภาพ สำรวมกริยามารยาท มีอัธยาศัยยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีของตุลาการ ทั้งพึงวางตนเป็นที่เชื่อถือศรัทธา
หากยังคงให้ดำรงตำแหน่ง ก.ต. ต่อไป อาจใช้ตำแหน่งดังกล่าวก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ แทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีฯ ทำให้เกิดความหวาดเกรง ในการปฏิบัติหน้าที่ ของผู้พิพากษาว่าจะถูกกลั่นแกล้ง ดำเนินการทางวินัยไม่ชอบ
ในฐานะผู้เขียนเป็นชาวพุทธเลื่อมใสในคำสอน เมื่อพบข่าวนี้ จะจริงไม่จริงอย่างไร แต่อยากสะท้อนถึงคำสอนของพระพุทธองค์ในสมัยพุทธกาล เกี่ยวกับความวุ่นวายของบ้านเมือง การประสบความทุกข์ยากลำบาก ของประชาชน นั้น เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญนั่นคือ “ผู้ตัดสินคดี” โดยผู้เขียนพบว่า พระพุทธเจ้าทรงเล่าถึงผู้มีอำนาจ (ผู้ตัดสินคดี) ไม่ประพฤติธรรมแล้ว ประชาชนจะเดือดร้อน วุ่นวายกันอย่างมากมาย ซึ่งมีตัวอย่างหนึ่งใน วินิจฉยมหามัตตวัตถุ ว่าด้วยเรื่องมหาอำมาตย์ผู้พิพากษา ขอกล่าวโดยย่อคือ
ภิกษุทั้งหลายเห็นมหาอำมาตย์ผู้พิพากษารับสินบนแล้วตัดสินคดี จึงกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ พระองค์ตรัสพระคาถา ดังนี้ “ ผู้ที่ตัดสินคดีโดยผลีผลาม ไม่ชื่อว่า ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ส่วนผู้ใดเป็นบัณฑิต วินิจฉัยคดี เหตุแห่งคดีทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริงทั้งสองพิพากษาผู้อื่นโดยไม่ผลีผลาม โดยเที่ยงธรรม โดยสม่ำเสมอ ผู้มีปัญญา มีธรรมคุ้มครองนั้น เราเรียกว่า ผู้ตั้งอยู่ในธรรม”
สรุป การผลีผลามตัดสินคดี การรับสินบน อคติ เพราะรัก เกลียด กลัว หลง จะนำความวุ่นวายอย่างมาก เพราะผู้ตัดสินคดีคือผู้ทำบ้านเมืองให้สงบ ชี้คนดี คนไม่ดี ยิ่งตัดสินคนที่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาจำนวนมาก ผลกระทบยิ่งมาก ตัวอย่าง โครงการจำนำข้าว ปลอมพระปรมาภิไธย สังคมจะเกิดการแตกแยกถึงความยุติธรรมได้ จึงเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา
ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนความรู้กันใน Comment Facebook, YouTube, Blog, Line, IG, Twitter, pantip ...กันนะครับ ขอบคุณครับ
B.S.
27 ส.ค. 2561
ตอน ล่าชื่อ!!! ถอด ถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรม สะท้อนเหตุการณ์ใดสมัยพุทธกาล? เวลา 14.00-14.20 น.
https://youtu.be/vpuV6ZKods0
ล่าชื่อ!!! ถอด ถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรม สะท้อนเหตุการณ์ใดสมัยพุทธกาล?
เรื่อง ล่าชื่อ!!! ถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรม สะท้อนความวุ่นวายบ้านเมือง คำสอนใดสมัยพุทธกาล?
จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าถึงกรณีที่นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 และผู้แทนผู้เข้าชื่ออีก 2 คนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในวันอังคาร ที่28 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานศาลยุติธรรม
โดยกรณีนี้ สืบเนื่องมาจาก นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค2 ได้เวียนหนังสือนำส่งขอให้เข้าชื่อกันถอดถอนกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) หลังพบว่า ก.ต.ดังกล่าวมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในศาลจังหวัดเเห่งหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198, ขัดต่อประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ หมวด 5 ว่าด้วยจริยธรรมเกี่ยวกับการดำรงตนและครอบครัว ข้อ 35 ที่กำหนดให้ผู้พิพากษาต้องเคารพเเละปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อยู่ในกรอบศีลธรรม สุภาพ สำรวมกริยามารยาท มีอัธยาศัยยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีของตุลาการ ทั้งพึงวางตนเป็นที่เชื่อถือศรัทธา
หากยังคงให้ดำรงตำแหน่ง ก.ต. ต่อไป อาจใช้ตำแหน่งดังกล่าวก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ แทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีฯ ทำให้เกิดความหวาดเกรง ในการปฏิบัติหน้าที่ ของผู้พิพากษาว่าจะถูกกลั่นแกล้ง ดำเนินการทางวินัยไม่ชอบ
ในฐานะผู้เขียนเป็นชาวพุทธเลื่อมใสในคำสอน เมื่อพบข่าวนี้ จะจริงไม่จริงอย่างไร แต่อยากสะท้อนถึงคำสอนของพระพุทธองค์ในสมัยพุทธกาล เกี่ยวกับความวุ่นวายของบ้านเมือง การประสบความทุกข์ยากลำบาก ของประชาชน นั้น เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญนั่นคือ “ผู้ตัดสินคดี” โดยผู้เขียนพบว่า พระพุทธเจ้าทรงเล่าถึงผู้มีอำนาจ (ผู้ตัดสินคดี) ไม่ประพฤติธรรมแล้ว ประชาชนจะเดือดร้อน วุ่นวายกันอย่างมากมาย ซึ่งมีตัวอย่างหนึ่งใน วินิจฉยมหามัตตวัตถุ ว่าด้วยเรื่องมหาอำมาตย์ผู้พิพากษา ขอกล่าวโดยย่อคือ
ภิกษุทั้งหลายเห็นมหาอำมาตย์ผู้พิพากษารับสินบนแล้วตัดสินคดี จึงกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ พระองค์ตรัสพระคาถา ดังนี้ “ ผู้ที่ตัดสินคดีโดยผลีผลาม ไม่ชื่อว่า ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ส่วนผู้ใดเป็นบัณฑิต วินิจฉัยคดี เหตุแห่งคดีทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริงทั้งสองพิพากษาผู้อื่นโดยไม่ผลีผลาม โดยเที่ยงธรรม โดยสม่ำเสมอ ผู้มีปัญญา มีธรรมคุ้มครองนั้น เราเรียกว่า ผู้ตั้งอยู่ในธรรม”
สรุป การผลีผลามตัดสินคดี การรับสินบน อคติ เพราะรัก เกลียด กลัว หลง จะนำความวุ่นวายอย่างมาก เพราะผู้ตัดสินคดีคือผู้ทำบ้านเมืองให้สงบ ชี้คนดี คนไม่ดี ยิ่งตัดสินคนที่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาจำนวนมาก ผลกระทบยิ่งมาก ตัวอย่าง โครงการจำนำข้าว ปลอมพระปรมาภิไธย สังคมจะเกิดการแตกแยกถึงความยุติธรรมได้ จึงเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา
ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนความรู้กันใน Comment Facebook, YouTube, Blog, Line, IG, Twitter, pantip ...กันนะครับ ขอบคุณครับ
B.S.
27 ส.ค. 2561
ตอน ล่าชื่อ!!! ถอด ถอดถอน ก.ต.ศาลยุติธรรม สะท้อนเหตุการณ์ใดสมัยพุทธกาล? เวลา 14.00-14.20 น. https://youtu.be/vpuV6ZKods0