ขออณุญาตเกริ่นก่อนว่า ผมก็เป็นเหมือนกับทุกๆท่านครับ เป็นเเค่คนดูหนังธรรมดาๆคนนึง ไม่ได้เรียนจบสายนี้มา ไม่กล้าเเม้เเต่จะเรียกตัวว่านักวิจารย์
เเต่สิ่งที่ผมทำคือบอกเล่าเรื่องที่ได้พบ หนังที่ได้ดูเเละชอบ ซึ่งความชอบของเราก็ไม่เท่ากัน หากไม่ชอบก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับผม
10. The Exorcist (1973)
Directed By: William Friedkin
ว่าด้วยเรื่องของเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกบางอย่างที่ครอบครัวเชื่อว่าเป็นปีศาจหรือผีเข้าสิง ทำให้แม่ของเด็ก จำเป็นต้องไปเชิญนักบวชสองรูปมาทำพิธีไล่ให้
สารภาพตามตรงผมได้ดูหนังเรื่องนี้เพราะมันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ที่หลายๆสำนักยกให้เป็น และขอบอกว่าน่าเสียดายที่ผมดูช้าไป หนังมันน่ากลัวจริงๆในยุคของมัน ซึ่งในยุคนี้ที่ผ่านๆตามามันพัฒนาไปหลายขั้นแล้วและขอบคุณพระเจ้าที่การทำหนังพัฒนาขึ้น ซึ่งถ้าหนังผียุคหลังๆน่ากลัวน้อยกว่า The Exorcist ผมคงแปลกใจในการถอยลงคลองมากๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นต้นกำเนิดของหนังผีดีๆในยุคนี้หลายๆเรื่อง และต้องยอมรับความพยายามสร้างฉากหลอกที่โหดสัสมาก ๆ ฉากหมุนคอในตำนานนี่จำยันตายครับ
9.The Shining (1980)
Directed By: Stanley Kubrick
หนังพาเราไปรู้จักครอบครัวแจ็ค ทอร์เรนซ์ นักเขียนที่เคยติดเหล้าอย่างหนักจนชีวิตครอบครัวแทบจะพัง แต่โชคยังดีที่ เว็นดี้ ภรรยาสาวผู้อ่อนโยนยังมองเห็นความดีในตัวแจ็ค ทำให้ยังเคียงคู่กันอยู่โดยมี แดนนี่ ลูกชายที่ดูเหมือนจะมีสัมผัสที่ 6 เป็นพยานรัก
แจ๊คต้องการแก้ไขอดีตที่เลวร้ายโดยเลือกที่จะทำงานและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และโชคก็เข้าข้างเขา เพราะมีงานเฝ้าโรงแรมโอเวอร์ลุคซึ่งจะปิดบริการทุกฤดูหนาวและเคยเกิดการฆาตกรรม ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย จนกระทั่งเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น และวิญญาณที่สิงในโรงแรมก็เริ่มปั่นแจ๊ค ปั่นจนทั้งแจ๊คทั้งคนดูอย่างผมเริ่มจะบ้าไปด้วยเลยในสถาการณ์และบรรยากาศที่
โคตรหลอน!
The Shining เป็นภาพยนตร์สยองขวัญสร้างจากนวนิยายสยองขวัญชื่อเดียวกันของ สตีเฟ่น คิง ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังมากมาย ทำเงินบ้างไม่ทำบ้าง ดีบ้างห่วยบ้างปนกันไป แต่ผลงานเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีในลำดับต้นๆของผลงานคิงเลยล่ะที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง และโชคดีที่มากที่ได้สุดยอดนักแสดงอย่าง แจ็ก นิโคลสัน มานำแสดงและแบกหนังหนักมาก เขาแสดงได้โคตรบ้า โคตรจิตจริงๆ ซึ่ง 90% ของความน่ากลัวในเรื่องเกิดจากพี่แกคนเดียวเลย...MEME ของเขายังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตาม Social และผลงานของเขาเรื่องก็จะยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้หลอนกันต่อไปแน่นอน
8.Drag Me to Hell (2009)
Directed By: Sam Raimi
เป็นเรื่องของ Christine Brown พนักงานปล่อยกู้ของธนาคาร ซึ่งเธอก็ใช้ชีวิตปรกติเรื่อยมา จนวันนึงหญิงชราท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง ที่เข้ามาทำเรื่องเพื่อขอต่อสัญญาเงินกู้บ้านของเธอ โอกาสทางความก้าวหน้าของอาชีพบีบให้ Christine ต้องคิดหนัก ก็คือ เธอจะทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง ซึ่งก็คือช่วยเหลือหญิงชราที่น่าสงสารคนนี้ หรือว่าเธอจะปฏิเสธการต่อสัญญา เพื่อที่จะทำให้ Jacks เจ้านายของเธอประทับใจ และเลื่อนตำแหน่งให้กับเธอ
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเลือกทำตามข้อหลัง ซึ่งทำให้ หญิงชราคนนั้น ต้องย้ายออกจากบ้าน แต่แล้วหญิงแก่รายนั้นได้ทำการแช่งคำสาปใส่เธอ และเรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น
ถ้ามองในแง่ของความสยองขวัญ หนังเรื่องนี้ทำได้ระดับกลางๆ ไม่ได้น่ากลัวมากนัก ออกจะตลกๆเสียด้วยซ้ำ รู้สึก Sam Raimi ทำไมมันชอบให้มันมีฉากเลือดหรือของเสียเข้าปากจังวะ55555 แต่สิ่งที่ผมชอบคือ ประเด็นของศีลธรรมในเรื่อง
เป็นคุณ คุณจะเลือกแบบไหน ถ้าหากคุณเจอสถานการณ์แบบนี้เข้า ซึ่งผมไม่ได้จะตัดสินใคร ผมขอใช้มาตรฐานของตนเองละกัน ซึ่งผมเชื่อว่าผมก็เลือกทำเหมือนคริสตินน่ะแหละ แหม่...ลึกๆแล้วผมก็เห็นแก่ตัวนะ ตำแหน่งอยู่ข้างหน้าแล้ว และหญิงแก่คนนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่สามารถใช้หนี้ได้ในการประเมิณ ถ้าผมซวยเจอแม่มดเข้าก็คงต้องเจอสถานการณ์เดียวกับนางเอกน่ะแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ...ผมไม่รักใครไปมากกว่าตนเองหรอก ซึ่งตรงนี้คุณอาจจะตัดสินผมแล้ว ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ต้องยอมรับความจริงล่ะ ว่านี่คือทางเลือกที่ผมเลือก
นอกเหนือจากเนื้อเรื่องแล้วจุดที่ชอบอีกคือฉากหักมุมในตอนท้าย ที่มันเป็นที่จดจำมากกว่าหนังทั้งเรื่องอีก
7.The Conjuring 2 (2016)
Directed By: James Wan
หนังจากความสำเร็จของ The Conjuring ที่ออกฉากไปเมื่อปี 2013 ทางค่าย นิวไลน์ซินีมา ก็ไม่รอให้เหล็กที่กำลังร้อนๆคลายความเย็นลง โดยการสานต่อเรื่องราวของครอบครัว วอร์เรน โดยพาเราไปสำรวจที่ เอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ โดยมีเส้นเรื่องรองของ อะมิตีวิลล์ ที่วางปมใว้แล้วในภาคแรก
ผมชอบหนังเรื่องนี้ที่นำเรื่องข้อสงสัยของคนหลายๆคนที่กังขาว่า ตกลงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง หรือ
แหกตากันแน่ ประกอบกับบรรยากาศและการไล่ระดับความน่ากลัวจากเล็กน้อย จนทวีคูนความบ้าคลั่งและก็ยังมีโมเม้นหักมุมด้วยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้มีสิ่งที่หนังสยองขวัญควรจะมีอย่างครบถ้วน เเละมันยังนำเส้นเรื่องรองในเรื่องไปสานต่อเป็นหนังได้อีกอย่าง The nun ที่กำลังจะเข้าฉายอีกด้วย(ยอมใจการตลาด)
6.The Conjuring (2013)
Directed By: James Wan
คนเรียกผี...ชื่อไทยมันแปลกๆเนอะ ถ้าดูจริงๆ ผมยังงงเลยว่ามันไปเรียกตอนไหนวะ55555 มีแต่จะไล่ออกไปๆเย้วๆ
เรื่องราวของครอบครัวลูกดกตระกูล เพอร์รอน ที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกสาวอีก 5 คน ที่ได้ทุ่มเงินก้อนสุดท้ายซื้อบ้านสุดสวยชายทุ่งในหมู่บ้าน
แฮร์ริสวิลล์ รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐ หลังจากนั้นเหตุการณ์แปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้น และไล่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ และผมไม่ได้พูดถึงในทางที่ดีด้วย สมาชิกในบ้านโดยกันถ้วนหน้าเเละเริ่มทนไม่ไหว ภรรยาของโรเจอร์ ชื่อ แคโรลีนได้ทำการติดต่อ เอด และลอร์เรน วอร์เรน นักปิศาจวิทยาให้ช่วยจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น
ที่ผ่านมาเราเห็นกันอยู่บ่อยๆ กับเรื่องผีจากต่างประเทศที่ส่วนใหญ่จะวนๆอยู่กับการย้ายบ้าน เจอผี ไล่ผี ซึ่งหนังแนวนี้ก็มีเยอะเสียด้วยสิ แต่ทำไม The Conjuring ถึงประสบความสำเร็จล่ะ?
อย่างแรกเลยผมชอบการใส่รายละเอียดเล็กน้อยลงในทุกฉากของหนัง ไม่ว่าฉากนั้นจะสั้นหรือยาว ไม่มีฉากไหนเลยที่สูญเปล่า มันมีรายละเอียดนำไปต่อยอดได้ทุกอย่าง เหมือนเป็นการเกริ่นใว้ให้คนดูรู้ ก่อนจะใส่เต็มไม่ยั้งทั้ง jump scare และความหลอน รวมไปถึงการใช้การกล้องลองเทคที่เป๊ะมาก ทำให้ทุกฉากหลอกคน มันหลอกคนได้จริงๆ เสียดายที่ตอนจบมันแผ่วๆหน่อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมชอบจังหวะการหลอกในช่วงกลางเรื่องมากกว่า บรรยากาศไม่น่าใว้วางใจ ทำให้คนดูจะเกิดความรู้สึกแบบว่าจะมามุกไหนนะ ไรแบบนี้
5. It Follows (2015)
Directed By: David Robert Mitchell
เจย์ ไฮท์ หญิงสาววัยรุ่นที่เพิ่งคบกับ ฮิวจ์ แฟนใหม่ของเธอได้ไม่นาน ซึ่งก็ตามสเต็ป ทั้งสองได้ซั่มกันเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนhollywood ซึ่งหลังเสร็จกิจกามทั้งคู่ควรจะนอนฟินกันไป แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ฮิวจ์ แอบให้ เจย์ ดมยาสลบ จากนั้นจับเธอมัดใว้ ก่อนจะ เล่าเรื่องราวของ "มัน" ให้เจย์ฟังว่า "มัน" จะติดตามเธอ จะหลอกหลอนเธอ จะทรมาณปั่นประสาทเธอไปเรื่อยๆ
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผี...“มัน” เป็น “มัน” มากกว่า “มัน” ใน “มัน2017” อีกโอ้ยงง55555 คืออย่างน้อย “มัน2017” ยังมีชื่อว่า เพนนีไวส์ไง แต่ “มัน” อันเนี้ยมันคืออะไรไม่รู้
มันจะเปลี่ยนเป็นใครก็ได้ คนอื่นก็มองมันไม่เห็นนอกจากคนที่โดนมันติดตาม ซึ่งทางเดียวที่จะหยุดการตามก็คือต้องไปซั่มกับคนอื่น เพื่อส่งไม้ต่อไม่ก็หนีมันไปเรื่อยๆ
หลอน…ครับบอกเลยสั้นๆ
“...หลอนหนังเหรอ”
“เปล่า หลอนคำว่า 'มัน' เนี้ยแหละ ไอ้ชั้ด!”
แต่ก็จริงนะ หนังเรื่องนี้
หลอนได้ใจ ไอ้ตัวนี้มันเดินเรื่อยๆ เอื่อยๆ เหมือนไม่ได้หวังจะไปถึงตัว แต่มันเดินไม่เลิกไม่ราเลย ตามไปเรื่อยๆจนสุดหล้าฟ้าเขียวมันก็จะตามไป และถึงตัวเมื่อเมื่อไหร่...
จังหวะการหลอกในหนังนี่จัดเต็มมาก และรู้สึกขนลุกไปกับ “มัน” ได้ทุกครั้งที่มันออกมา เชื่อว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นอันดับหนึ่งของใครหลายๆคนครับ
ขออนุญาตฝากเพจ
https://www.facebook.com/KewlEntertain ใว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
[CR] 10 Best Horror Movies Of Mine KewlEntertain
เเต่สิ่งที่ผมทำคือบอกเล่าเรื่องที่ได้พบ หนังที่ได้ดูเเละชอบ ซึ่งความชอบของเราก็ไม่เท่ากัน หากไม่ชอบก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับผม
10. The Exorcist (1973)
Directed By: William Friedkin
ว่าด้วยเรื่องของเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกบางอย่างที่ครอบครัวเชื่อว่าเป็นปีศาจหรือผีเข้าสิง ทำให้แม่ของเด็ก จำเป็นต้องไปเชิญนักบวชสองรูปมาทำพิธีไล่ให้
สารภาพตามตรงผมได้ดูหนังเรื่องนี้เพราะมันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ที่หลายๆสำนักยกให้เป็น และขอบอกว่าน่าเสียดายที่ผมดูช้าไป หนังมันน่ากลัวจริงๆในยุคของมัน ซึ่งในยุคนี้ที่ผ่านๆตามามันพัฒนาไปหลายขั้นแล้วและขอบคุณพระเจ้าที่การทำหนังพัฒนาขึ้น ซึ่งถ้าหนังผียุคหลังๆน่ากลัวน้อยกว่า The Exorcist ผมคงแปลกใจในการถอยลงคลองมากๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นต้นกำเนิดของหนังผีดีๆในยุคนี้หลายๆเรื่อง และต้องยอมรับความพยายามสร้างฉากหลอกที่โหดสัสมาก ๆ ฉากหมุนคอในตำนานนี่จำยันตายครับ
9.The Shining (1980)
Directed By: Stanley Kubrick
หนังพาเราไปรู้จักครอบครัวแจ็ค ทอร์เรนซ์ นักเขียนที่เคยติดเหล้าอย่างหนักจนชีวิตครอบครัวแทบจะพัง แต่โชคยังดีที่ เว็นดี้ ภรรยาสาวผู้อ่อนโยนยังมองเห็นความดีในตัวแจ็ค ทำให้ยังเคียงคู่กันอยู่โดยมี แดนนี่ ลูกชายที่ดูเหมือนจะมีสัมผัสที่ 6 เป็นพยานรัก
แจ๊คต้องการแก้ไขอดีตที่เลวร้ายโดยเลือกที่จะทำงานและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และโชคก็เข้าข้างเขา เพราะมีงานเฝ้าโรงแรมโอเวอร์ลุคซึ่งจะปิดบริการทุกฤดูหนาวและเคยเกิดการฆาตกรรม ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย จนกระทั่งเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น และวิญญาณที่สิงในโรงแรมก็เริ่มปั่นแจ๊ค ปั่นจนทั้งแจ๊คทั้งคนดูอย่างผมเริ่มจะบ้าไปด้วยเลยในสถาการณ์และบรรยากาศที่โคตรหลอน!
The Shining เป็นภาพยนตร์สยองขวัญสร้างจากนวนิยายสยองขวัญชื่อเดียวกันของ สตีเฟ่น คิง ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังมากมาย ทำเงินบ้างไม่ทำบ้าง ดีบ้างห่วยบ้างปนกันไป แต่ผลงานเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีในลำดับต้นๆของผลงานคิงเลยล่ะที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง และโชคดีที่มากที่ได้สุดยอดนักแสดงอย่าง แจ็ก นิโคลสัน มานำแสดงและแบกหนังหนักมาก เขาแสดงได้โคตรบ้า โคตรจิตจริงๆ ซึ่ง 90% ของความน่ากลัวในเรื่องเกิดจากพี่แกคนเดียวเลย...MEME ของเขายังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตาม Social และผลงานของเขาเรื่องก็จะยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้หลอนกันต่อไปแน่นอน
8.Drag Me to Hell (2009)
Directed By: Sam Raimi
เป็นเรื่องของ Christine Brown พนักงานปล่อยกู้ของธนาคาร ซึ่งเธอก็ใช้ชีวิตปรกติเรื่อยมา จนวันนึงหญิงชราท่าทางแปลกๆคนหนึ่ง ที่เข้ามาทำเรื่องเพื่อขอต่อสัญญาเงินกู้บ้านของเธอ โอกาสทางความก้าวหน้าของอาชีพบีบให้ Christine ต้องคิดหนัก ก็คือ เธอจะทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง ซึ่งก็คือช่วยเหลือหญิงชราที่น่าสงสารคนนี้ หรือว่าเธอจะปฏิเสธการต่อสัญญา เพื่อที่จะทำให้ Jacks เจ้านายของเธอประทับใจ และเลื่อนตำแหน่งให้กับเธอ
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเลือกทำตามข้อหลัง ซึ่งทำให้ หญิงชราคนนั้น ต้องย้ายออกจากบ้าน แต่แล้วหญิงแก่รายนั้นได้ทำการแช่งคำสาปใส่เธอ และเรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น
ถ้ามองในแง่ของความสยองขวัญ หนังเรื่องนี้ทำได้ระดับกลางๆ ไม่ได้น่ากลัวมากนัก ออกจะตลกๆเสียด้วยซ้ำ รู้สึก Sam Raimi ทำไมมันชอบให้มันมีฉากเลือดหรือของเสียเข้าปากจังวะ55555 แต่สิ่งที่ผมชอบคือ ประเด็นของศีลธรรมในเรื่อง
เป็นคุณ คุณจะเลือกแบบไหน ถ้าหากคุณเจอสถานการณ์แบบนี้เข้า ซึ่งผมไม่ได้จะตัดสินใคร ผมขอใช้มาตรฐานของตนเองละกัน ซึ่งผมเชื่อว่าผมก็เลือกทำเหมือนคริสตินน่ะแหละ แหม่...ลึกๆแล้วผมก็เห็นแก่ตัวนะ ตำแหน่งอยู่ข้างหน้าแล้ว และหญิงแก่คนนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่สามารถใช้หนี้ได้ในการประเมิณ ถ้าผมซวยเจอแม่มดเข้าก็คงต้องเจอสถานการณ์เดียวกับนางเอกน่ะแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ...ผมไม่รักใครไปมากกว่าตนเองหรอก ซึ่งตรงนี้คุณอาจจะตัดสินผมแล้ว ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ต้องยอมรับความจริงล่ะ ว่านี่คือทางเลือกที่ผมเลือก
นอกเหนือจากเนื้อเรื่องแล้วจุดที่ชอบอีกคือฉากหักมุมในตอนท้าย ที่มันเป็นที่จดจำมากกว่าหนังทั้งเรื่องอีก
7.The Conjuring 2 (2016)
Directed By: James Wan
หนังจากความสำเร็จของ The Conjuring ที่ออกฉากไปเมื่อปี 2013 ทางค่าย นิวไลน์ซินีมา ก็ไม่รอให้เหล็กที่กำลังร้อนๆคลายความเย็นลง โดยการสานต่อเรื่องราวของครอบครัว วอร์เรน โดยพาเราไปสำรวจที่ เอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ โดยมีเส้นเรื่องรองของ อะมิตีวิลล์ ที่วางปมใว้แล้วในภาคแรก
ผมชอบหนังเรื่องนี้ที่นำเรื่องข้อสงสัยของคนหลายๆคนที่กังขาว่า ตกลงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง หรือแหกตากันแน่ ประกอบกับบรรยากาศและการไล่ระดับความน่ากลัวจากเล็กน้อย จนทวีคูนความบ้าคลั่งและก็ยังมีโมเม้นหักมุมด้วยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้มีสิ่งที่หนังสยองขวัญควรจะมีอย่างครบถ้วน เเละมันยังนำเส้นเรื่องรองในเรื่องไปสานต่อเป็นหนังได้อีกอย่าง The nun ที่กำลังจะเข้าฉายอีกด้วย(ยอมใจการตลาด)
6.The Conjuring (2013)
Directed By: James Wan
คนเรียกผี...ชื่อไทยมันแปลกๆเนอะ ถ้าดูจริงๆ ผมยังงงเลยว่ามันไปเรียกตอนไหนวะ55555 มีแต่จะไล่ออกไปๆเย้วๆ
เรื่องราวของครอบครัวลูกดกตระกูล เพอร์รอน ที่ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกสาวอีก 5 คน ที่ได้ทุ่มเงินก้อนสุดท้ายซื้อบ้านสุดสวยชายทุ่งในหมู่บ้าน
แฮร์ริสวิลล์ รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐ หลังจากนั้นเหตุการณ์แปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้น และไล่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ และผมไม่ได้พูดถึงในทางที่ดีด้วย สมาชิกในบ้านโดยกันถ้วนหน้าเเละเริ่มทนไม่ไหว ภรรยาของโรเจอร์ ชื่อ แคโรลีนได้ทำการติดต่อ เอด และลอร์เรน วอร์เรน นักปิศาจวิทยาให้ช่วยจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น
ที่ผ่านมาเราเห็นกันอยู่บ่อยๆ กับเรื่องผีจากต่างประเทศที่ส่วนใหญ่จะวนๆอยู่กับการย้ายบ้าน เจอผี ไล่ผี ซึ่งหนังแนวนี้ก็มีเยอะเสียด้วยสิ แต่ทำไม The Conjuring ถึงประสบความสำเร็จล่ะ?
อย่างแรกเลยผมชอบการใส่รายละเอียดเล็กน้อยลงในทุกฉากของหนัง ไม่ว่าฉากนั้นจะสั้นหรือยาว ไม่มีฉากไหนเลยที่สูญเปล่า มันมีรายละเอียดนำไปต่อยอดได้ทุกอย่าง เหมือนเป็นการเกริ่นใว้ให้คนดูรู้ ก่อนจะใส่เต็มไม่ยั้งทั้ง jump scare และความหลอน รวมไปถึงการใช้การกล้องลองเทคที่เป๊ะมาก ทำให้ทุกฉากหลอกคน มันหลอกคนได้จริงๆ เสียดายที่ตอนจบมันแผ่วๆหน่อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมชอบจังหวะการหลอกในช่วงกลางเรื่องมากกว่า บรรยากาศไม่น่าใว้วางใจ ทำให้คนดูจะเกิดความรู้สึกแบบว่าจะมามุกไหนนะ ไรแบบนี้
5. It Follows (2015)
Directed By: David Robert Mitchell
เจย์ ไฮท์ หญิงสาววัยรุ่นที่เพิ่งคบกับ ฮิวจ์ แฟนใหม่ของเธอได้ไม่นาน ซึ่งก็ตามสเต็ป ทั้งสองได้ซั่มกันเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนhollywood ซึ่งหลังเสร็จกิจกามทั้งคู่ควรจะนอนฟินกันไป แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ฮิวจ์ แอบให้ เจย์ ดมยาสลบ จากนั้นจับเธอมัดใว้ ก่อนจะ เล่าเรื่องราวของ "มัน" ให้เจย์ฟังว่า "มัน" จะติดตามเธอ จะหลอกหลอนเธอ จะทรมาณปั่นประสาทเธอไปเรื่อยๆ
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผี...“มัน” เป็น “มัน” มากกว่า “มัน” ใน “มัน2017” อีกโอ้ยงง55555 คืออย่างน้อย “มัน2017” ยังมีชื่อว่า เพนนีไวส์ไง แต่ “มัน” อันเนี้ยมันคืออะไรไม่รู้
มันจะเปลี่ยนเป็นใครก็ได้ คนอื่นก็มองมันไม่เห็นนอกจากคนที่โดนมันติดตาม ซึ่งทางเดียวที่จะหยุดการตามก็คือต้องไปซั่มกับคนอื่น เพื่อส่งไม้ต่อไม่ก็หนีมันไปเรื่อยๆ
หลอน…ครับบอกเลยสั้นๆ
“...หลอนหนังเหรอ”
“เปล่า หลอนคำว่า 'มัน' เนี้ยแหละ ไอ้ชั้ด!”
แต่ก็จริงนะ หนังเรื่องนี้หลอนได้ใจ ไอ้ตัวนี้มันเดินเรื่อยๆ เอื่อยๆ เหมือนไม่ได้หวังจะไปถึงตัว แต่มันเดินไม่เลิกไม่ราเลย ตามไปเรื่อยๆจนสุดหล้าฟ้าเขียวมันก็จะตามไป และถึงตัวเมื่อเมื่อไหร่...
จังหวะการหลอกในหนังนี่จัดเต็มมาก และรู้สึกขนลุกไปกับ “มัน” ได้ทุกครั้งที่มันออกมา เชื่อว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นอันดับหนึ่งของใครหลายๆคนครับ
ขออนุญาตฝากเพจ https://www.facebook.com/KewlEntertain ใว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้