กี้ร์อริสสิดวงแกนนำกองผ้าป่าเผาเมืองถึงคราวซวยอีกรอบ เงินประกันแค่ขนหน้าแข้งของหน้าเหลี่ยมมันก็ยังไม่ให้ แม้แต่สมุนผู้จงรักภักดีเยี่ยงทาสยังปล่อยลอยแพให้ไปรับกรรมเอาเอง ส่วนตัวมันนั้นปล่อยให้น้องสาวมาอวดรูปยั่วรัฐบาลแต่คนที่เจ็บเข้าไขกระดูกกลับกลายเป็นลูกสมุนที่ต้องมาติดคุกหรือตายทั้งที่ยังมีคดีติดตัว ตอนนี้เริ่มเห็นธาตุแท้ของหน้าเหลี่ยมมันหรือยัง เสียงปืนแตกมากี่นัดมันก็ไม่สนใจคนตายคนติดคุกเพื่อมันมากี่รายแล้วยังเห็นมันเดือดร้อนอะไรบ้างไม
คอยดูกันว่ากี้ร์คราวนี้จะรอดไม่รอด
เปิดคำฟ้องส่ง"กี้ร์-ขวดคนละใบ" นอนคุกรอบใหม่ เหตุหนุน"วัฒนา" โกงบ้านเอื้ออาทร-โดยใช้ ปชต.บังหน้า
หากไม่นับเงินประกันตัวไม่พอ ตามที่ศาลฯ กำหนดเอาไว้ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ "นายวัฒนา เมืองสุข" รมว.พม. จากคดีโกงบ้านเอื้ออาทรด้วยกัน ซึ่ง "นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" เตรียมเงินสดมาเพียง 3 ล้านบาทวานนี้ ทำให้เขาต้องถูกคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งหลักทรัพย์ที่สูงลิ่วขนาดนั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจโดยตัวเองอยู่แล้ว
แต่นั่นดูจะเล็กจ้อยไปเลย หากเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีที่ทำให้ "นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ต้องเดินทางไปที่ศาลฯ พร้อมทนายเพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อขอประกันตัว คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร หมายเลขดำ อม.102/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องตัวเขา และพวกรวม 5 รายเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว
โดยคำฟ้องที่อัยการฯ ลากเอานายอริสมันต์ และพวกให้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะระบุเอาไว้อย่างจะแจ้งว่า นายอริสมันต์ และพวกได้แก่ บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด และ น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน "นายวัฒนา เมืองสุข" อดีต รมว..พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการบ้านเอื้ออาทร ตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ 2 โดยตรง
โดยมีฐานความผิดที่ เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเองหรือผู้อื่น และสนับสนุนนายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีต กคช. ซึ่งเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 91
และคดีนี้ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา และนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 5 ต.ค.ที่จะถึงนี้ แต่การที่นายอริสมันต์ มายื่นประกันตัวในครั้งนี้ ถือว่ามาก่อนวันนัด แต่เมื่อหลักทรัพย์ไม่พอตามที่ศาลกำหนด นายอริสมันต์ก็ต้องถูกควบคุมตัวไว้เช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แม้เรื่องหลักทรัพย์จะน่าสนใจ แต่อย่างที่บอก "พฤติการณ์แห่งคดี" กลับน่าสนใจกว่า เพราะอย่าลืมว่า...ตัวละครในคดีโกงบ้านเอื้ออาทร...ล้วนแต่อ้างนักอ้างหนาว่า...ตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย...ทำทุกอย่างเพื่อให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข
ยิ่ง "นายวัฒนา เมืองสุข" อันเป็นจำเลยที่ 1 ของคดีนี้ (คดีของนายวัฒนาคนละสำนวนกับคดีนายอริสมันต์) ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะช่วงหลังมานี่เขาแสดงบทนักประชาธิปไตยผู้สูงส่ง แบบรายวัน....แทบจะนาทีต่อนาที ทั้งต่อต้าน คสช. ว่าเป็นเผด็จการ เชลียร์นายใหญ่-นายหญิง ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์สุดลิ่ม รวมทั้งอวยกลุ่มเด็ก...ก๊วนอยากเลือกตั้ง หรือแม้แต่ "เอกชัย หงส์กังวาน" อดีตนักโทษคดี ม.112 แบบไม่เลือกประเด็น
ขณะที่แหกปากว่าข้าคือนักประชาธิปไตย นายวัฒนาก็แอบฟาดค่าหัวคิวโครงการบ้านเอื้ออาทรไปพร้อม ๆ กัน เพราะจากเอกสารการสอบสวนในชั้น คตส. ระบุชัดว่า นายวัฒนาถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในโครงการนี้ โดยเริ่มจากการที่ "บริษัท พาสทีญ่า" ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสวนพลูพัฒนา โครงการผดุงพันธ์ โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1) โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3) โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1) โครงการปทุมธานี ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้หรือไม่
นอกจากนี้ คตส. ยังตรวจพบว่ามีหลายส่วน-หลายพื้นที่ของโครงการฯ ผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกระบวนการจัดหาที่ดินสร้างโครงการที่แพงเกินจริง การจัดซื้อจัดจ้าง การหาผู้รับเหมามาดำเนินโครงการ ทั้งยังมีการเรียกค่าหัวคิว 82 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับนักการเมือง และบริษัทดังกล่าวยังเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยจำนวนนี้มีการโอนเข้าบัญชีของคนขับรถ แม่บ้าน และพนักงานพิมพ์ดีด ของพ่อค้าข้าวรายใหญ่ ซึ่งเป็นคนสนิทของนายทักษิณ และเข้ามาสนิทสนมกับนายวัฒยาในช่วงคุใโครงการฯ
ขณะที่ตัว "นายอริสมันต์" เองเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ในฐานะผู้สนับสนุนให้โกงนั้น เหตุเพราะเขาเป็นอดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยรักไทย และตอนนั้นนั่นเองที่เขา ได้รับมอบหมายให้เป็น เลขานุการของ "ประชา มาลีนนท์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในขณะนั้น ก่อนจะเปลี่ยนตัวมาเป็น "นายวัฒนา" และสนับสนุนให้โกง...จนโดนคดี
แน่นอน ยังไงครอบครัวนายอริสมันต์ หาเงินส่วนที่เหลือ 2 ล้านมาเอาเขาออกจากคุกตามวงประกันที่ศาลฯ กำหนดได้แน่ เพราะนั่นไม่นับว่ามากมายอะไรหลังเขาผันตัวเองมาเป็นแกนนำแดงรับใช้นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร
...แต่แม้จะได้ประกันแล้ว....ก็ใช่ว่าคดีนี้จะสะดวกง่ายดายตามที่เขาอยากให้เป็น เพราะหลักฐานการทุจริตนั้นชัดจน...ผู้รู้ทางกฎหมายยังต้อง...ถอนหายใจแทน...จริงไม่จริงแค่ไหน...ก็ดูจากยอกเงินประกัน 5 ล้านบาทก็ได้
http://www.tnews.co.th/contents/gr/476234
สิ้นสวาทกันเสียที
กี้ร์เอ้ยโดนหน้าเหลี่ยมมันเทแล้วเรอะ
คอยดูกันว่ากี้ร์คราวนี้จะรอดไม่รอด
เปิดคำฟ้องส่ง"กี้ร์-ขวดคนละใบ" นอนคุกรอบใหม่ เหตุหนุน"วัฒนา" โกงบ้านเอื้ออาทร-โดยใช้ ปชต.บังหน้า
หากไม่นับเงินประกันตัวไม่พอ ตามที่ศาลฯ กำหนดเอาไว้ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ "นายวัฒนา เมืองสุข" รมว.พม. จากคดีโกงบ้านเอื้ออาทรด้วยกัน ซึ่ง "นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" เตรียมเงินสดมาเพียง 3 ล้านบาทวานนี้ ทำให้เขาต้องถูกคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งหลักทรัพย์ที่สูงลิ่วขนาดนั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจโดยตัวเองอยู่แล้ว
แต่นั่นดูจะเล็กจ้อยไปเลย หากเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีที่ทำให้ "นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ต้องเดินทางไปที่ศาลฯ พร้อมทนายเพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อขอประกันตัว คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร หมายเลขดำ อม.102/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องตัวเขา และพวกรวม 5 รายเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว
โดยคำฟ้องที่อัยการฯ ลากเอานายอริสมันต์ และพวกให้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะระบุเอาไว้อย่างจะแจ้งว่า นายอริสมันต์ และพวกได้แก่ บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด และ น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน "นายวัฒนา เมืองสุข" อดีต รมว..พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการบ้านเอื้ออาทร ตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ 2 โดยตรง
โดยมีฐานความผิดที่ เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเองหรือผู้อื่น และสนับสนุนนายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีต กคช. ซึ่งเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86, 91
และคดีนี้ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา และนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 5 ต.ค.ที่จะถึงนี้ แต่การที่นายอริสมันต์ มายื่นประกันตัวในครั้งนี้ ถือว่ามาก่อนวันนัด แต่เมื่อหลักทรัพย์ไม่พอตามที่ศาลกำหนด นายอริสมันต์ก็ต้องถูกควบคุมตัวไว้เช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แม้เรื่องหลักทรัพย์จะน่าสนใจ แต่อย่างที่บอก "พฤติการณ์แห่งคดี" กลับน่าสนใจกว่า เพราะอย่าลืมว่า...ตัวละครในคดีโกงบ้านเอื้ออาทร...ล้วนแต่อ้างนักอ้างหนาว่า...ตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย...ทำทุกอย่างเพื่อให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข
ยิ่ง "นายวัฒนา เมืองสุข" อันเป็นจำเลยที่ 1 ของคดีนี้ (คดีของนายวัฒนาคนละสำนวนกับคดีนายอริสมันต์) ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะช่วงหลังมานี่เขาแสดงบทนักประชาธิปไตยผู้สูงส่ง แบบรายวัน....แทบจะนาทีต่อนาที ทั้งต่อต้าน คสช. ว่าเป็นเผด็จการ เชลียร์นายใหญ่-นายหญิง ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์สุดลิ่ม รวมทั้งอวยกลุ่มเด็ก...ก๊วนอยากเลือกตั้ง หรือแม้แต่ "เอกชัย หงส์กังวาน" อดีตนักโทษคดี ม.112 แบบไม่เลือกประเด็น
ขณะที่แหกปากว่าข้าคือนักประชาธิปไตย นายวัฒนาก็แอบฟาดค่าหัวคิวโครงการบ้านเอื้ออาทรไปพร้อม ๆ กัน เพราะจากเอกสารการสอบสวนในชั้น คตส. ระบุชัดว่า นายวัฒนาถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในโครงการนี้ โดยเริ่มจากการที่ "บริษัท พาสทีญ่า" ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสวนพลูพัฒนา โครงการผดุงพันธ์ โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1) โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3) โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1) โครงการปทุมธานี ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้หรือไม่
นอกจากนี้ คตส. ยังตรวจพบว่ามีหลายส่วน-หลายพื้นที่ของโครงการฯ ผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกระบวนการจัดหาที่ดินสร้างโครงการที่แพงเกินจริง การจัดซื้อจัดจ้าง การหาผู้รับเหมามาดำเนินโครงการ ทั้งยังมีการเรียกค่าหัวคิว 82 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับนักการเมือง และบริษัทดังกล่าวยังเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยจำนวนนี้มีการโอนเข้าบัญชีของคนขับรถ แม่บ้าน และพนักงานพิมพ์ดีด ของพ่อค้าข้าวรายใหญ่ ซึ่งเป็นคนสนิทของนายทักษิณ และเข้ามาสนิทสนมกับนายวัฒยาในช่วงคุใโครงการฯ
ขณะที่ตัว "นายอริสมันต์" เองเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ในฐานะผู้สนับสนุนให้โกงนั้น เหตุเพราะเขาเป็นอดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยรักไทย และตอนนั้นนั่นเองที่เขา ได้รับมอบหมายให้เป็น เลขานุการของ "ประชา มาลีนนท์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในขณะนั้น ก่อนจะเปลี่ยนตัวมาเป็น "นายวัฒนา" และสนับสนุนให้โกง...จนโดนคดี
แน่นอน ยังไงครอบครัวนายอริสมันต์ หาเงินส่วนที่เหลือ 2 ล้านมาเอาเขาออกจากคุกตามวงประกันที่ศาลฯ กำหนดได้แน่ เพราะนั่นไม่นับว่ามากมายอะไรหลังเขาผันตัวเองมาเป็นแกนนำแดงรับใช้นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร
...แต่แม้จะได้ประกันแล้ว....ก็ใช่ว่าคดีนี้จะสะดวกง่ายดายตามที่เขาอยากให้เป็น เพราะหลักฐานการทุจริตนั้นชัดจน...ผู้รู้ทางกฎหมายยังต้อง...ถอนหายใจแทน...จริงไม่จริงแค่ไหน...ก็ดูจากยอกเงินประกัน 5 ล้านบาทก็ได้
http://www.tnews.co.th/contents/gr/476234
สิ้นสวาทกันเสียที