เรื่องเกิดเมื่อปลายปี 59 ที่พักของผมเป็นเทาเฮาส์ และตรงข้ามบ้านเป็น โรงเรียนอนุบาลซึ่งตอนนี้เลิกกิจการไปแล้ว จึงกลายเป็นตึกร้าง โดยปกติผมก็จะจอดรถตรงข้ามบ้านติดรั้ว รร.เป็นประจำและก็มีบุคคลอื่นมาจอดด้วย
เรื่องก็มีอยู่ว่าข้างบ้านได้นำที่เสียบร่มสำหรับแม่ค้ามาวางชิดขอบถนนเพื่อไม่ให้ใครมาจอดรถตรงข้ามบ้านแก่ ทำให้เวลาผมนำรถมาจอดก็ชนบางไม่ชนบาง ก่อนวันเกิดการทะเลาะ ผมถอยรถกะบะออกเพื่อไปทำงานปกติ แล้วชนที่เสียบร่มเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องกันชน ผมก้เดินหน้ารถเพื่อให้ที่เสียบร่มหลุดออก ซึ่งเมียผมเห็นว่าที่เสียบร่มล้มอยู่จึงตะโกนถามว่าให้โยกเก็บเข้าที่หรือไม่ ผมบอกว่าไม่ต้องไว้อย่างนั้นเพราะไม่ได้กีดขวางการจารจรในซอยที่ผมอยู่ แต่ป้าข้างบ้านก็ตะโกนจากในบ้านด่าเมียผมว่าเป็นควายว่าอยู่หลายครั้ง จนเมียผมก็เลยถามป้าข้างบ้านว่า ป้าว่าใครซึ่งบริเวณนั้นไม่มีใครอยูนอกจากเมียผม แก่พูดว่าก็เมียผมงัยไม่รู้หรืองัย ว่าโง่เหมือนควาย มานอนให้เขาเอาฟรีแล้ว ยังให้ผัวไปมีเมียน้อยอีก
วันรุ่งขึ้นพอป้าและน้องสาวป้าเดินออกจากบ้านมาเมียผมก็เดินเข้าไปถามป้าข้างบ้าน ทำไมถึงพูดอย่างนั้น และให้แก่ขอโทษ แก่ก็ไม่แก่ก็ยังบอกว่าก็ฉันจะพูด เมียก็เลยพูดว่า หลงนับถือเห็นเป็นผู้ใหญ่ไม่หน้าเป็นอย่างนี้ แก่ว่าก็ฉันไม่ได้ให้แก่นับถือ เมื่อป้าแก่พูดจบเมียผมทำท่าว่าจะตบป้า น้องสาวแก่ก็ดึงหัวเมียผม และรุมทำร้าย เมียผมทำได้แต่ปกป้องตัวเองเนื่องจากพึ่งไปผ่าตัดใหญ่ที่มดลูก จึงไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำได้เพี่ยงป้องกันตัว จังหวะเดียวกันลูกชายและแฟนลูกชายอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงแม่ ร้องจึงออกไปดูเห็นเหตุการณ์จึงไปแยกป้าและน้องสาวป้าออกจากเมียผม และยังมีลุงที่อยู่เลยบ้านผมอีก 2 หลักก็เข้ามาช่วยแยกป้าและน้องสาวป้า เมียผมก็บอกว่าอย่างทำร้ายป้าและน้องสาวป้า และให้ลูกเอาบ้าน
หลังจากเกิดเหตุ เมียผมก็ไปหาหมอและลงบันทึกประจำวันไว้ ส่วนป้าและน้องสาวป้าลุงที่เห็นเหตุการณืก็พาไปหาหมด
ผ่านไปจนปลายปี 60 ก็มีหมายเรียกจากตำรวจให้ไปพบ เมียผมกับลูกรวม 2 คน ร่วมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เมื่อไปผมพนักงานสืบสวนก้เล่าเหตุที่เกิดขึ้น และประติเศษข้อกว่าหา ( ต้องนั้นคิดว่าไม่ผิดอย่างเดียว )
จนกลางปี 61 ตำรวจก็นัดให้เมียและลูกไปที่โรงพัก เมื่อไปถึงตำรวจก็บอกให้ไปพบอัยการ ที่รัชดาทำเรื่องส่งฟ้อง (งง....คับ) อัยการรับฟ้อง
เริ่มหาทนาย โดยได้จากน้องสาวเมียแนะนำมา ตรงลงราคาเรียบร้อย
ครั้งที่ 1.ที่เจอทนายก็เล่าเหตุการณืที่เกิดขึ้น
หลักจากอัยการนัด วันเพือไปศาล
ครั้งที่ 2.ทนายที่ผมจ้างก็ให้ทนายอีกคนถือหนังสือมา ตอนไปอัยการ มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้อัยการบอกตำรวจให้ทำสำนวนให้
ผมกับเมียก็ต้องมาที่ สน.ผ่านไป 1 อาทิตย์ตำรวจก็เรียเมียกับลูกไปสอบปากคำ ทนายที่ว่าจ้างก็ส่งทนายอีกคนมาแต่ก็ไม่ช่วยรัยเลย (เซ็งๆ)
ถึงเวลาที่อัยการนัดขึ้นศาล ทนายที่จ้างก็ไม่มาและไม่มีตัวแทนมาด้วย เลยต้องใช่ทนายอาสาแทน (ตอนที่ขึ้นไปที่ศาลผมก็ทำเรื่องประกันตัวลูกและเมีย) เมียเราบอกว่าตอนชึ้นไปที่ศาล ศาลก็ไม่ได้สักถามอะไร ถามว่านัดไกล่เกลื่อยหรือเปล่าศาลจะนัดให้ ตอนนั้นนึกรัยไม่ออกก็เลย บอกว่านัด เพื่อที่จะหาทางออก
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาพอมีทางออกทางไหนได้บางคับ ส.ม.ช.
เหตุจากที่จอดรถ กลายเป็นคดีทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ
เรื่องก็มีอยู่ว่าข้างบ้านได้นำที่เสียบร่มสำหรับแม่ค้ามาวางชิดขอบถนนเพื่อไม่ให้ใครมาจอดรถตรงข้ามบ้านแก่ ทำให้เวลาผมนำรถมาจอดก็ชนบางไม่ชนบาง ก่อนวันเกิดการทะเลาะ ผมถอยรถกะบะออกเพื่อไปทำงานปกติ แล้วชนที่เสียบร่มเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องกันชน ผมก้เดินหน้ารถเพื่อให้ที่เสียบร่มหลุดออก ซึ่งเมียผมเห็นว่าที่เสียบร่มล้มอยู่จึงตะโกนถามว่าให้โยกเก็บเข้าที่หรือไม่ ผมบอกว่าไม่ต้องไว้อย่างนั้นเพราะไม่ได้กีดขวางการจารจรในซอยที่ผมอยู่ แต่ป้าข้างบ้านก็ตะโกนจากในบ้านด่าเมียผมว่าเป็นควายว่าอยู่หลายครั้ง จนเมียผมก็เลยถามป้าข้างบ้านว่า ป้าว่าใครซึ่งบริเวณนั้นไม่มีใครอยูนอกจากเมียผม แก่พูดว่าก็เมียผมงัยไม่รู้หรืองัย ว่าโง่เหมือนควาย มานอนให้เขาเอาฟรีแล้ว ยังให้ผัวไปมีเมียน้อยอีก
วันรุ่งขึ้นพอป้าและน้องสาวป้าเดินออกจากบ้านมาเมียผมก็เดินเข้าไปถามป้าข้างบ้าน ทำไมถึงพูดอย่างนั้น และให้แก่ขอโทษ แก่ก็ไม่แก่ก็ยังบอกว่าก็ฉันจะพูด เมียก็เลยพูดว่า หลงนับถือเห็นเป็นผู้ใหญ่ไม่หน้าเป็นอย่างนี้ แก่ว่าก็ฉันไม่ได้ให้แก่นับถือ เมื่อป้าแก่พูดจบเมียผมทำท่าว่าจะตบป้า น้องสาวแก่ก็ดึงหัวเมียผม และรุมทำร้าย เมียผมทำได้แต่ปกป้องตัวเองเนื่องจากพึ่งไปผ่าตัดใหญ่ที่มดลูก จึงไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำได้เพี่ยงป้องกันตัว จังหวะเดียวกันลูกชายและแฟนลูกชายอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงแม่ ร้องจึงออกไปดูเห็นเหตุการณ์จึงไปแยกป้าและน้องสาวป้าออกจากเมียผม และยังมีลุงที่อยู่เลยบ้านผมอีก 2 หลักก็เข้ามาช่วยแยกป้าและน้องสาวป้า เมียผมก็บอกว่าอย่างทำร้ายป้าและน้องสาวป้า และให้ลูกเอาบ้าน
หลังจากเกิดเหตุ เมียผมก็ไปหาหมอและลงบันทึกประจำวันไว้ ส่วนป้าและน้องสาวป้าลุงที่เห็นเหตุการณืก็พาไปหาหมด
ผ่านไปจนปลายปี 60 ก็มีหมายเรียกจากตำรวจให้ไปพบ เมียผมกับลูกรวม 2 คน ร่วมกันทำร้ายร่างการผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เมื่อไปผมพนักงานสืบสวนก้เล่าเหตุที่เกิดขึ้น และประติเศษข้อกว่าหา ( ต้องนั้นคิดว่าไม่ผิดอย่างเดียว )
จนกลางปี 61 ตำรวจก็นัดให้เมียและลูกไปที่โรงพัก เมื่อไปถึงตำรวจก็บอกให้ไปพบอัยการ ที่รัชดาทำเรื่องส่งฟ้อง (งง....คับ) อัยการรับฟ้อง
เริ่มหาทนาย โดยได้จากน้องสาวเมียแนะนำมา ตรงลงราคาเรียบร้อย
ครั้งที่ 1.ที่เจอทนายก็เล่าเหตุการณืที่เกิดขึ้น
หลักจากอัยการนัด วันเพือไปศาล
ครั้งที่ 2.ทนายที่ผมจ้างก็ให้ทนายอีกคนถือหนังสือมา ตอนไปอัยการ มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้อัยการบอกตำรวจให้ทำสำนวนให้
ผมกับเมียก็ต้องมาที่ สน.ผ่านไป 1 อาทิตย์ตำรวจก็เรียเมียกับลูกไปสอบปากคำ ทนายที่ว่าจ้างก็ส่งทนายอีกคนมาแต่ก็ไม่ช่วยรัยเลย (เซ็งๆ)
ถึงเวลาที่อัยการนัดขึ้นศาล ทนายที่จ้างก็ไม่มาและไม่มีตัวแทนมาด้วย เลยต้องใช่ทนายอาสาแทน (ตอนที่ขึ้นไปที่ศาลผมก็ทำเรื่องประกันตัวลูกและเมีย) เมียเราบอกว่าตอนชึ้นไปที่ศาล ศาลก็ไม่ได้สักถามอะไร ถามว่านัดไกล่เกลื่อยหรือเปล่าศาลจะนัดให้ ตอนนั้นนึกรัยไม่ออกก็เลย บอกว่านัด เพื่อที่จะหาทางออก
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาพอมีทางออกทางไหนได้บางคับ ส.ม.ช.