สิ่งละอันพันละน้อยคือความงดงามของ Girls don’t Cry (สปอยด์)

หลังจากที่ผมดู GDC วันแรกรอบแรก ผมออกจากโรงมาด้วยความรู้สึก”ไม่สนุกอย่างที่หวัง” กลับมาเสิร์ชกระทู้ pantip บางคนก็ว่าหนังไม่สนุก
บางคนก็บอกว่าเป็นหนังที่คนนอกดูจะสนุกกว่าเพราะโอตะจะรู้เรื่องราวทั้งหมดหมดแล้ว อันหลังนี่ทำให้เรานั่งคิดว่ามันจะจริงเปล่าหว่า(แต่เราก็ไม่ทราบเพราะเราอยู่ฝั่งโอตะไง) แต่ยังไงก็คิดว่ารายได้หนังไม่น่ารอดเพราะขนาดเราเป็นโอตะวงโอชิพี่เต๋อ ยังรู้สึกว่าใครที่ไปดูรอบสองได้นี่ก็เหลือเชื่อแร๊ะ....

                                       -------------------------------------------------------------------------------------

          ตัดภาพมา หลังจากดูรอบ 2 จบ ความรู้สึกที่ผมมีต่อหนังเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  เลยรู้สึกอยากชวนเพื่อนๆ คุยเกี่ยวกับหนังกันครับ  
โดยทั้งหมดทั้งมวลเป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ(****มีสปอยด์เน้อ****)

           1.ความยากของหนังเรื่องนี้
           เนื่องจากวงมีวัฒนธรรมเฉพาะตัวสูงและผ่านเรื่องราวมาพอสมควร(เทียบเป็น 3 ซิงเกิ้ล) ในขณะที่คนนอกยังไม่รู้วัฒนธรรมและเหตุการณ์ที่ผ่านมาของวง เช่น BNKเกี่ยวอะไรกับAKB   เซมบัตสึคืออะไร ใครเป็นใครในการประกาศเซมแต่ละเพลง แต่เหล่าโอตะไม่ใช่แค่รู้แต่ฟังเรื่องพวกนี้และดูการประกาศเซมแต่ละเพลงซ้ำแล้วซ้ำอีกมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  
           ด้วยช่องว่างของการรู้จักวงที่มีความห่างกันมากนี้เอง  ทีมภาพยนตร์จะเลือกทำหนังเอาใจฝั่งไหน  ถ้าแนะนำวงกันใหม่ตั้งแต่ต้น จะทำยังไงให้โอตะไม่เบื่อ? หรือตัดอารัมภบทต่างๆ เอาใจฮาร์ดคอร์โอตะกันไปเลย แล้วคนอื่นใครจะดูรู้เรื่อง?  ซึ่งผมมองว่าสุดท้ายแล้วหนังเลือกเดินทางสายกลาง


          2.เส้นเรื่อง
          ด้วยเหตุที่หนังเลือกเดินทางสายกลาง หนังได้เรื่องแบ่งเป็น 2 เส้นเรื่องหลักๆ เดินควบคู่กันไป
          2.1 แนะนำวง(เหตุการณ์ตั้งแต่ออดิชั่น – โชนิจิ) หนังไล่เรียงมาตั้งแต่การสมัครออดิชั่น ไปจนถึงช่วงโชนิจิ โดยแนะนำหน้าใหม่ให้ทราบว่า BNK มาจากไหน เซ็มฯคืออะไร การเลือกเซ็มวัดจากอะไรเป็นต้น
          2.2 มุมมองของเมมเบอร์ต่อเหตุการณ์ต่างๆ แสดงออกผ่านบทสนทนาของพี่เต๋อกับเมมเบอร์
          (2.3 นอกจากนั้น ยังมีภาพที่แทนมุมมองของคนนอก(ทีมงานภาพยนต์)สอดแทรกเข้ามาในส่วนของเส้นเรื่องอารมณ์ของเมมเบอร์บ้างเป็นช่วงๆ)
          ซึ่งข้อ 2.2 และ 2.3 นี่สิ คือสิ่งที่เหล่าโอตะอยากเห็น

          3.ดูหนังรอบ 1 และรอบ 2
          3.1 รอบแรก
          เนื่องจากคาดหวังว่าจะได้เห็นสิ่งอะไรใหม่ๆ นอกจากสิ่งที่เรารับรู้มาจากการตามวงมาตลอด ปรากฏว่าสิ่งได้เห็นส่วนมากของหนัง
คือ เส้นเรื่องการแนะนำวง = เรื่องราวของการแนะนำรายละเอียดของวงตั้งแต่เริ่มออดิชั่นโดยผ่านภาพที่เคยเห็นจนคุ้นชินในเซนไป  
/ มุมมองของเมมเบอร์ = บทสัมภาษณ์ของเมมเบอร์ต่างๆ ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่เราพอรู้มาแล้วทั้งสิ้น โดยมากผ่านทาง Voov เช่น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
/ สิ่งที่ผมคาดหวังจะได้เห็น เช่น ภาพเบื้องหลังพิเศษๆ ที่ไม่เคยเห็น หรือ รายละเอียดของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เคยรับรู้ มันมีและรับรู้ได้นะ แต่รู้สึกว่ามันน้อยจนไม่สามารถมากลบความรู้สึกหลักที่รู้สึกว่าเรื่องราวต่างๆ ในหนังไม่มีอะไรใหม่ได้ การดูหนังรอบแรกผลจึงออกมาอย่างที่บอก รู้สึกไม่สนุกเบยย T^T

          3.2 รอบสอง
          การเข้าไปดูรอบสองโดยรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของหนังคร่าวๆ แล้ว จึงเป็นรอบที่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ของหนังไม่ได้มีความหวังที่ได้เห็นโน่นนั่นนี่เหมือนในรอบแรก และรอบนี้เองมันทำให้ผมรู้สึกว่า...
          แม้หนังจะนำเสนอเส้นเรื่องไปตามเหตุการณ์ของวงที่เรารู้อยู่แล้ว แต่การคั่นด้วยบทสัมภาษณ์ของเมมเบอร์นั้น พอได้มาดูอีกรอบก็เห็นชัดว่าผู้กำกับหยิบบทสัมภาษณ์ของเมมเบอร์แต่ละคนมามาร้อยเรียงกันได้อย่างมีชั้นเชิงมาก (อันนี้จำเป๊ะๆ ไม่ได้ เลยถือเป็นการยกตัวอย่างสมมติ) เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
          ในเรื่องของเหตุการณ์ความรู้สึกของเมมเบอร์แต่ละคน แม้จะรู้มาแทบจะหมดแล้วตามที่บอกไปข้างต้น แต่ในหนังก็มีมีความลงไปลึกกว่า แบบเจาะเกราะลงไปอีกขั้น  เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้  
          สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หนังเรื่องนี้พาเราลงลึกลงไปอีก เป็นการย้ำให้เราเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดเจนขึ้นมากๆ   ผู้กำกับยังใช้การตัดต่อลำดับภาพบทสนทนาเหล่านี้  เป็นการเร่งเร้าอารมณ์ร่วมของผู้ชมได้อย่างเหลือเชื่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
          อันนี้รู้สึกชื่นชมผู้กำกับมากๆ (เนื่องจากงานนี้ตัดต่อเองด้วย)การที่มานั่งดูฟุตเทตเพื่อร้อยเรื่องราวอธิบายแต่ละประเด็นแล้วยังใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างอารมณ์ของหนังแถมยังสอดคล้องกับการนำเสนอ time-line ของวงอีก มันต้องเป็นการทำงานที่โหดมั่กๆ แน่ๆ
          กลับมาที่สิ่งที่ผมคาดหวังจะได้เห็น คือ ภาพเบื้องหลังหรือซีนสวยๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องยอมรับว่าแม้จะมีน้อย แต่มันสวยงามและทรงพลังเหลือเกิน เช่น
          [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
          
          การไปดูรอบสองโดยไม่ได้คาดหวังว่าหนังจะต้องมีอะไรใหม่ กลับทำให้ได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียงร้อยกันอยู่ภายในหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกในการดูหนังรอบสองนี้ ความรู้สึกในการดู GDC รอบสองจึงต่างไปจากการดูรอบแรกอย่างสิ้นเชิง จากรอบแรกที่รู้สึกว่าไม่สนุกเลย กลายมาเป็น
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีเลยนะ (สนุกหรือเปล่านี่บอกไม่ถูกเหมือนกันนะเพราะมันเป็นหนังสารคดี) แต่ส่วนตัวจัดว่าเป็นหนังที่ดีที่เดียว คุ้มค่าตั๋วนะผมว่า  
          
          เพื่อนๆ ดูแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่