สางเขียว

ดิฉันมีเรื่องสั้นๆมาเล่าให้ฟังค่ะ
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันพึ่งได้ฟังเรื่องเล่าจากสามี
ที่มันเป็นคำตอบ ของข้อสงสัยที่ดิฉันเก็บไว้มานาน

ดิฉันมีสามีทำงานรับราชการ เขาจะไปอบรมทางราชการอยู่บ่อยๆ
จึงมีเพื่อนมากหน้าหลายตา หลายจังหวัด เป็นเรื่องปกติ
และบ่อยครั้ง สามีของดิฉันก็ไปแวะเยี่ยมสังสรรค์กับเพื่อนใหม่ๆบ้าง
หรือไปต่างจังหวัดบ้าง ก็มีเป็นครั้งคราไป

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
สามีดิฉันมาชวนดิฉัน ไปบ้านเพื่อนเขาคนหนึ่งที่ต่างจังหวัด
สามีบอกว่า เพื่อนๆเขาจะนัดไปสังสรรค์กันหน่อย สักประมาณ เจ็ด แปดคน
แต่ยังขาดแม่ครัวฝีมือดี ก็เลยมาชวนดิฉันไปช่วยทำอาหารให้
ดิฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรไป
จนกระทั่งถึงวันเดินทาง

เราไปถึงบ้านเพื่อนของสามีกันก็ช่วงเย็นมากแล้ว
ที่นั่นเป็นบ้านพักราชการ ที่ปลูกห่างจากชุมชนพอสมควร
เรียกได้ว่า แทบจะอยู่ท้ายป่าหลังหมู่บ้านเลยทีเดียว
สภาพบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้น ดูทรุดโทรม
ราวกับว่า ไม่มีใครอยู่มาก่อน
แต่รอบๆตัวบ้าน มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม หลายต้น ดูบรรยากาศครึ้มๆ
จนน่าขนลุก
หน้าบ้านมีแคร่เก่าๆตัวหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้ๆโคนต้นไม้ใหญ่

หลังจากที่สามีแนะนำเพื่อนๆของเขาให้ดิฉันรู้จักแล้ว
ภรรยาเจ้าของบ้านพักก็พาดิฉันไปดูที่พักและที่เก็บสัมภาระ
พอเข้าไปในบ้าน ถัดจากประตูหน้าบ้านไปก็จะเป็น ชุดเก้าอี้ไม้สำหรับรับแขก
มองไปทางด้านขวามือ จะมีโถงเล็กๆ ที่มีตู้เก็บของสูงเท่าเอว
วางกั้นอยู่ ระหว่างโถงรับแขก กับโถงเล็กๆด้านข้างนั้น
ภรรยาเจ้าของบ้านพัก พาดิฉันเดินเข้าไปในโถงเล็กๆที่ดิฉันเห็น
ดิฉันเดินตามไปแล้วก็ดูไปรอบๆแถวนั้น มองขึ้นไปบนเพดาน
น่าแปลกใจ ที่บ้านพักข้าราชการ ทำไมเขาทำฝ้าเพดาน ไว้สูงกว่าปกติ
จนมันดูแล้วรู้สึก โล่ง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึก วังเวงไปด้วยในตัว
ยิ่งบวกกับช่วงเย็นๆแสงสว่างจากภายนอกเริ่มหดหายแล้ว
ก็ยิ่งชวนให้ดิฉันขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ภรรยาเจ้าของบ้าน เดินไปเปิดหน้าต่าง ให้แสงเข้ามาตรงโถงนั้น
ดิฉันมองออกไปตรงหน้าต่างนั้น ก็มองเห็นรั้วหน้าบ้าน และลานหน้าบ้าน
พอดิฉันเดินออกไปดูตรงหน้าต่างใกล้ๆ มองไปด้านซ้ายมือ ก็เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เห็นพวกผู้ชายกำลัง ช่วยกัน หาม แคร่ไม้ ที่อยู่ใกล้ๆโคนต้นไม้นั้น มาตรงลานหน้าบ้าน
ภรรยาเจ้าของบ้าน บอกกับดิฉันว่า
ขอโทษด้วยที่ไม่มีเตียงรับรอง มีแต่ที่นอนปูนอนกับพื้นให้
เพราะเขาพึ่งย้ายเข้ามาอยู่กันวันนี้เป็นคืนที่สอง
อะไรอะไรก็เลยดูยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่

หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว
ก็พากันไปดูที่หลังบ้าน เพื่อจะจัดเตรียมสิ่งของมาทำอาหารกัน
พอเปิดประตูหลังบ้านออกไป ก็ทำให้ดิฉันแทบช็อค
เพราะหลังบ้าน เป็นป่ารกมาก
สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาในหัวตอนนั้น ก็คือ งู
เพราะดิฉันเป็นคนกลัวงูมาก  แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ตรงบริเวณหลังบ้าน มีหลังคาเป็นชายคายื่นออกไป เป็นเหมือนกันสาด
ที่พื้นเป็นพื้นปูน ผิวไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ แต่ก็มีรอยร้าวที่พื้นบ้างเป็นหย่อมๆ
ไม่ไกลจากประตูหลังบ้าน มีเตาถ่านเก่าๆ วางอยู่ข้างๆเตาแก๊ส
แล้วก็มีอ่างล้างจานแบบสำเร็จรูปเก่าๆ ที่เคลื่อนที่ได้ วางอยู่ไม่ไกลกัน
ดิฉันกับภรรยาเจ้าของบ้าน พากันเก็บกวาดตรงครัวหลังบ้านนั้นอยู่สักพัก
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงตะโกนมาจากทางหน้าบ้าน

พอพากันเดินไปดู
ก็เจอกลุ่มสามีกับเพื่อนที่นั่งเล่นกันอยู่ตรงแคร่หน้าบ้าน ชี้มือไปที่รั้วหน้าบ้าน
พอมองไปก็เจอ ลุงแก่ๆกับสามล้อทรงโบราณ ที่มันมีหลังคากันแดดเหมือนในหนังย้อนยุค

เสียงภรรยาเจ้าของบ้าน ตะโกนออกไป บอกให้ลุงปั่นสามล้อเข้ามาเลย
พอลุงเข็นสามล้อเข้ามาที่หน้าบ้าน
ก็เห็นข้างในสามล้อลุงเต็มไปด้วยถุงผัก มะละกอ มะเขือเทศ แล้วก็พวกหมู พวกไก่
และเครื่องดื่มต่างๆ

ภรรยาเจ้าของบ้านก็เลยบอกให้ลุงขนมาไว้ด้านหลังในครัวเลย
ดิฉันก็เลยเข้าไปเตรียม พวกภาชนะที่จะเอามาใส่ผัก ล้างผัก แล้วก็ใส่พวกเนื้อหมู เนื้อไก่ในครัว
ลุงคนนั้นก็ทยอยขนของมาไว้ในครัว พอเจอดิฉันลุงแกก็ถามว่าจะให้วางตรงไหน
ดิฉันก็พยายามชี้ให้ลุงวางตรงใกล้ๆแถวนั้นก่อน
แต่สิ่งหนึ่งมันก็แว๊บขึ้นมา จนชวนให้ดิฉันต้องอดสงสัยไม่ได้
เพราะอาการของลุงคนนั้น ดูลนลานยังไงไม่รู้
เหมือนพยายามมองซ้ายมองขวา มองไปรอบๆราวกับคนตื่นกลัวอะไรบางอย่าง จนสังเกตเห็นได้ชัด
แล้วพอลุงขนของมาที่ครัว เที่ยวสุดท้าย
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง ภรรยาเจ้าของบ้าน ร้องเอะอะขึ้น
ดิฉันรีบวิ่งไปดู
เห็นแต่ลุงเดินหอบของเต็มสองมือ แต่ที่พื้น เหมือนมีถุงอะไรตกอยู่ที่พื้น
พอดิฉันเดินไปใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเป็นถุงพวกเครื่องใน ตกแตกอยู่ที่พื้นมีเลือดกระจายอยู่ที่พื้นพอสมควร
ลุงรีบเดินอุ้มของไปเก็บในครัว ภรรยาเจ้าของบ้าน รีบเดินไปหลังบ้านหาอะไรมาใส่ของที่ตกเกลื่อน
วินาทีนั้นเอง อยู่ๆดิฉันก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่พื้นคลุ้งมาเตะที่จมูกดิฉันอย่างแรง
แล้วก็รู้สึกเหมือน มีอะไรเย็นๆเคลื่อนที่ผ่านตัวดิฉันไป
มันเย็นวาบแล้วก็หายเย็น แบบเหมือนสิ่งนั้นมันเคลื่อนที่ผ่านไป
แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครยืนมองดิฉันอยู่ตรงชานพักบันใด จนดิฉันอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปมอง
พอหันไปมองแล้วก็เห็นแค่บันใดทางขึ้นไปชานพักที่ว่างเปล่า
ภาพแสงสลัวสลัวตรงทางขึ้นบันไดทำให้ดิฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

แล้วภรรยาเจ้าของบ้านก็ถือหม้อแขก เดินมา พร้อมกับลุงสามล้อคนนั้น
พอมาถึงลุงแก ขอโทษ  ดิฉัน ขอโทษภรรยาเจ้าของบ้าน ที่แกทำถุงเครื่องในตกพื้น
แกจะช่วยพวกเราเก็บ แต่ภรรยาเจ้าของบ้าน บอกไม่ต้องหรอกลุงเดี่ยวเราจัดการเอง
แล้วลุงก็ก้มตัวโค้งของโทษพวกเราอยู่หลายรอบ
จนดิฉันสังเกตเห็นว่าตอนลุงก้มลงของโทษพวกเรา ตาลุงแอบมองไปชานพักบันใด
ราวกลับว่ามองใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
แล้วก็รีบลนลาน ขอตัวกลับทันที

โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่