สวัสดีครับ Leh Ladakh แบบ Short Cut เป็นอีกหนึ่งทริปในปีนี้ที่ผมขอมาเขียนรีวิวแชร์ประสบการณ์การเดินทางนะครับ ทริปนี้
เป็นทริปเที่ยวเลห์ ลาดักห์ เหมือนกับของท่านอื่นๆในพันทิพครับ แต่จะอาจจะแตกต่างอยู่บ้างตรงที่ทริปนี้เป็นทริปแบบสั้นๆตามเเบบ
ของคนหยุดงานได้น้อยแต่อยากเที่ยวเลห์ ลาดักห์  มากๆครับ เผื่อว่าอาจจะพอเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจอยากจะไปเที่ยวเลห์
ลาดักห์มากๆแต่มีเวลาน้อย อยากลางานแค่วันหรือสองวันแบบพวกผม แต่ถ้ามีเวลาเที่ยวเยอะกว่านี้หรืออยากมี Bike Trip มีรีวิวของ
หลายๆท่านในพันทิพเขียนแนะนำไว้ได้ดีมากครับเป็นแนวทางได้เลย สวยทุกที่ครับ

    ด้วยเวลาที่จำกัดพวกผมเลยเลือกเฉพาะที่ที่อยากไปมากๆโดยเลือกอ่านจากรีวิวในพันทิพของหลายๆท่านแล้วเลือกสถานที่ใน
เลห์และใกล้ๆประมาณ 2-3 สถานที่กับ Nubra และ Pangong Lake เท่านั้นครับ พวกผมเดินทางในช่วงวันแม่ 10-14 สิงหาคม โดย
สายการบิน Jet Airways ครับ

10-Aug : ออกจากรุงเทพไปเลห์ 20.10 PM. โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่นิวเดลี
11-Aug : ถึงเลห์ประมาณเจ็ดโมงเช้า ให้รถของ รร. มารับ พักที่ Ree-Yul Guest House Leh เข้านอนปรับสภาพร่างกาย 4-5 ชั่วโมง
แล้วเที่ยวในเลห์และบริเวณรอบๆ Thiksey Monatery, Shanti Stupa และ Leh Palace
12-Aug : ไป Nubra นอนที่ Oasis Camp
13-Aug : ไป Pangong Lake และกลับเข้าตัวเมืองเลห์ เข้าพักที่ Ree-Yul Guest House Leh
14-Aug : เดินทางกลับกรุงเทพ

การเดินทางด้วย Jet Airways ครับ จากกรุงเทพไปนิวเดลีก็ปรกติดีครับ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับอาหารบนเครื่องอยู่บ้างที่ไม่ค่อย
ถูกปากพวกผม 5555

11 Aug : วิวที่นั้งด้านซ้ายก่อนถึงเลห์ครับ

ถึงสนามบินเลห์แล้วครับ ความรู้สึกแรกที่เห็นคือ สวยอ่ะ แปลกตา แต่อากาศไม่ได้เย็นมากเท่าที่คิด บริเวณรอรับกระเป๋าครับ

    ตอนเดินออกจากสนามบินมาที่ลานจอดรถก็คิดว่าเดินช้าแล้วนะครับแต่ Heart Rate Garmin 235 ของผมร้อง ตัวเลขขึ้น 140++
(ในใจตอนนั้นคิดว่าจะรอดไหมนิทริปนี้ เดินแค่มาขึ้นรถยัง 140++)
    นั้งรถจากสนามบินมาประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่พัก Ree Yul Guest House ครับ (ที่พักของคนไทยโดยแท้จริง เจอคนไทยหลาย
กรุ๊ปเลย เจอน้องคนไทยมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่นี่ด้วย และก็เจอน้องนักศึกษามาเที่ยวเลห์ 9 วัน แบบอิจฉามาก พวกพี่อยากมีเวลา
เที่ยวแบบนี้บ้าง ^^)

    ที่พักมีเสริฟชากับกาแฟครับและอาหารเช้าคือข้าวไข่เจียวให้พวกเราครับ (ข้าวไข่เจียวเลยเป็นอาหารประจำพวกผมตลอดที่พัก
ที่นี่ครับ ที่สำคัญฟรีครับขอเพิ่มขอเติมได้ตลอด) พออิ่มแล้วก็ฝากพาสปอร์ตให้กับทางโรงแรมเพื่อทำใบอนุญาติที่จะใช้เดินทางวัน
พรุ่งนี้ พวกผมก็รีบเข้าห้องพักเพื่อนอนปรับสภาพร่างกายครับ (ก่อนหน้านี้พวกเรากินยา  Diamox ก่อนการเดินทางมาแล้ว โดยทั้งทริป
พวกเรากินวันละ 1 เม็ด แบบครึ่งเม็ดเช้ากับเย็นตลอดทั้งทริปครับ โชคดีไม่มีปัญหาอาการป่วยเลยแต่มีเหนื่อยๆอยู่บ้าง)

ตื่นมาเกือบๆเที่ยง ก็เช่า Royal Enfield ขี่เที่ยวใกล้ๆเลห์ครับ โดยเริ่มต้นจากที่ไกลสุดก่อนประมาณ 30 กม มุมโค้งแม่น้ำที่เห็น Stakna Gompa

     ตั้งใจจะบินโดรนเก็บภาพตอนขี่มอไซด์กัน ใช้โหมด Active Trac แต่บินได้ไปพักใหญ่ๆโดรนก็ตกครับ ตกกันตั้งแต่ที่แรกที่เที่ยวเลย
เศร้าทั้งทริป TTT_TTT โดยสาเหตุที่ตกมาจากฝุ่นเข้าตัวลำเยอะมากโดยเฉพาะกล้อง ซึ่งน่าจะสะสมมาจากตอนไปเที่ยวจอร์แดนที่ทะเล
ทราย Wadi Rum เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วด้วย ทำให้มอเตอร์ทำงานไม่ได้เพราะโหมด Active Trac ต้องใช้กล้องหน้าตรวจจับ เพื่อนผม
เจ้าของโดรนบอกว่าเรื่องเสียตังค์ซ่อมไม่ใช้ปัญหาเพราะบินโดรนต้องเตรียมทำใจเรื่องโดรนตก แต่ตกตั้งแต่ที่เที่ยวแรกนี่มันเศร้ามากกก
รูปช่วงที่โดรนกำลังจะตกครับ

    Thiksey Monatery ครับ หรือโพทาลาน้อย โดยจำลองแบบมาจากพระราชวังโพทาลาของทิเบตเป็นวัดที่มีความสำคัญและเป็นวัดที่
สวยมากๆครับ (แวะเที่ยว Thiksey Monatery แบบเศร้าๆ)
วิวห้องน้ำที่สวยมากๆครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(เพื่อนผมคนเดิมเจ้าของโดรนดันลืมฝากล้องไว้บนกำแพงอีก เจ็บซ้ำๆ TTT_TTT )

    ถ่ายรูป ตั้ง Time-Lapse กันพักใหญ่ (จริงๆ นั้งพักเหนื่อย ^^) ก็ขับกลับเข้าตัวเมืองเลห์เพื่อจะไป Shanti Stupa หรือเจดีย์แห่งสันติภาพครับ

รูปนี้ถ่าย Tsemo Gompa จาก Shanti Stupa ครับ

    ถ่ายรูป ตั้ง Time-Lapse กันเหมือนเดิมครับพระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้วก็ตั้งใจจะไป Leh Palace กันต่อ เพราะไม่อยากขับรถมอเตอร์
ไซด์กลับที่พักตอนมืดๆเท่าไหร่ แต่พวกผมดันไปเจอไวไฟฟรีตรงแถวร้านกาแฟแบบแรงพอจะอัพเฟสบุ๊ค แรงพอจะวีดีโอคอลได้
เลยลงความเห็นว่าขอเล่นเน็ทกันก่อนเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ทแรงๆแบบนี้มันเป็น Rare Item ของที่นี่ 55555 สรุปก็คือไม่ได้ไป
Leh Palace ครับเพราะเลือกสัญญาณอินเตอร์เน็ทแรงๆแทน สองทุ่มกว่าๆก็ขับกลับเข้าที่พักคืนรถมอเตอร์ไซด์และก็มื้อค่ำข้าวไข่เจียวครับ
เป็นอันจบวันแรกในเลห์

12 Aug : เช้าวันนี้ก็ข้าวไข่เจียวก่อนออกเดินทางครับ เตรียมตัวไปค้างที่ Nubra โดยออกจาก รร.ประมาณแปดโมงนิดๆครับ ผู้ชายคนนี้
คนขับรถสำหรับทริปนี้ครับที่เราจะฝากชีวิตไว้กับเค้าตลอดสองวัน

เส้นทางไป Nubra ครับ ก็นั้งรถกันยาวๆกับวิวสวยๆและแปลกตาตลอดสองข้างทางครับ คนขับจอดให้ถ่ายรูปมุมสวยๆอยู่ตลอด

รถทหารครับขนน้ำมันกับอาหารไปแถวๆชายเเดนปากีสถานก็จะช้าหน่อย คนขับรถผมหาโอกาสแซงตลอด ^^

แล้วก็มาถึงครับ ถนนที่สูงที่สุดในโลก ^^

น่าจะมีก้อนหินล่วงลงมาปิดทางเลยต้องรอเคลียร์ทางอยู่พักใหญ่ครับ

    ก็นั้งรถมาเรื่อยๆครับ แวะตามทางถ่ายรูปกันบ้าง (แอบเสียดายที่ไม่ได้ขี่มอไซด์มา แต่ระหว่างทางก็มีเส้นทางที่ดูอันตรายอยู่หลายๆช่วง
เหมือนกันครับ ถ้าขี่ไม่เก่งคงลำบาก)

    พวกเรามาถึง Nubra จุดที่ขี่อูฐ (Hunder Sand Dune) ประมาณห้าโมงเย็นครับ เลือกขี่อูฐแค่ 15 นาที ราคา 200 INR ครับ

    คืนนี้เราพักกันที่นี่ครับ Oasis Camp ที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้ตอนประมาณหนึ่งทุ่มเป็นต้นไปครับ ไม่แน่ใจว่าให้ใช้ไฟถึงเวลาไหน

13 Aug : เช้านี้ไป Pangong Lake แล้วก็กลับ Leh ครับ ไม่ได้อาบน้ำเช้ากันครับเพราะน้ำเย็นมากกกก ออกจาก Oasis Camp
ประมาณ 6 โมงเช้าครับ วิวตลอดเส้นทางสวยมากแต่โค้งที่เยอะแบบเยอะมากกก ทำให้พวกผมต้องขอคนขับให้ช่วยจอดรถเพื่อลงไป
อาเจียนกันถึงสองครั้ง 5555

    ผ่านจากจุด Risk Point ก็หามุมสวยกินอาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมมาให้ครับ ก็กล้วยหอม 1 ลูก ไข่ต้ม 1 ฟอง และน้ำผลไม้รวม 1 กล่อง
เสร็จจากมื้อเช้าก็นั้งรถกันต่อยาวๆครับจนถึง Pangong Lake ประมาณเกือบๆเที่ยงครับ

ระหว่างทางเจอตัว Marmot อยู่หลายตัวเหมือนกันครับ

    ถ่ายรูป ตั้ง Time-Lapse ที่ Pangong Lake ประมาณ 2 ชั้วโมงนิดๆ ก็ต้องกลับเลห์แล้วครับ

วิวระหว่างทางจาก Pangong Lake กลับไป Leh ครับ วิวหมู่บ้านนี้สวยมากครับ

    ประมาณหกโมงนิดๆพวกผมก็มาถึงที่พัก Ree-Yul Guest House ครับ เก็บของกันเสร็จก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ Main Bazar ครับ
หาซื้อของฝาก

    แล้วกลับมาปิดท้ายมื้อเย็นที่ Gesmo Restaurant ครับ (เหมือนเป็นร้านอาหารไทยเลยเพราะเจอคนไทยเกือบๆครึ่งในร้านครับ)
สั้งกันตอนหิวก็จะเยอะหน่อย (นี่ขาดรูป Gesmo Salad ด้วยน่ะครับ)

14-Aug : กลับประเทศไทยแล้วครับ