นายกฯ ลงพื้นที่แก้ปัญหาจราจร ยกเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพฯ
อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/1354957
15 ส.ค.- นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร และมอบนโยบายการปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทุกรูปแบบ ดูแลไม่ให้รถนำขบวนกระทบประชาชน กำชับให้เห็นผล ภายใน 3 เดือน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร และมอบนโยบายการปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจราจรไม่ได้ ซึ่งจากนี้ทุกสถานีตำรวจ ต้องรับฟังศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในภาพรวมทั้งหมด รวมทั้ง นำระบบเทคโนโลยีมาปรับใช้ ให้สามารถทราบปริมาณรถในแต่ละเส้นทาง / เชื่อมโยงการเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ในการบรรเทาปัญหาการจราจร พร้อมแนะนำการปรับระบบควบคุมความเร็วรถ บนทางด่วนใหม่ / ดูแลไม่ให้มีรถจอดกีดขวาง และ การบีบพื้นที่ก่อสร้างต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ต้องมีจิตสำนึก ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งทำความเข้าใจด้วย พร้อมกำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลไม่ให้รถนำขบวนคณะรัฐมนตรี สร้างปัญหาจราจร จนกระทบกับประชาชน และให้คาดโทษหากตำรวจพื้นที่ใดปล่อยปละละเลย ต้องถูกดำเนินการทางวินัย ทั้งนี้ การแก้ปัญหาจราจรทั้งหมด ต้องให้เห็นผลภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ จากข้อมูล ของศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า สภาพปัญหาจราจร ติดขัด เกิดจากหลายปัจจัย ทั้ง การจราจรหน้าสถานศึกษา ต่างๆ ในกรุงเทพฯ , การจราจรติดขัดมาจากเส้นทางที่เชื่อมต่อกับปริมณฑล เช่น ถนนบรมราชชนนี แจ้งวัฒนะ รวมทั้ง ถนนตัดผ่านรถไฟ ซึ่งมีสภาพไม่เรียบเสมอกันหลายจุด รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ประกอบด้วย สายสีน้ำเงิน ช่วงเพชรเกษม - จรัญสนิทวงศ์ / สายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต / สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) / สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี / และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก คือ สายสีเหลือง โดยเฉพาะ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้ปรับแนวแบริเออร์บริเวณป้ายรถประจำทาง 21 จุด ตลอดเส้นทางถนนลาดพร้าวขาออก ไม่ให้กระทบช่องทางจราจร
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
จากข้อมูล ของศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า สภาพปัญหาจราจร ติดขัด เกิดจากหลายปัจจัย ทั้ง การจราจรหน้าสถานศึกษา ต่างๆ ในกรุงเทพฯ , การจราจรติดขัดมาจากเส้นทางที่เชื่อมต่อกับปริมณฑล เช่น ถนนบรมราชชนนี แจ้งวัฒนะ รวมทั้ง ถนนตัดผ่านรถไฟ ซึ่งมีสภาพไม่เรียบเสมอกันหลายจุด รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ประกอบด้วย สายสีน้ำเงิน ช่วงเพชรเกษม - จรัญสนิทวงศ์ / สายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต / สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) / สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี / และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก คือ สายสีเหลือง โดยเฉพาะ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้ปรับแนวแบริเออร์บริเวณป้ายรถประจำทาง 21 จุด ตลอดเส้นทางถนนลาดพร้าวขาออก ไม่ให้กระทบช่องทางจราจร
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
http://www.mcot.net/view/5b73a665e3f8e40ad3f4ca12?utm_source=TNA&utm_medium=TOPNEWS&utm_campaign=fixtna
นายกฯตรวจเยี่ยมบก.จร.แก้ปัญหารถติดนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร ติดตามแก้ปัญหาการจราจร ก่อนตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS)
ความเคลื่อนไหวการปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงเช้าวันนี้ เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้น
ในเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยออกเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า (S12) ซี่งนายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการและพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของกรุงเทพมหานคร ณ บริเวณทางเดินยกระดับ (สกายวอล์ก) สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางโดยเรือจากท่าเรือสะพานตากสิน – เพชรเกษม ไปยังท่าเรือวัดกำแพงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯโดยจะเยี่ยมชมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวงผ่านการท่องเที่ยวย่านประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี และตรวจการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของกรุงเทพมหานคร ผ่านการเดินเรือเส้นทางล่องคลองภาษีเจริญและคลองบางหลวง
และในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางโดยเรือจากท่าเรือวัดกำแพงบางจาก ถึงท่าเรือวัดอินทรารามวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยระหว่างทางนายกรัฐมนตรีจะพบปะกับประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะสักการะพระประธานประจำอุโบสถ และพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเดินทางกลับ
https://www.innnews.co.th/politics/news_161964/
นายกฯตรวจบก.จร.แก้รถติดแนะเชื่อมระบบดูเส้นทางน้ำนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยม บก.จร.แก้ปัญหาจราจร แนะเพิ่ม เทคโนโลยี ต้องเชื่อมต่อทางบก-เรือ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ปิดถนนให้ บอกถ้าจำเป็นไม่ต้องปิด ยินดีรถติดพร้อมประชาชน หวังเห็นผล 3 เดือน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และรับฟังบรรยายสรุป สภาพปัญหา แนวทางการแก้ไข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีแดงเข้ม สายสีเขียว และสายสีทอง รวมถึงการแก้ไขปัญหาราจรเร่งด่วนเฉพาะพื้นที่ ในถนนลาดพร้าว,
รามคำแหง และศรีนครินทร์ ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถือเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการสำคัญของการแก้ไขปัญหาจราจรกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ต้องเพิ่มเทคโนโลยีแทนตัวบุคคล ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะหารือกับฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัย เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาควบคุมการจราจร โดยอาจจะเป็นผลงานวิจัยของไทยในอนาคตไปด้วย ขณะเดียวกัน ยังขอให้เน้นการสร้างระบบเชื่อมต่อการเดินรถ หรือ ฟีดเดอร์ เพราะปัจจุบัน ระบบเดินรถทางบก ยังไม่เชื่อมต่อระบบราง ในทุกเส้นทาง โดยมองว่า เส้นทางใดมีทางน้ำขนาบ ให้ไปพิจารณา เบี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน ควบคู่ได้หรือไม่ โดยกำชับ กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานคร ให้ศึกษาเส้นทางน้ำ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้างถนน ให้คำนึงถึงความปลอดภัย ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลดช่องทางจราจร ให้ระมัดระวัง โดยจะต้องให้สัญญาณล่วงหน้าก่อนถึงช่วงลดช่องจาจร เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมขอให้ทุกคนเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงสื่อมวลชน ต้องช่วยกันในการนำเสนอข้อมูลการจราจรที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแนะให้เอกชน ไปสำรวจพื้นที่สร้างที่จอดรถ ใกล้กับสถานที่สำคัญ และเสนอมายังรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น และบรรเทาการจราจรติดขัดบนท้องถนน ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง ที่อำนวยความสะดวกโดยปิดช่องทางการจราจรให้ตนเองเวลาเดินทาง แต่ขอให้ปิดเท่าที่จำเป็น แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ต้องปิด เพราะส่วนตัวพร้อมติดไปกับทุกคน พร้อมย้ำด้วยว่า การแก้ไขปัญหาจราจร เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ และถือเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนตัวก็อยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือรัฐบาล ต้องใช้ระบบการจราจรเช่นเดียวกัน ให้เข้าใจร่วมกัน และช่วยกัน และขอให้การแก้ไขจราจร มีผลรูปธรรมภายใน 3 เดือน
https://www.innnews.co.th/politics/news_162080/
นายกฯ มีกำหนดออกตรวจการจราจรในกรุงเทพฯ โดยนั่งรถ BTS และล่องเรือคลองหลวง ดูการเชื่อมต่อ-ล้อ- รถ-เรือ โซเชียลเรียกร้องไม่ควรมีรถนำเพื่อสัมผัสปัญหาจริง
https://www.thaiquote.org/content/40881
เรื่องที่แก้ยากต้องถึงมือลุงตู่ค่ะ
🚘~มาลาริน~แก้ยากต้องถึงมือลุงตู่..นายกฯตรวจเยี่ยมบก.จร.แก้ปัญหารถติดนั่งBTS-ล่องเรือคลองหลวง ยกเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพฯ
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1354957
15 ส.ค.- นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร และมอบนโยบายการปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทุกรูปแบบ ดูแลไม่ให้รถนำขบวนกระทบประชาชน กำชับให้เห็นผล ภายใน 3 เดือน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร และมอบนโยบายการปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจราจรไม่ได้ ซึ่งจากนี้ทุกสถานีตำรวจ ต้องรับฟังศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในภาพรวมทั้งหมด รวมทั้ง นำระบบเทคโนโลยีมาปรับใช้ ให้สามารถทราบปริมาณรถในแต่ละเส้นทาง / เชื่อมโยงการเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ในการบรรเทาปัญหาการจราจร พร้อมแนะนำการปรับระบบควบคุมความเร็วรถ บนทางด่วนใหม่ / ดูแลไม่ให้มีรถจอดกีดขวาง และ การบีบพื้นที่ก่อสร้างต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ต้องมีจิตสำนึก ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งทำความเข้าใจด้วย พร้อมกำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลไม่ให้รถนำขบวนคณะรัฐมนตรี สร้างปัญหาจราจร จนกระทบกับประชาชน และให้คาดโทษหากตำรวจพื้นที่ใดปล่อยปละละเลย ต้องถูกดำเนินการทางวินัย ทั้งนี้ การแก้ปัญหาจราจรทั้งหมด ต้องให้เห็นผลภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ จากข้อมูล ของศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า สภาพปัญหาจราจร ติดขัด เกิดจากหลายปัจจัย ทั้ง การจราจรหน้าสถานศึกษา ต่างๆ ในกรุงเทพฯ , การจราจรติดขัดมาจากเส้นทางที่เชื่อมต่อกับปริมณฑล เช่น ถนนบรมราชชนนี แจ้งวัฒนะ รวมทั้ง ถนนตัดผ่านรถไฟ ซึ่งมีสภาพไม่เรียบเสมอกันหลายจุด รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ประกอบด้วย สายสีน้ำเงิน ช่วงเพชรเกษม - จรัญสนิทวงศ์ / สายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต / สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) / สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี / และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก คือ สายสีเหลือง โดยเฉพาะ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้ปรับแนวแบริเออร์บริเวณป้ายรถประจำทาง 21 จุด ตลอดเส้นทางถนนลาดพร้าวขาออก ไม่ให้กระทบช่องทางจราจร
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
จากข้อมูล ของศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรแบบบูรณาการ พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รายงานว่า สภาพปัญหาจราจร ติดขัด เกิดจากหลายปัจจัย ทั้ง การจราจรหน้าสถานศึกษา ต่างๆ ในกรุงเทพฯ , การจราจรติดขัดมาจากเส้นทางที่เชื่อมต่อกับปริมณฑล เช่น ถนนบรมราชชนนี แจ้งวัฒนะ รวมทั้ง ถนนตัดผ่านรถไฟ ซึ่งมีสภาพไม่เรียบเสมอกันหลายจุด รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ประกอบด้วย สายสีน้ำเงิน ช่วงเพชรเกษม - จรัญสนิทวงศ์ / สายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต / สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) / สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี / และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนัก คือ สายสีเหลือง โดยเฉพาะ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้ปรับแนวแบริเออร์บริเวณป้ายรถประจำทาง 21 จุด ตลอดเส้นทางถนนลาดพร้าวขาออก ไม่ให้กระทบช่องทางจราจร
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
นอกจากนี้ จะมีการตัดเกาะกลางถนน ปากซอยรัชดา 32 ด้านหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อใช้เป็นจุดกลับรถ รองรับรถที่เข้าใช้เส้นทางลัดซอยรัชดา 30, 32 และ 36 และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ใช้เส้นทางในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่คาดว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธินแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้บางส่วน
ขณะที่ องค์การขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. ได้มีการปรับ / เพิ่มเส้นทางรถโดยสารสาธารณะ โดยใช้ทางด่วน หรือทางยกระดับ เลี่ยงจุดวิกฤตจราจรตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมทั้งเพิ่มรถชัตเติลบัส รับส่งประชาชนเลี่ยงแนวเส้นทางวิกฤตเช่นกัน รวมทั้งเพิ่มเรือด่วนพิเศษอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย
http://www.mcot.net/view/5b73a665e3f8e40ad3f4ca12?utm_source=TNA&utm_medium=TOPNEWS&utm_campaign=fixtna
นายกฯตรวจเยี่ยมบก.จร.แก้ปัญหารถติดนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร ติดตามแก้ปัญหาการจราจร ก่อนตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS)
ความเคลื่อนไหวการปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงเช้าวันนี้ เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้น
ในเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยออกเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) ไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า (S12) ซี่งนายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการและพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของกรุงเทพมหานคร ณ บริเวณทางเดินยกระดับ (สกายวอล์ก) สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางโดยเรือจากท่าเรือสะพานตากสิน – เพชรเกษม ไปยังท่าเรือวัดกำแพงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯโดยจะเยี่ยมชมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวงผ่านการท่องเที่ยวย่านประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี และตรวจการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของกรุงเทพมหานคร ผ่านการเดินเรือเส้นทางล่องคลองภาษีเจริญและคลองบางหลวง
และในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางโดยเรือจากท่าเรือวัดกำแพงบางจาก ถึงท่าเรือวัดอินทรารามวรวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยระหว่างทางนายกรัฐมนตรีจะพบปะกับประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะสักการะพระประธานประจำอุโบสถ และพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเดินทางกลับ
https://www.innnews.co.th/politics/news_161964/
นายกฯตรวจบก.จร.แก้รถติดแนะเชื่อมระบบดูเส้นทางน้ำนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยม บก.จร.แก้ปัญหาจราจร แนะเพิ่ม เทคโนโลยี ต้องเชื่อมต่อทางบก-เรือ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ปิดถนนให้ บอกถ้าจำเป็นไม่ต้องปิด ยินดีรถติดพร้อมประชาชน หวังเห็นผล 3 เดือน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจเยี่ยมกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และรับฟังบรรยายสรุป สภาพปัญหา แนวทางการแก้ไข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีแดงเข้ม สายสีเขียว และสายสีทอง รวมถึงการแก้ไขปัญหาราจรเร่งด่วนเฉพาะพื้นที่ ในถนนลาดพร้าว,
รามคำแหง และศรีนครินทร์ ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถือเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการสำคัญของการแก้ไขปัญหาจราจรกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ต้องเพิ่มเทคโนโลยีแทนตัวบุคคล ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะหารือกับฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัย เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาควบคุมการจราจร โดยอาจจะเป็นผลงานวิจัยของไทยในอนาคตไปด้วย ขณะเดียวกัน ยังขอให้เน้นการสร้างระบบเชื่อมต่อการเดินรถ หรือ ฟีดเดอร์ เพราะปัจจุบัน ระบบเดินรถทางบก ยังไม่เชื่อมต่อระบบราง ในทุกเส้นทาง โดยมองว่า เส้นทางใดมีทางน้ำขนาบ ให้ไปพิจารณา เบี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน ควบคู่ได้หรือไม่ โดยกำชับ กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานคร ให้ศึกษาเส้นทางน้ำ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้างถนน ให้คำนึงถึงความปลอดภัย ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลดช่องทางจราจร ให้ระมัดระวัง โดยจะต้องให้สัญญาณล่วงหน้าก่อนถึงช่วงลดช่องจาจร เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมขอให้ทุกคนเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงสื่อมวลชน ต้องช่วยกันในการนำเสนอข้อมูลการจราจรที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแนะให้เอกชน ไปสำรวจพื้นที่สร้างที่จอดรถ ใกล้กับสถานที่สำคัญ และเสนอมายังรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้หันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น และบรรเทาการจราจรติดขัดบนท้องถนน ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่าง ที่อำนวยความสะดวกโดยปิดช่องทางการจราจรให้ตนเองเวลาเดินทาง แต่ขอให้ปิดเท่าที่จำเป็น แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ต้องปิด เพราะส่วนตัวพร้อมติดไปกับทุกคน พร้อมย้ำด้วยว่า การแก้ไขปัญหาจราจร เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ และถือเป็นวาระสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ส่วนตัวก็อยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือรัฐบาล ต้องใช้ระบบการจราจรเช่นเดียวกัน ให้เข้าใจร่วมกัน และช่วยกัน และขอให้การแก้ไขจราจร มีผลรูปธรรมภายใน 3 เดือน
https://www.innnews.co.th/politics/news_162080/
นายกฯ มีกำหนดออกตรวจการจราจรในกรุงเทพฯ โดยนั่งรถ BTS และล่องเรือคลองหลวง ดูการเชื่อมต่อ-ล้อ- รถ-เรือ โซเชียลเรียกร้องไม่ควรมีรถนำเพื่อสัมผัสปัญหาจริง
https://www.thaiquote.org/content/40881
เรื่องที่แก้ยากต้องถึงมือลุงตู่ค่ะ