สหรัฐอเมริกาส่งคืนระฆังโบสถ์ให้ฟิลิปปินส์


History of the Ninth US Infantry, 1799-1909" โดย Fred R. Brown
แสดงภาพทหารสหรัฐฯ นำเสนอระฆัง Balangiga ใน Calbayog, Samar ช่วยเมษายน 1902



ทำเนียบประธานาธิบดี Malacañang รายงานวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า
พร้อมทำงานร่วมกับสหรัฐอเมริกาในการรับคืนระฆังโบสถ์ Balangiga
ที่ถูกกองทัพสหรัฐอเมริกายึดไปในสงครามเดือดเลือดพล่านในปี ค.ศ.1900-1901

Harry Roque โฆษกทำเนียบประธานาธิบดี ให้สัมภาษณ์ว่า
ทางทำเนียบประธานาธิบดีได้รับรายงาน
จากหน่วยงานกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาว่า
พร้อมจะส่งคืนระฆังให้กับ Philippines
" เรายินดีที่มีการพัฒนาความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกัน
ระหว่างสหรัฐอเมริกาให้มีความคืบหน้าระหว่างกัน
หลังจากที่สหรัฐได้เปิดทางส่งระฆังคืนให้กับฟิลิปปินส์ "




เสียงระฆังของโบสถ์ใน Balangiga เขตตะวันออกของ Samar
ส่งสัญญาณ/ปลุกเร้าใจในการรบให้กับทหารกองโจรฟิลิปปินส์ (Filipinos)
ทำการโจมตีทหารกรมทหารราบที่ 9 (9th US Infantry Regiment) ของสหรัฐอเมริกา
ทำให้ทหารสหรัฐอมริกาตายในการรบจำนวน 48 นาย
เหตุการณ์ครั้งนี้รู้จักกันในชื่อว่า การสังหารหมู่ Balangiga massacre



หลังจากที่ ทหารสหรัฐอเมริกาเผด็จศึกได้แล้ว
จึงทำการล้างแค้นแทนพวกตนที่ตายในครั้งนั้น
ด้วยการเปลี่ยนให้เมือง Samar กลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าขนาดใหญ่
ด้วยการฆ่าผู้ชายฟิลิปปินส์ทุกคนในเมืองทิ้งมากกว่า 2,500 ราย
แก้แค้นแทนทหารสหรัฐที่ตายไป 48 นาย (อัตราส่วน 1/52 ศพ)

ทหารสหรัฐอเมริกันยังได้ถอดระฆังจำนวน 3 ใบ ออกจากโบสถ์คริสตจักรในเมือง
และถือว่าเป็นถ้วยรางวัลชัยชนะในสงครามปราบกบฏชาวพื้นเมือง
ระฆัง 2 ใบที่ระบุ Franciscan Order ลงปี 1863 และ 1889
เก็บรักษาไว้ที่ฐานทัพสหรัฐอเมริกา ใน Cheyenne รัฐ Wyoming
และอีกใบระบุ Franciscan Order ลงปี 1896
เก็บรักษาไว้ที่ 9th US Infantry Regiment
ในค่าย Camp Red Club เกาหลีใต้

ในปีค.ศ.1994 ฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Fidel Ramos
ได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาคืนระฆังที่ยึดไปทั้งหมดทุกใบ
แต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่ยอมตอบรับแต่อย่างใด

ในช่วงสมัยที่ 2 ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี Rodrigo Duterte
ได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาคืนระฆัง Balangiga อีกครั้ง
" มันเป็นของเรา มันเป็นของชาวฟิลิปปินส์
มันเป็นส่วนหนึ่งของมรดกแห่งชาติ
โปรดคืนระฆังมา นั้นคือ สัญญลักษณ์ความเจ็บปวดของพวกเรา "

Aquilino Pimentel III วุฒิสมาชิกก็ยังสนับสนุนประธานาธิบดี Rodrigo Duterte
ในการเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาคืนระฆัง Balangiga
และยังระบุว่า ทหารสหรัฐยังยึดปืนใหญ่ที่อังกฤษสร้างในปี 1557 ในสงครามครั้งอื่นด้วย
เพื่อเป็นรางวัลเฉลิมฉลองชัยชนะ จัดแสดงที่ฐานทัพอากาศ
Trophy Park of the F. E. Warren Air Force Base ใน Cheyenne รัฐ Wyoming
" การที่เราเรียกร้องให้คืนระฆัง Balangiga
การคืนระฆังจะช่วยฟื้นฟูหลายอย่าง
ที่ทำให้เราต่างมีสถานะเท่าเทียมกัน
และช่วยเยียวยาความเดียดแค้นที่ฝังใจ
ของบรรดาลูกหลานกบฏ Balangiga กับทหารสหรัฐ "

ท่าทีอเมริกันเรื่องนี้ได้รับความสนใจมาก
เพราะไม่ใช่เพียงแค่การปิดบาดแผลสงครามฟิลิปปินส์ - อเมริกัน
แต่จะเป็นการประกาศศักราชใหม่ของสันติภาพและความร่วมมืออย่างใกล้ชิด
ระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์และสหรัฐอเมริกา



เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2011
Aquilino Pimentel III ได้ยื่นญัตติ Senate Resolution 610
เพื่อย้ำเตือนให้มีการเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกา
ส่งคืนระฆัง Balangiga และข้าวของอื่น อื่น ๆ
จากสงครามปล้นสะดมของทหารสหรัฐอเมริกา

Aquilino Pimentel Jr. พ่อของ Aquilino Pimentel III
ก็เคยยื่นญัตติข้อเรียกร้องดังกล่าวแล้วในครั้งแรกช่วงปี 2002

ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ยังเคยยื่นข้อเรียกร้องนี้กับ Kim
ที่มาเยือนฟิลิปปินส์ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา
ในขณะที่ประธานาธิบดีกำลังกล่าวสุนทรพจน์สรุปสถานการณ์ของประเทศ
ทูตสหรัฐฯได้เห็น Kim ถอดหูฟังออก
ในขณะที่ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte กำลังพูดถึงปัญหานี้
" ระฆังเหล่านี้เป็นการย้ำเตือนความกล้าหาญและวีรกรรม
ของปู่ย่าตายายที่ต่อต้านระบอบอาณานิคมสหรัฐฯ
และการเสียสละชีวิตของพวกท่านในการรบ "

สถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงมะนิลาได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาพร้อมที่จะส่งคืนระฆังให้ฟิลิปปินส์
โดยรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ลงอนุมัติเรื่องนี้แล้ว
แต่ยังไม่มีการกำหนดวันที่ชัดเจนในการส่งคืนระฆัง

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาบางรายได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับ
การส่งคืนระฆังให้ฟิลิปปินส์โดยอ้างเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ที่ถูกกล่าวหาว่ามีหลายคดีที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Rodrigo Duterte

James McGovern ผู้แทนพรรค Democratic
Randy Hultgren ผู้แทนพรรค Republican และ
Tom Lantos ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน ต่างระบุว่า
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาไม่ควรส่งคืนระฆังให้ฟิลิปปินส์
จนกว่าฟิลิปปินส์จะพยายามทำอย่างชัดเจนและสามารถวัดผลได้
ในการยุติการพิจารณาคดีแบบพิเศษด้วยการฆ่าทิ้งผู้ต้องหา
ในสงครามปราบปรามยาเสพติดที่ ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte
ได้สั่งการให้ฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติดทุกราย

" ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ได้กล่าวปฏิเสธ
การอนุมัติการฆ่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายในการปราบปรามยาเสพติด
เพียงแต่ได้สั่งให้ตำรวจยิงผู้ต้องหายาเสพติด
ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของตำรวจได้ "

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/2MbG3HE
https://bit.ly/2Ml13KZ
https://bit.ly/2vFJwns
https://bit.ly/2KNTIif









เรื่องเดิม







ระฆังมหาคันธะ (Maha Gantha) ระฆังสำริดหนัก 23 ตัน
สร้างโดยโอรสของกษัตริย์ซินกู (Singu) ไม่ใช่ระฆังพระเจ้าธรรมเจดีย์
เมื่อปี พ.ศ. 2322 วาดโดยชาวต่างชาติเมื่อปี พ.ศ. 2368
ครั้งที่อังกฤษยึดครองพม่าในฐานะเจ้าอาณานิคม
ได้พยายามที่จะขนย้ายระฆังใบนี้ไปยังเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย
แต่ระฆังก็ได้ตกน้ำจมหายไป โดยไม่สามารถกู้ขึ้นได้แม้จะได้พยายามหลายครั้ง
ต่อมาชาวพม่าได้ช่วยกันกู้ขึ้นได้เป็นผลสำเร็จในเวลาต่อมา

ที่มา รามัญคดี Mon Studies
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่