สินเชื่อพ่วงประกันคุ้มครองเงินฝากและประกันอุบัติเหตุของธนาคารออมสิน และการตอบกลับของผู้จัดการธนาคารที่น่าหดหู่

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยื่นขอสินเชื่อ เพื่ออุปโภคบริโภค ในวงเงิน 100,000บาท
เป็นเงื่อนไขที่ต้องมีคนค้ำ 2คน ,เมื่อถึงวันที่ไปรับเงินพร้อมทำสัญญาสินเชื่อเรื่องก็เกิด(วันที่ไปทำรับสินเชื่อตามที่เจ้าหน้าที่นัดเป็นเวลาบ่าย3)
1.เมื่อพนักงานแจ้งว่า ต้องทำบัตรATM ที่พ่วงประกันอุบัติเหตุ 699 (ก่อนหน้านี้ผมมีบัตรATMเป็นบัตรเดรบิตธรรมดาและถามพนักงานฝ่ายสินเชื่อ
แจ้งว่าต้องทำเพราะมีวงเงินคุ้มครองเงินกู้100,000บาทกรณีเสียชีวิต จากอุบัติเหตุ ซึ่งพนักงานแจ้งเป็นเงื่อนไขดังนั้นผมก็จำเป็นต้องทำโดยบัตรตัวเก่าธนาคารเก็บกลับไป )
2.หลังจากทำบัตรATM พ่วงประกันแล้ว ทาง เจ้าหน้าที่ก็ให้ผมและคนค้ำเซ็นสัญญา ซึ่ง ผมก็อ่านไปเจอสัญญา ทำประกัน
อีก 2ตัว คือ ทำประกันอุบัติเหตุและคุ้มครองเงินฝาก 5ปี รวมทุนประกัน 5,832 บาท ซึ่งก็ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่
ว่าทำใมต้องทำ ในเมื่อ มีบัตรATMที่พ่วงประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งแล้ว รวมถึงมีคนค้ำประกันตั้ง2คน
แต่ เจ้าหน้าแจ้งว่าต้องทำเพราะ เป็นเงื่อนไขในการทำสินเชื่อ
สรุปในวันนั้นผมต้องทำประกันกับธนาคารออมสินโดยความไม่เต็มใจ  รวม 6,531 บาท (6.5%ของสินเชื่อเลยทีเดียว)
หลังจากได้รับสินเชื่อพร้อมสัญญาเงินกู้มา ผมคิดว่าการทำประกันนี่มันเยอะ เลยไปหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและพันทิป
ซึ่งได้ข้อมูลจากหลายท่าน ในทำนองว่าเป็นภาคสมัคร ใจ  และข้อมูลจาก Call Center
ดังนั้น เมื่อได้ข้อมูลในความหมายถึงความสมัครใจ ผมจึงได้แจ้งไปยัง call center และสาขาในการ ข้อเงินประกันคืนเนื่องจาก
ผมไม่สงค์ทำประกัน เนื่องจากประกันอุบัติเหตุผมก็มีแล้ว ทั้งจาก พรบ .ประกันสังคม และประกันส่วนตัว
รวมถึงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบเนื่องจาก เหมือนเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส
หลังจากนั้นผู้จัดการธนาคารไปโทรมานัดผมเพื่อไปเจรจาเรื่องนี้
ข้อมูลที่ได้จากผู้จัดการดังนี้
1.การทำประกันผู้จัดการแจ้งว่า ผมได้สมัครใจในการทำ โดยยื่นทำประกันในสัญญาขอสินเชื่อ
ดังนั้นทางธนาคาร จึงได้นำข้อมูลการทำประกัน รวมเป็นผลในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อ
(เท่าที่จำความได้ตอนยื่นใบสมัครสินเชื่อ จำไม่ได้เลยว่ามีเอกสารให้กรอกยินยอมทำประกันเพื่อทำสินเชื่อด้วย ,คราวหลังกรอกใบสมัครทำสินเชื่อต้องถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ) โดยผมขอข้อมูลที่ผมกรอกจากผู้จัดการในวันที่กรอกใบสมัคร และขอหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากธนาคาร
ซึ่งผู้จัดการก็ปฏิเสธการให้
2.ผมแจ้งว่าไม่ประสงค์ที่จะทำสินเชื่อ ซึ่งผู้จัดการ แจ้งว่า สามารถทำได้แต่ผมต้องเอาเงินทั้งหมดมาคืนธนาคาร และเริ่มต้นทำเอกสารในการขอพิจารณาใหม่(ในข้อนี้ผมได้แย้งผู้จัดการ ว่า คุณมาขอเงินสินเชื่อคืน ซึ่งผ่านมา1สัปดาห์ซึ่งก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมคงไม่มีเงินมาคืน ซึ่งผม ได้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนแล้วผมจึงยกตัวอย่างไปให้ท่านผู้จัดการ ในความว่า หากท่าน มาขอกู้เงินผมเพื่อไป 100,000 ผมหักประกันท่าน 10,000โดยเน้นย้ำกับท่านว่าต้องทำนะเป็นนโยบาย และท่านได้เงินจากผมไป 90,000 บาทและนำไปลงทุนซื้อของทั้งหมดแล้ว 1สัปดาห์ต่อมาท่านได้ทราบข้อมูลว่า ประกันที่ท่านทำไปนั้นความเป็นจริงไม่ต้องทำก็ได้ ดังนั้นท่านจึงมาหาผมเพื่อ ขอเงินประกันคืน แต่ถ้าผมแจ้งท่านไปว่า ต้องเอาเงินต้นมาคืนทั้งหมดถึงจะคืนเงินประกันให้
แต่ท่าน เอาเงินไปลงทุนแล้ว ท่านจะเอาที่ไหนมาคืน) ทางผู้จัดการได้แจ้งผมว่าหากเป็นท่าน ท่านจะหาเงินมาคืนธนาคารเพราะเป็นหน้าที่ของท่าน
3.ผมได้ถามถึงนโยบายการ ทำประกันสินเชื่อคุ้มครองเงินฝาก ว่า โดยปกติแล้ว การทำประกันเป็นภาคสมัครใจจริงหรือไม่
ท่านตอบว่าจริง แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทำไม่ได้เพราะแต่ละสาขาก็ได้รับนโยบายลงมาซึ่งท่านขอให้เข้าใจ (นโยบายที่ว่าคือส่งผลต่อการอนุมัติด้านสินเชื่อ)
ผมว่าระบบธนาคารควรมีการปฏิรูป ด้านประกันโดยด่วน เพราะมีผลกระทบต่อประชาชน เข้าใจว่าเป็นผลดีต่อการบริหารความเสี่ยง แต่ควรให้พอเหมาะพอควร
4.มารยาทในการบริการ ลูกค้า (ไม่ถึงกับเป็นพระเจ้าแต่ควรคิดถึงใจเขาใจเรา) ท้ายสุดผู้จัดการได้ขอโทษที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อไม่อธิบายข้อมูลที่ต้องทำประกันก่อนการอนุมัติ สินเชื่อ โดยเจ้าหน้าที่สินเชื่อ แจ้งว่าเนื่องจากวันที่ผมไปทำเป็นเวลาบ่าย 3 ระบบ ล่ม และเขาต้องรีบกลับบ้าน แต่ต้องมารีบทำให้ผม เลยไม่มีเวลาอธิบาย  (ผมได้แจ้งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ผมมาตามนัดผมผิดหรออีกทั้งต้องลางานมาด้วย) ความจริงหากท่านจะรีบกลับบ้าน  ควรจัดการเวลาเรื่องการนัดลูกค้าให้ดีไม่ใช่ มาโทษลูกค้า

เข็ดหลาบกับธนาคารออมสินในบางสาขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่