ก่อนอื่นเลยต้องขอเล่าก่อนว่าเราได้ตกลงกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารกสิกร โดยทางจนท. มีข้อเสนอมาว่าหากทำประกันจะได้ลดอัตราดอกเบี้ยดังนี้
ปีที่1 ดอกเบี้ย 1.99% ยอดผ่อน 19,700
ปีที่2 ดอกเบี้ย 2.73% ยอดผ่อน 28,900
ปีที่3 ดอกเบี้ย 3.09% ยอดผ่อน 38,200
หลังจากนั้น MRT -2.00%
เริ่มแรกทางจนท.ได้เสนอประกันมาที่ค่าเบี้ย 141,546บาท(ตามรายละเอียดด้านล่าง)
แบบประกันรวงข้าวพิทักษ์สินโฮม
คุ้มครองเต็มวงเงิน 6,550,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 28 ปี
ค่าเบี้ย 141,546 บาท ผ่อนเดือนละ 900 บาท
แล้วทางเราก็เลยถามว่ามีประกันที่ค่าเบี้ยต่ำกว่านี้มั้ย ทางจนท. ก็เลยส่งเป็นตัวนี้มาให้
แบบประกันรวงข้าวพิทักษ์สินโฮม
คุ้มครองเต็มวงเงิน 6,550,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 21 ปี
ค่าเบี้ย 85,805 บาท ผ่อนเดือนละ 600 บาท
จากนั้นเราก็ตกลงทำประกันตัวนี้ที่ระยะเวลาคุ้มครอง 21ปี ค่าเบี้ย 85,805บาท
วันนัดเซ็นสัญญาเราก็ได้เซ็นสัญญากันตามปกติ แต่หลักจากเซ็นสัญญาไปนั้น เราจะปิดยอดประกันโดยการโปะเต็มวงเงิน แต่พอเข้าไปดูในแอพแล้วค่าเบี้ยกลับกลายเป็น 141,546บาท
เราก็เลยกลับไปดูในสัญญาตอนที่เราเซ็นจนท.กลับทำเป็นค่าเบี้ย 141,546บาท โดยที่ไม่แจ้งเราก่อน และตอนเซ็นสัญญาก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดค่าเบี้ยประกันให้เราฟังเลย ทั้งๆที่ตกลงกันไว้ว่าเราจะทำค่าเบี้ย 85,805บาท
ซึ่งเราก็ได้โทรถามจนท.แล้วว่าสามารถเปลี่ยนวงเงินประกันได้หรือเปล่าเนื่องจากเราไม่ได้ตกลงกับตัวนี้ ซึ่งจนท.ก็ไม่เปลี่ยนให้ จนโทรคุยกันไปกันมา จนท.แจ้งว่า “จะลักไก่” โดยการเปลี่ยนวงเงินประกันให้ แต่จะไม่แจ้งกับธนาคาร โดยถ้าเปลี่ยนประกันไปแล้วทางธนาคารไม่ตรวจสอบเราก็จะได้ค่าเบี้ยที่ 85,805บาท แต่ดอกเบี้ยบ้านกับยอดผ่อนบ้านเท่าเดิม แต่ถ้าทางธนาคารมีการตรวจสอบภายหลัง ดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นและทางจนท.จะรับผิดชอบดอกเบี้ยในส่วนนี้ให้
ซึ่งพูดตรงๆว่าเราไม่สบายใจ เราก็แจ้งว่าให้ทำให้ถูกต้องไปเลยคุณจะมาลักไก่ทำแบบนี้ไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะพูดยังไงทางจนท.ก็ไม่ยอม จนเราต้องบอกจนท.ว่าถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง “เราจะแจ้งเรื่องนี้กับทางสำนักงานใหญ่” พูดแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น จนท.ตอบตกลงว่าจะเปลี่ยนให้โดยที่ไม่ต้องลักไก่
หลังจากนั้นเรื่องราวเรียบร้อยดี ค่าเบี้ยประถูกปรับจากยอด 141,546บาท เหลือเป็น 85,805บาท และเราก็ได้โปะปิดยอดไปเรียบร้อย
และได้เริ่มทำการผ่อนบ้าน
ผ่อนเดือนแรก เดือนตุลายอดผ่อน 19,700บาทตามปกติ
ผ่อนเดือนที่สอง เดือนพฤศจิกา ยอดผ่อน 19,700บาทตามปกติ
ผ่อนเดือนที่สาม เราเข้าไปเช็คยอดวันที่ 30ธันวาคม ยอดผ่อนขึ้นมาเป็น 38,200บาท
ก็เลยโทรหาคอลเซนเตอร์ของธนาคารกสิกร ทางธนาคารก็ยังหาคำตอบให้เราไม่ได้ ซึ่งเราก็เร่งทำทางคอลเซนเตอร์เพราะวันที่31 ก็จะถึงดีลที่เราต้องจ่ายแล้ว แล้วเราก็ได้ติดต่อกับทางจนท.ที่เราเคยทำสัญญาด้วยอีกทาง โดยจนท.ได้แจ้งว่า
พอปรับลดประกัน ดอกเบี้ยบ้านเท่าเดิม แต่ยอดผ่อนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งย้อนกลับไปตอนแรกที่คุยกับจนท. ทางจนท.ก็ไม่ได้แจ้งว่ายอดผ่อนจะเพิ่มขึ้น และถ้าจำไม่ผิดก็ยังแจ้งอีกด้วยว่ายอดผ่อนและดอกเบี้ยจะเท่าเดิม
แล้วทางจนท.ก็บอกว่าจะให้ผู้การแก้ไขให้ แต่ตอนนี้มันแก้ไขไม่ทัน เพราะวันที่31-1 จะเป็นวันหยุดแล้ว ให้เราผ่อนยอด 38,200บาทไปก่อน (ซึ่งถามว่าถ้าเราหาเงินไม่ได้จะทำยังไง? การทำแบบนี้มันคือการผลักภาระให้ลูกค้าชัดๆ)
ซึ่งสรุปเราก็ผ่อนไปตามยอดที่ขึ้นมา
จนท.บอกว่าเราเป็นเคสแรกที่ปรับลดดอกเบี้ย และทางจนท.เพิ่งรู้ว่าในสัญญาระบุไว้แบบนี้ (ถามว่าเรื่องสำคัญแบบนี้บอกว่าเพิ่งรู้ได้ยังไง) ซึ่งจนท.ก็ยังให้คำตอบแบบแน่ชัดไม่ได้ว่ายอดผ่อนปีที่1,2,3 จะกลับมาเป็นเท่าเดิมไหม ซึ่งแบบนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบคะ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดเราเลย แต่เป็นการทำงานที่ผิดพลาดของจนท.ธนาคาร
หรือสามารถฟ้องที่หน่วยงานไหนได้บ้าง รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำทีนะคะ
กู้บ้านกับธนาคารกสิกร แล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้สามารถร้องเรียนหน่วยงานไหนได้บ้างคะ
ปีที่1 ดอกเบี้ย 1.99% ยอดผ่อน 19,700
ปีที่2 ดอกเบี้ย 2.73% ยอดผ่อน 28,900
ปีที่3 ดอกเบี้ย 3.09% ยอดผ่อน 38,200
หลังจากนั้น MRT -2.00%
เริ่มแรกทางจนท.ได้เสนอประกันมาที่ค่าเบี้ย 141,546บาท(ตามรายละเอียดด้านล่าง)
แบบประกันรวงข้าวพิทักษ์สินโฮม
คุ้มครองเต็มวงเงิน 6,550,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 28 ปี
ค่าเบี้ย 141,546 บาท ผ่อนเดือนละ 900 บาท
แล้วทางเราก็เลยถามว่ามีประกันที่ค่าเบี้ยต่ำกว่านี้มั้ย ทางจนท. ก็เลยส่งเป็นตัวนี้มาให้
แบบประกันรวงข้าวพิทักษ์สินโฮม
คุ้มครองเต็มวงเงิน 6,550,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 21 ปี
ค่าเบี้ย 85,805 บาท ผ่อนเดือนละ 600 บาท
จากนั้นเราก็ตกลงทำประกันตัวนี้ที่ระยะเวลาคุ้มครอง 21ปี ค่าเบี้ย 85,805บาท
วันนัดเซ็นสัญญาเราก็ได้เซ็นสัญญากันตามปกติ แต่หลักจากเซ็นสัญญาไปนั้น เราจะปิดยอดประกันโดยการโปะเต็มวงเงิน แต่พอเข้าไปดูในแอพแล้วค่าเบี้ยกลับกลายเป็น 141,546บาท
เราก็เลยกลับไปดูในสัญญาตอนที่เราเซ็นจนท.กลับทำเป็นค่าเบี้ย 141,546บาท โดยที่ไม่แจ้งเราก่อน และตอนเซ็นสัญญาก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดค่าเบี้ยประกันให้เราฟังเลย ทั้งๆที่ตกลงกันไว้ว่าเราจะทำค่าเบี้ย 85,805บาท
ซึ่งเราก็ได้โทรถามจนท.แล้วว่าสามารถเปลี่ยนวงเงินประกันได้หรือเปล่าเนื่องจากเราไม่ได้ตกลงกับตัวนี้ ซึ่งจนท.ก็ไม่เปลี่ยนให้ จนโทรคุยกันไปกันมา จนท.แจ้งว่า “จะลักไก่” โดยการเปลี่ยนวงเงินประกันให้ แต่จะไม่แจ้งกับธนาคาร โดยถ้าเปลี่ยนประกันไปแล้วทางธนาคารไม่ตรวจสอบเราก็จะได้ค่าเบี้ยที่ 85,805บาท แต่ดอกเบี้ยบ้านกับยอดผ่อนบ้านเท่าเดิม แต่ถ้าทางธนาคารมีการตรวจสอบภายหลัง ดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นและทางจนท.จะรับผิดชอบดอกเบี้ยในส่วนนี้ให้
ซึ่งพูดตรงๆว่าเราไม่สบายใจ เราก็แจ้งว่าให้ทำให้ถูกต้องไปเลยคุณจะมาลักไก่ทำแบบนี้ไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะพูดยังไงทางจนท.ก็ไม่ยอม จนเราต้องบอกจนท.ว่าถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง “เราจะแจ้งเรื่องนี้กับทางสำนักงานใหญ่” พูดแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น จนท.ตอบตกลงว่าจะเปลี่ยนให้โดยที่ไม่ต้องลักไก่
หลังจากนั้นเรื่องราวเรียบร้อยดี ค่าเบี้ยประถูกปรับจากยอด 141,546บาท เหลือเป็น 85,805บาท และเราก็ได้โปะปิดยอดไปเรียบร้อย
และได้เริ่มทำการผ่อนบ้าน
ผ่อนเดือนแรก เดือนตุลายอดผ่อน 19,700บาทตามปกติ
ผ่อนเดือนที่สอง เดือนพฤศจิกา ยอดผ่อน 19,700บาทตามปกติ
ผ่อนเดือนที่สาม เราเข้าไปเช็คยอดวันที่ 30ธันวาคม ยอดผ่อนขึ้นมาเป็น 38,200บาท
ก็เลยโทรหาคอลเซนเตอร์ของธนาคารกสิกร ทางธนาคารก็ยังหาคำตอบให้เราไม่ได้ ซึ่งเราก็เร่งทำทางคอลเซนเตอร์เพราะวันที่31 ก็จะถึงดีลที่เราต้องจ่ายแล้ว แล้วเราก็ได้ติดต่อกับทางจนท.ที่เราเคยทำสัญญาด้วยอีกทาง โดยจนท.ได้แจ้งว่า
พอปรับลดประกัน ดอกเบี้ยบ้านเท่าเดิม แต่ยอดผ่อนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งย้อนกลับไปตอนแรกที่คุยกับจนท. ทางจนท.ก็ไม่ได้แจ้งว่ายอดผ่อนจะเพิ่มขึ้น และถ้าจำไม่ผิดก็ยังแจ้งอีกด้วยว่ายอดผ่อนและดอกเบี้ยจะเท่าเดิม
แล้วทางจนท.ก็บอกว่าจะให้ผู้การแก้ไขให้ แต่ตอนนี้มันแก้ไขไม่ทัน เพราะวันที่31-1 จะเป็นวันหยุดแล้ว ให้เราผ่อนยอด 38,200บาทไปก่อน (ซึ่งถามว่าถ้าเราหาเงินไม่ได้จะทำยังไง? การทำแบบนี้มันคือการผลักภาระให้ลูกค้าชัดๆ)
ซึ่งสรุปเราก็ผ่อนไปตามยอดที่ขึ้นมา
จนท.บอกว่าเราเป็นเคสแรกที่ปรับลดดอกเบี้ย และทางจนท.เพิ่งรู้ว่าในสัญญาระบุไว้แบบนี้ (ถามว่าเรื่องสำคัญแบบนี้บอกว่าเพิ่งรู้ได้ยังไง) ซึ่งจนท.ก็ยังให้คำตอบแบบแน่ชัดไม่ได้ว่ายอดผ่อนปีที่1,2,3 จะกลับมาเป็นเท่าเดิมไหม ซึ่งแบบนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบคะ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดเราเลย แต่เป็นการทำงานที่ผิดพลาดของจนท.ธนาคาร
หรือสามารถฟ้องที่หน่วยงานไหนได้บ้าง รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำทีนะคะ