ผมไปติดต่อขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนท์จากธนาคารอื่นไปยังธนาคารกรุงไทยสาขาโลตัสท่าทอง ผลอนุมัติตามที่ขอแต่ทางเจ้าหน้าที่สินเชื่อกับผู้จัดการอ้างอนุมัติต้องทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงิน ผมจึงสอบถามไปยังศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) สังกัดธนาคารแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ ศคง. บอกว่าธนาคารฯไม่สามารถทำได้ จึงทำหนังสือร้องเรียนขอความอนุเคราะห์ไป ศคง. ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 ทาง ศคง.ได้ทำหนังสือไปยัง ธนาคารกรุงไทย สนญ.ใหญ่ ทาง กรุงไทย สนญ.ใหญ่ได้มีหนังสือสอบถามไปยังธนาคารกรุงไทยสาขาโลตัสท่าทองที่ขออนุมัติสินเชื่อให้ผม ผู้จัดการโทรฯมายืนยันว่าต้องทำ โดยอ้างว่าหากไม่ทำประกันชีวิตจะต้องเอาหน้าอนุมัติกลับไปพิจารณาสินเชื่อใหม่ ทำให้ผมตกอยู่ในภาวะจำยอม เนื่องจากผมได้แจ้งธนาคารเดิมว่าจะรีไฟแนนท์และบอกสถาบันเงินอื่นๆว่าจะปิดบัญชี เกรงว่าจะทำให้ตัวเองเสียเครดิต ผมได้สอบถามไปยัง ศคง. เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ตกลงจำนอง ทำสัญญากู้ยืมและทำประกันไปก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยทำคืนทีหลัง โดยให้แจ้งมาภายใน 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ผมก็เชื่อตามนั้น

ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ผมได้ทำจำนองและทำสัญญากู้ยืมเงินตลอดจนทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงิน โดยทางธนาคารและเจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าเบี้ยประกัน 2 คน(กู้ร่วม)ไปเป็นจำนวนรวม 214,315 บาท วันที่ 16 สิงหาคม 2556 ผมได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยัง ศคง.อีกครั้ง

จากบัดนั้นจนบัดนี้หลังจากที่ยื่นหนังสือใหม่เป็นเวลารวมทั้งสิ้นเกือบ 4 เดือน ผมต้องสอบถามความคืบหน้าเองทุกครั้ง เจ้าหน้าที่บริษัทกรุงไทย แอกซ่า ที่ประจำอยู่ในธนาคารกรุงไทยสาขาโลตัสท่าทอง ติดต่อมาว่ามีหนังสือแจ้งจาก กรุงไทยแอกซ่า สนญ. ให้ไปเซ็นต์ยินยอมเพื่อยืนยันว่ายินดีรับค่าเบี้ยคืน รวม 2 คน(กู้ร่วม) 143,865 บาท โดยหักไป 70,450 บาท

จึงอยากถามเพื่อนๆสมาชิกว่าใครเคยเจอแบบผมบ้าง และมีโอกาสได้คืนทั้งจำนวนหรือไม่ ยังมีแนวทางการเรียกร้องต่อสู้ช่องทางอื่นอีกไหน หรือรับสภาพตามที่บริษัทประกันแจ้งมา ขอให้เพื่อนๆสมาชิก ช่วยชี้แนะเพื่อความกระจ่างและหลุดพ้นจากการเอาเปรียบของธนาคารกรุงไทยและบริษัทกรุงไทยแอกซ่าด้วยนะครับ...