ใช้เวลาการรอคอย ใช้เวลาในการเจอช่วงร้ายๆมาเป็นเวลา7ปีเพื่อปลดปล่อยมันออกมาหลังจากที่เจอกับLinkin Park ในปี2011
มาจนวันนี้
Mike Shinoda Of Linkin Park Post Traumatic Tour Live In Bangkok จัดขึ้นโดย LivenationและBEC Teroถือว่าเป็น
มินิคอนเสิร์ตที่ใหญ่ แต่ไม่ถึงกับคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบทางการของวง เช่นสามครั้งที่แล้วมา
หลังจากเกิดการสูญเสียที่มาเร็วและยากที่จะทำใจ แน่นอนหลายคนก็ยังไม่ชินกับสภาวะอันนั้น และหลายคนก็อยากที่จะตอบแทน
และปลอบโยนไมค์กลับคืนไปบ้างหลังจากที่บทเพลงของLinkin Parkคอยดูแลเรามามากกว่า ทศวรรษ
Mikeคงรักและคิดถึงเมืองยิ้มของเรามาก จนเลือกประเทศไทยที่เป็นไม่กี่ประเทศในเอเชียแถบบ้านเรา และเชื่อมั่นว่าจะได้รับ
การต้อนรับอย่างดีแน่นอน
ดูจากงานแถลงข่าวเมื่อวันที่8ที่โรงแรม ดูเหมือนการต้อนรับเพื่อนคนนึงที่จะมาจัดงานเลี้ยงที่มีเพียงเราเท่านั้นที่เข้าใจ
ดูจากสีหน้าและสายตาหลายคู่ที่ปลื้มปิติ เราดีใจแทนจริงๆครับ
เราได้รับสิทธ์Meet&GreetจากWarner music Thailandและเพจ เสพย์สากล ขอบคุณมากครับ
จึงเตรียมของเป็นรูปถ่ายที่บังเอิญเจอกันที่ทางเชื่อมBTS
และไม่ลืมที่จะซักซ้อมภาษาอันอ่อนด้อยของตัวเองเพื่อมาคุยกับไมค์ ในตอนต่อแถวMeet&Greet
You My whole world
I've followed you guys since 2001
Take care yourself and we will make chester pround ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าตอนที่ได้คุยกับChesterเมื่อ7ปีที่แล้วและได้กอดไมค์ให้แน่นและอ่อนโยนที่สุดในระยะ3วินาทีเท่าที่จะนานได้ และไม่ลืมที่จะมอบของอีกอย่างที่พกติดตัว นั่นก็คือยาดมรสส้มยี่ห้อโปรด
(ภายหลังไมค์เอาไปลงในIg Storyด้วยนะ)
และก็ขอบคุณตากล้องของLPU lorenzoerr ที่ถ่ายกล้องออกมาได้ชัดมาก เสียดายเราปากแห้งแตกเพราะผลข้างเคียงจากยาที่กินไม่งั้นรูปน่าจะสวยกว่านี้
เชื่อว่าหลายคนได้ฟังอัลบัม Post Traumaticมาเป็นเวลาเดือนๆแบบเรา เพราะฉนั้นจึงมีความพร้อมมากในเพลงต่างๆที่จะนำมาเล่นและพร้อมกว่านั้นก็คือหลายเพลงของLinkin ParkโดยเฉพาะเพลงในอัลบัมLiving Thingsอัลบัมโปรดลำดับที่3ของเรา
และไมค์และ Backupอีกสองคนก็ไม่ปล่อยให้เราคอยนาน
Welcome
เพลงแรกที่ไมค์เลือกนำมาเล่น เป็นเพลงพิเศษที่ฉลองครบรอบ10ปีของFort Minorอีก 1โปรเจคขอ
ไมค์ แน่นอนเราแหละหลายคนเคยฟังแต่ร้องไม่ค่อยได้ ได้แต่ร้องคลอไปท่อนฮุค ก่อนจะไมค์จะปรับอารมณ์รงมาเพื่อเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งใน
Place to Start
เพลงแรกจากอัลบัมPost Traumaticที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นเพลงช้าๆเศร้าๆ และสงบทำให้นึกถึงตอนไมค์ร้องThe Requiemใน7ปีที่แล้ว
ก่อนที่จะพาทุกคนโดด
Watching as I Fall
เมื่อเสียงบีทHip Hopดังขึ้นมา พร้อมกับการประโคมแร็พของไมค์ แอบเสียดายที่กีตาร์ในท่อนสุดท้ายดับ
และเสียงอินโทรที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
Castle Of Glass
เป็นอีกSingleจากLiving Thingsที่เราชอบมาก เสียดายเช่นกันที่เสียงร้องในท่อนฮุคนั้นไม่ใช่คนที่เรารอคอย
แต่ก็ถือว่าได้ฟังแล้วนะ เป็นอีกช่วงเวลาที่คุ้มค่าและทุกคนก็ช่วยกันร้องตามกระหึ่งฮอล์เลย
When They Come For Me
เราสัมผัสถึงความอลังการได้ตอนที่Linkin Parkมาครั้งที่แล้ว Linkin Parkแบกเพอร์คัชชั่นมาถึง 2ชุด
เราเลยได้ฟังเพลงนี้เป็น Mini wtcfmกัน แต่ท่อน trying to catch up motherer ได้ยินเสียงร้องดังอยู่นะ
Ghosts
เพลงที่กลายเป็นอีก1signatureของ ไมค์เลย หลายคนรวมทั้งเราได้นำMr.Borisที่ทำขึ้นมาเพื่อเพลงนี้มาชูพร้อมๆกันเป็นภาพที่น่ารักดี
และในช่วงระหว่างโชว์ ไมค์ได้พูดหยอกล้อแฟนที่นำหน้ากากไมค์ตาโตมา
พร้อมบอกว่าเขาได้ตามาจากแม่นะแม่เป็นคนทางตะวันตก ตาจะโตเหมือนวัว และเหมือนอนิเมะเลยยิ่งทำให้เราอุ่นใจว่านายยังโอเคอยู่
Hands Held High/Kenji
เสียงอินโทรกีตาร์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงแรพ Turn my mic up louder I got to say somethingในเพลงHands Held Highก็ดังขึ้นมา
Hands Held HighและKenjiถือเป็นอีกสองเพลงที่พูดถึงสภาวะสงครามและการสูญเสีย
เรายืนชู สองนิ้วPeaceด้วยกัน ขอให้สันติภาพจงบังเกิด
Roads Untraveled
เป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้เล่นเพลงนี้ในPost Traumatic Tour และเราก็ได้ฟังกันสดๆแล้วในLinkin Park & Friends Celebrate Life in Honor of Chester Bennington
เมื่อตุลาที่ผ่านมา เพียงแต่ครั้งนี้ก็ออกจะเศร้าไปนิดที่เราได้ยินเสียงร้องนี้เพียงลำพัง
Waiting For The End / Where’d You Go
เสียดายที่ไม่ได้ตะโกนอีก1ประโยคที่เราชื่นชอบที่สุดอีกประโยคหนึ่งของLinkin Park
The hardest part of ending is starting again
Where’d You Go เป็นเพลงที่ชอบที่สุดของFort Minor และหลายคนก็ร้องกันได้กระหึ่มฮอล์เช่นกัน
ภายหลัง หลังจากที่งานจบได้ออกมาร้อง Where’d You Go ด้วยกันกับกลุ่มLPKของเรา
เพียงแต่เปลี่ยนจากท่อน
That you've been gone.
Please come back BANGKOK!! แล้วกลับมาอีกนะจะรอ
Sorry For Now
เพลงที่เราอยากจะฟังที่สุดและไม่อยากจะฟังที่สุดในงาน และเมื่อIntroที่ขึ้นมาในเสียงที่คุ้นเคย
ตอนแรกกะจะไม่ร้องให้แล้ว อยากให้ตอนคอนเสิร์ตที่ระลึกถึงเชสเตอร์นั้นเป็นครั้งสุดท้ายแต่พอจนแล้วจนรอดก็อดไม่ไหว
อย่างที่รู้ๆกันSorry For Nowเป็นเพลงด้านบวกที่ไมค์สามารถร้องเพลงออกมานี้ได้ทั้งเพลงและถ่ายทอดออกมาได้ดีซะด้วย
มันมีหลายอารมณ์หลายอย่างที่ตีกันในหัว
ที่ว่านั่นก็คือ
ข้อ1 เพลงนี้เป็นไม่กี่เพลงในOne More Light
อัลบัมที่อาจจะเป็นอัลบัมสุดท้ายของ Linkin Park
สภาวะครอบครัว เช่นการเดินทางออกห่างจากลูกๆ เพื่อไปเล่นคอนเสิร์ตหรือทำงานเพลงต่างๆ
โดยMikeเขียนเพลงนี้ฝากไว้ถึงลูกๆในอนาคตของเขา และเราเฝ้ารอและดีใจที่จะได้ฟังเพลงนี้สดๆต่อหน้าสักครั้ง แม้จะเหลือแค่คนเดียวก็คงไม่เป็นอะไร
ข้อ2เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่เชสเตอร์แร็พออกมาเราคิดถึงเชสเตอร์ทุกลมหายใจถึงแม้เราจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วแต่ก็ขอร้องออกมาแทนเขาก็ยังดี
Stop going under, pump the bass up
Tried to call home but nobody could wake up เสียดายที่ร้องออกมาได้สองท่อนจากทั้งหมดเพราะเกิดAccidentขึ้นพอดีที่พวกเขากดผิด
พร้อมกับบอกออกมาว่าSorry ถือว่าเป็นอีกภาพหาดูได้ยากอีกภาพหนึ่งในชั่วชีวิตการติดตามLinkin Park
ข้อ3สำคัญมากที่สุด Mikeร้องเพลงนี้ฝากไว้ถึงลูกๆในอนาคตแต่เราขอร้องเพลงนี้ให้กับตัวเอง
รู้สึกเวลาหลายครั้งเราปล่อยตัวเองให้เจอกับอะไรๆที่ไม่ควรเจอ เราหลงลืมการรักตัวเองบ่อยครั้ง
เราอยากขอโทษตัวเองที่ปล่อยให้ความเศร้าครอบงำเราไม่ค่อยถนอมตัวเอง
พอ3อย่างที่ว่านี้ประทะกันขึ้นมาผลสรุปก็คือบ่อน้ำตาแตกเลย ร้องให้เหมือนเด็กๆแบบไม่เคยร้องแบบมามากกว่า20ปีแล้ว จนเพื่อนต้องคว้ามากอด
แต่พอร้องให้ออกมารู้สึกสบายใจและสดชื่นขึ้นมาก
รู้สึกเป็นอีก1 ช่วงเวลาที่ดีที่ตัวเองได้ใช้ไปกับอีกบุคคลที่เรารัก รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
Crossing The Line
เพลงนี้ทำขึ้นมาเพื่อเช็ดน้ำตาออกจริงๆ เพราะเป็นเพลงที่ชอบที่สุดของ Mike Shinoda
ทุกครั้งที่เราได้พบเจอกัน เราจะเติบโตขึ้น เพลงนี้คือเพลงให้กำลังใจตัวเองและทุกคนด้วยกัน เราจะก้าวข้ามผ่านไปพร้อมกัน
และได้เก็บกีตาร์ทุกโน้ตที่ไมค์เล่นในท้ายเพลงไว้ในอีก1ความทรงจำ
In The End
เพลงชาติของLinkin Parkที่แอบปรับมาในเวอร์ชั่นที่แปลกหน่อย แต่หลายคนก็ทั้งแรพและลากเสียงได้กระหึ่มฮอล์เช่นกัน
และตั้งแต่ดูคอนเสิร์ตมานับไม่ถ้วนไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ได้ยินเสียงคนดูล้นเหลือมากกว่าคนเล่น
ชอบเพลงนี้ในไลฟ์นี้รองจาก Sorry for now แต่เป็นเพลงที่ชอบที่สุดตลอดมาของLinkin Parkและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
About You/Over Again/Papercut
สามเพลงที่เป็นเมดเล่ย์ที่เล่นกันจนไม่มีจังหวะหยุดพัก
ขอไม่พูดถึงสองเพลงแรกนะ แต่พูดถึงเพลงสุดท้ายเลย
อย่างที่เรารู้จัก Papercutเป็นเพลงที่เรารู้จักและร้องตามกันได้เป็นอย่างดี The Sun Go Dawnเราคิดถึงดวงตะวันที่เราเคยได้เห็นอยู่ทุกวัน
และเราก็ได้ร้องส่งให้ดวงตะวันที่ว่านั้นดับลงไปอย่างสวยงาม พร้อมกับความรู้สึกที่โหยหาและคิดถึงดวงตะวันที่ว่านั้นมากแค่ไหน
Make It Up As I Go
ไมค์เปิดเสียง K.Flayขึ้นมาในต้น กลางและท้ายเพลงเป็นอีกเพลงที่ร้องไม่ได้เท่าไรและยืนพักหลังจากที่เหนื่อยมากับเพลงที่แล้ว
Good Goodbye/Bleed It Out
อีกเพลงในอัลบัมOne More Lightที่มีท่อนร้องประสานและท่อนฮุคสวยๆให้ร้องตามกันได้อย่างดี
ก่อนที่ไมค์จะพาเราไปพบกับเพลงที่คุ้นเคยอย่างดีอย่างBleed It Outเพลงจังหวะชวนโดด ที่ร้องตามกันได้ดังมากอีกเช่นเคย
ก่อนที่ไมค์และสมาชิกอีก2จะลงไปพักกันก่อนจะมาEncore
Introduction/Petrified
2เพลงจากFort Minor
และเป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้เล่นในPost Traumatic Tour หลายคนรวมทั้งผมเงิบมาก ถือว่าเกินความคาดหมายที่ได้ฟังเพลงสดๆครั้งแรก
แอบเสียดายน่าจะเป็น Belive me
I.O.U.
เพลงHip Hopที่จ๋าที่สุดในอัลบัมPost Traumatic ที่มีเนื้อร้องแรพเยอะที่สุด และแน่นอนเราร้องตามไม่ทันจริงๆ
Remember The Name
นี่คืออีก1ทีเด็ดในไลฟ์นี้เช่นกัน เพลงนี้คือSingleเปิดตัวFort Minorตั้งแต่ปี2005เลย
Running From My Shadow
เพลงที่ควรนำมาปิดการแสดงเป็นอย่างยิ่ง เป็นอีก1เพลงที่มีจังหวะและอารมณ์Rockนิด และมีการใช้กีตาร์เยอะพอควรอดนึกถึง
มือกีตาร์หัวฟูที่เคียงข้างไมค์มาตั้งแต่วัยเยาว์ไม่ได้ และเขาเองก็เป็นคนเขียนเพลงนี้
เราต้องวิ่งหนีเงาหรืออดีตที่เลวร้ายไปด้วยกัน
โดยรวมแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เพียงอย่างใดเหมือนมาดูเพื่อนซ้อมมารวมกันปาร์ตี้มีท่อนเล่นผิดพลาดมีความเป็นกันเอง มีการหยอกล้อพูดคุย
แม้อุณหภูมิในห้องจะค่อนข้างหนาวแต่ก็รู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองมาก ถ้าเกิดอนาคตเป็นไปได้อยากดูพวกเขาทั้ง5พร้อมกันที่นี่อีกครั้ง
แม้เราต่างรู้ว่าดวงจะวันได้ดับลงไปแล้ว
ตอนนี้เหลือเพียงดาวดาวเคราะห์กัที่ยังส่งแสงทั้ง5ดวง
เราสัญญาจะเป็นดาวบริวารที่อยู่เคียงข้างดาวเคราะตลอดไป
ขอบพระคุณ Live Nation BEC-TERO ENTERTAINMENT Warner Music Thailand RockOnRadio ด้วยครับ
[REVIEW] Mike Shinoda Of Linkin Park Post Traumatic Tour Live In Bangkok (2018)
มาจนวันนี้
Mike Shinoda Of Linkin Park Post Traumatic Tour Live In Bangkok จัดขึ้นโดย LivenationและBEC Teroถือว่าเป็น
มินิคอนเสิร์ตที่ใหญ่ แต่ไม่ถึงกับคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบทางการของวง เช่นสามครั้งที่แล้วมา
หลังจากเกิดการสูญเสียที่มาเร็วและยากที่จะทำใจ แน่นอนหลายคนก็ยังไม่ชินกับสภาวะอันนั้น และหลายคนก็อยากที่จะตอบแทน
และปลอบโยนไมค์กลับคืนไปบ้างหลังจากที่บทเพลงของLinkin Parkคอยดูแลเรามามากกว่า ทศวรรษ
Mikeคงรักและคิดถึงเมืองยิ้มของเรามาก จนเลือกประเทศไทยที่เป็นไม่กี่ประเทศในเอเชียแถบบ้านเรา และเชื่อมั่นว่าจะได้รับ
การต้อนรับอย่างดีแน่นอน
ดูจากงานแถลงข่าวเมื่อวันที่8ที่โรงแรม ดูเหมือนการต้อนรับเพื่อนคนนึงที่จะมาจัดงานเลี้ยงที่มีเพียงเราเท่านั้นที่เข้าใจ
ดูจากสีหน้าและสายตาหลายคู่ที่ปลื้มปิติ เราดีใจแทนจริงๆครับ
เราได้รับสิทธ์Meet&GreetจากWarner music Thailandและเพจ เสพย์สากล ขอบคุณมากครับ
จึงเตรียมของเป็นรูปถ่ายที่บังเอิญเจอกันที่ทางเชื่อมBTS
และไม่ลืมที่จะซักซ้อมภาษาอันอ่อนด้อยของตัวเองเพื่อมาคุยกับไมค์ ในตอนต่อแถวMeet&Greet
You My whole world
I've followed you guys since 2001
Take care yourself and we will make chester pround ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าตอนที่ได้คุยกับChesterเมื่อ7ปีที่แล้วและได้กอดไมค์ให้แน่นและอ่อนโยนที่สุดในระยะ3วินาทีเท่าที่จะนานได้ และไม่ลืมที่จะมอบของอีกอย่างที่พกติดตัว นั่นก็คือยาดมรสส้มยี่ห้อโปรด
(ภายหลังไมค์เอาไปลงในIg Storyด้วยนะ)
และก็ขอบคุณตากล้องของLPU lorenzoerr ที่ถ่ายกล้องออกมาได้ชัดมาก เสียดายเราปากแห้งแตกเพราะผลข้างเคียงจากยาที่กินไม่งั้นรูปน่าจะสวยกว่านี้
เชื่อว่าหลายคนได้ฟังอัลบัม Post Traumaticมาเป็นเวลาเดือนๆแบบเรา เพราะฉนั้นจึงมีความพร้อมมากในเพลงต่างๆที่จะนำมาเล่นและพร้อมกว่านั้นก็คือหลายเพลงของLinkin ParkโดยเฉพาะเพลงในอัลบัมLiving Thingsอัลบัมโปรดลำดับที่3ของเรา
และไมค์และ Backupอีกสองคนก็ไม่ปล่อยให้เราคอยนาน
Welcome
เพลงแรกที่ไมค์เลือกนำมาเล่น เป็นเพลงพิเศษที่ฉลองครบรอบ10ปีของFort Minorอีก 1โปรเจคขอ
ไมค์ แน่นอนเราแหละหลายคนเคยฟังแต่ร้องไม่ค่อยได้ ได้แต่ร้องคลอไปท่อนฮุค ก่อนจะไมค์จะปรับอารมณ์รงมาเพื่อเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งใน
Place to Start
เพลงแรกจากอัลบัมPost Traumaticที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นเพลงช้าๆเศร้าๆ และสงบทำให้นึกถึงตอนไมค์ร้องThe Requiemใน7ปีที่แล้ว
ก่อนที่จะพาทุกคนโดด
Watching as I Fall
เมื่อเสียงบีทHip Hopดังขึ้นมา พร้อมกับการประโคมแร็พของไมค์ แอบเสียดายที่กีตาร์ในท่อนสุดท้ายดับ
และเสียงอินโทรที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
Castle Of Glass
เป็นอีกSingleจากLiving Thingsที่เราชอบมาก เสียดายเช่นกันที่เสียงร้องในท่อนฮุคนั้นไม่ใช่คนที่เรารอคอย
แต่ก็ถือว่าได้ฟังแล้วนะ เป็นอีกช่วงเวลาที่คุ้มค่าและทุกคนก็ช่วยกันร้องตามกระหึ่งฮอล์เลย
When They Come For Me
เราสัมผัสถึงความอลังการได้ตอนที่Linkin Parkมาครั้งที่แล้ว Linkin Parkแบกเพอร์คัชชั่นมาถึง 2ชุด
เราเลยได้ฟังเพลงนี้เป็น Mini wtcfmกัน แต่ท่อน trying to catch up motherer ได้ยินเสียงร้องดังอยู่นะ
Ghosts
เพลงที่กลายเป็นอีก1signatureของ ไมค์เลย หลายคนรวมทั้งเราได้นำMr.Borisที่ทำขึ้นมาเพื่อเพลงนี้มาชูพร้อมๆกันเป็นภาพที่น่ารักดี
และในช่วงระหว่างโชว์ ไมค์ได้พูดหยอกล้อแฟนที่นำหน้ากากไมค์ตาโตมา
พร้อมบอกว่าเขาได้ตามาจากแม่นะแม่เป็นคนทางตะวันตก ตาจะโตเหมือนวัว และเหมือนอนิเมะเลยยิ่งทำให้เราอุ่นใจว่านายยังโอเคอยู่
Hands Held High/Kenji
เสียงอินโทรกีตาร์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงแรพ Turn my mic up louder I got to say somethingในเพลงHands Held Highก็ดังขึ้นมา
Hands Held HighและKenjiถือเป็นอีกสองเพลงที่พูดถึงสภาวะสงครามและการสูญเสีย
เรายืนชู สองนิ้วPeaceด้วยกัน ขอให้สันติภาพจงบังเกิด
Roads Untraveled
เป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้เล่นเพลงนี้ในPost Traumatic Tour และเราก็ได้ฟังกันสดๆแล้วในLinkin Park & Friends Celebrate Life in Honor of Chester Bennington
เมื่อตุลาที่ผ่านมา เพียงแต่ครั้งนี้ก็ออกจะเศร้าไปนิดที่เราได้ยินเสียงร้องนี้เพียงลำพัง
Waiting For The End / Where’d You Go
เสียดายที่ไม่ได้ตะโกนอีก1ประโยคที่เราชื่นชอบที่สุดอีกประโยคหนึ่งของLinkin Park
The hardest part of ending is starting again
Where’d You Go เป็นเพลงที่ชอบที่สุดของFort Minor และหลายคนก็ร้องกันได้กระหึ่มฮอล์เช่นกัน
ภายหลัง หลังจากที่งานจบได้ออกมาร้อง Where’d You Go ด้วยกันกับกลุ่มLPKของเรา
เพียงแต่เปลี่ยนจากท่อน
That you've been gone.
Please come back BANGKOK!! แล้วกลับมาอีกนะจะรอ
Sorry For Now
เพลงที่เราอยากจะฟังที่สุดและไม่อยากจะฟังที่สุดในงาน และเมื่อIntroที่ขึ้นมาในเสียงที่คุ้นเคย
ตอนแรกกะจะไม่ร้องให้แล้ว อยากให้ตอนคอนเสิร์ตที่ระลึกถึงเชสเตอร์นั้นเป็นครั้งสุดท้ายแต่พอจนแล้วจนรอดก็อดไม่ไหว
อย่างที่รู้ๆกันSorry For Nowเป็นเพลงด้านบวกที่ไมค์สามารถร้องเพลงออกมานี้ได้ทั้งเพลงและถ่ายทอดออกมาได้ดีซะด้วย
มันมีหลายอารมณ์หลายอย่างที่ตีกันในหัว
ที่ว่านั่นก็คือ
ข้อ1 เพลงนี้เป็นไม่กี่เพลงในOne More Light
อัลบัมที่อาจจะเป็นอัลบัมสุดท้ายของ Linkin Park
สภาวะครอบครัว เช่นการเดินทางออกห่างจากลูกๆ เพื่อไปเล่นคอนเสิร์ตหรือทำงานเพลงต่างๆ
โดยMikeเขียนเพลงนี้ฝากไว้ถึงลูกๆในอนาคตของเขา และเราเฝ้ารอและดีใจที่จะได้ฟังเพลงนี้สดๆต่อหน้าสักครั้ง แม้จะเหลือแค่คนเดียวก็คงไม่เป็นอะไร
ข้อ2เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่เชสเตอร์แร็พออกมาเราคิดถึงเชสเตอร์ทุกลมหายใจถึงแม้เราจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วแต่ก็ขอร้องออกมาแทนเขาก็ยังดี
Stop going under, pump the bass up
Tried to call home but nobody could wake up เสียดายที่ร้องออกมาได้สองท่อนจากทั้งหมดเพราะเกิดAccidentขึ้นพอดีที่พวกเขากดผิด
พร้อมกับบอกออกมาว่าSorry ถือว่าเป็นอีกภาพหาดูได้ยากอีกภาพหนึ่งในชั่วชีวิตการติดตามLinkin Park
ข้อ3สำคัญมากที่สุด Mikeร้องเพลงนี้ฝากไว้ถึงลูกๆในอนาคตแต่เราขอร้องเพลงนี้ให้กับตัวเอง
รู้สึกเวลาหลายครั้งเราปล่อยตัวเองให้เจอกับอะไรๆที่ไม่ควรเจอ เราหลงลืมการรักตัวเองบ่อยครั้ง
เราอยากขอโทษตัวเองที่ปล่อยให้ความเศร้าครอบงำเราไม่ค่อยถนอมตัวเอง
พอ3อย่างที่ว่านี้ประทะกันขึ้นมาผลสรุปก็คือบ่อน้ำตาแตกเลย ร้องให้เหมือนเด็กๆแบบไม่เคยร้องแบบมามากกว่า20ปีแล้ว จนเพื่อนต้องคว้ามากอด
แต่พอร้องให้ออกมารู้สึกสบายใจและสดชื่นขึ้นมาก
รู้สึกเป็นอีก1 ช่วงเวลาที่ดีที่ตัวเองได้ใช้ไปกับอีกบุคคลที่เรารัก รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
Crossing The Line
เพลงนี้ทำขึ้นมาเพื่อเช็ดน้ำตาออกจริงๆ เพราะเป็นเพลงที่ชอบที่สุดของ Mike Shinoda
ทุกครั้งที่เราได้พบเจอกัน เราจะเติบโตขึ้น เพลงนี้คือเพลงให้กำลังใจตัวเองและทุกคนด้วยกัน เราจะก้าวข้ามผ่านไปพร้อมกัน
และได้เก็บกีตาร์ทุกโน้ตที่ไมค์เล่นในท้ายเพลงไว้ในอีก1ความทรงจำ
In The End
เพลงชาติของLinkin Parkที่แอบปรับมาในเวอร์ชั่นที่แปลกหน่อย แต่หลายคนก็ทั้งแรพและลากเสียงได้กระหึ่มฮอล์เช่นกัน
และตั้งแต่ดูคอนเสิร์ตมานับไม่ถ้วนไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ได้ยินเสียงคนดูล้นเหลือมากกว่าคนเล่น
ชอบเพลงนี้ในไลฟ์นี้รองจาก Sorry for now แต่เป็นเพลงที่ชอบที่สุดตลอดมาของLinkin Parkและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
About You/Over Again/Papercut
สามเพลงที่เป็นเมดเล่ย์ที่เล่นกันจนไม่มีจังหวะหยุดพัก
ขอไม่พูดถึงสองเพลงแรกนะ แต่พูดถึงเพลงสุดท้ายเลย
อย่างที่เรารู้จัก Papercutเป็นเพลงที่เรารู้จักและร้องตามกันได้เป็นอย่างดี The Sun Go Dawnเราคิดถึงดวงตะวันที่เราเคยได้เห็นอยู่ทุกวัน
และเราก็ได้ร้องส่งให้ดวงตะวันที่ว่านั้นดับลงไปอย่างสวยงาม พร้อมกับความรู้สึกที่โหยหาและคิดถึงดวงตะวันที่ว่านั้นมากแค่ไหน
Make It Up As I Go
ไมค์เปิดเสียง K.Flayขึ้นมาในต้น กลางและท้ายเพลงเป็นอีกเพลงที่ร้องไม่ได้เท่าไรและยืนพักหลังจากที่เหนื่อยมากับเพลงที่แล้ว
Good Goodbye/Bleed It Out
อีกเพลงในอัลบัมOne More Lightที่มีท่อนร้องประสานและท่อนฮุคสวยๆให้ร้องตามกันได้อย่างดี
ก่อนที่ไมค์จะพาเราไปพบกับเพลงที่คุ้นเคยอย่างดีอย่างBleed It Outเพลงจังหวะชวนโดด ที่ร้องตามกันได้ดังมากอีกเช่นเคย
ก่อนที่ไมค์และสมาชิกอีก2จะลงไปพักกันก่อนจะมาEncore
Introduction/Petrified
2เพลงจากFort Minor
และเป็นครั้งแรกที่ไมค์ได้เล่นในPost Traumatic Tour หลายคนรวมทั้งผมเงิบมาก ถือว่าเกินความคาดหมายที่ได้ฟังเพลงสดๆครั้งแรก
แอบเสียดายน่าจะเป็น Belive me
I.O.U.
เพลงHip Hopที่จ๋าที่สุดในอัลบัมPost Traumatic ที่มีเนื้อร้องแรพเยอะที่สุด และแน่นอนเราร้องตามไม่ทันจริงๆ
Remember The Name
นี่คืออีก1ทีเด็ดในไลฟ์นี้เช่นกัน เพลงนี้คือSingleเปิดตัวFort Minorตั้งแต่ปี2005เลย
Running From My Shadow
เพลงที่ควรนำมาปิดการแสดงเป็นอย่างยิ่ง เป็นอีก1เพลงที่มีจังหวะและอารมณ์Rockนิด และมีการใช้กีตาร์เยอะพอควรอดนึกถึง
มือกีตาร์หัวฟูที่เคียงข้างไมค์มาตั้งแต่วัยเยาว์ไม่ได้ และเขาเองก็เป็นคนเขียนเพลงนี้
เราต้องวิ่งหนีเงาหรืออดีตที่เลวร้ายไปด้วยกัน
โดยรวมแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เพียงอย่างใดเหมือนมาดูเพื่อนซ้อมมารวมกันปาร์ตี้มีท่อนเล่นผิดพลาดมีความเป็นกันเอง มีการหยอกล้อพูดคุย
แม้อุณหภูมิในห้องจะค่อนข้างหนาวแต่ก็รู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองมาก ถ้าเกิดอนาคตเป็นไปได้อยากดูพวกเขาทั้ง5พร้อมกันที่นี่อีกครั้ง
แม้เราต่างรู้ว่าดวงจะวันได้ดับลงไปแล้ว
ตอนนี้เหลือเพียงดาวดาวเคราะห์กัที่ยังส่งแสงทั้ง5ดวง
เราสัญญาจะเป็นดาวบริวารที่อยู่เคียงข้างดาวเคราะตลอดไป
ขอบพระคุณ Live Nation BEC-TERO ENTERTAINMENT Warner Music Thailand RockOnRadio ด้วยครับ