ธรรมชาติของมนุษย์ต้องมองไปข้างหน้ามากกว่า ดังนั้นความสำคัญของลูก จึงสำคัญกว่าพ่อแม่ ใช่หรือไม่

เคยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนหนึ่งครับ เกี่ยวกับการเอาใจใส่ในชีวิต นอกจากชีวิตตัวเองแล้ว เราก็ล้วนแต่อยากเอาใจใส่คนรอบตัวบ้าง

มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การเอาใจใส่ลูก ในฐานะผู้ให้กำเนิด เราให้ความสำคัญต่อสิ่งที่เราให้กำเนิด มากกว่า ผู้ให้กำเนิด
พูดง่ายๆ คือ เราจะให้การเอาใจใส่ฟูมฟัก ลูกของเรา มากกว่าที่จะพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเรา ในเชิงอารมณ์และเชิงอุดมคติ
มันอาจจะไม่ถูกเสมอไป สำหรับหลายๆ คน แต่คนที่คิดว่าให้ความสำคัญลูกมากกว่า มองว่ามันคือการมองไปข้างหน้า

ส่วนหนึ่งคือพ่อแม่ก็ได้ทำหน้าที่ดูแลตัวเรามาจนสิ้นสุดแล้ว เราก็ควรต้องมีชีวิตอิสระ และจะดูแลชีวิตที่เกิดตามมาทีหลัง ก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องธรรมชาติ

เรามักคุ้นชินกับอุดมคติที่ว่า การได้เลี้ยงลูก คือ การเสียสละความสุขส่วนตัว ให้กับอีกหนึ่งชีวิต เป็นความสุขอีกทาง เมื่อได้เห็นชีวิตค่อยๆ เติบโตมา
แต่คนที่ดูแลเรา ตอนเราอยู่ในสถานะแบเบาะ มันอาจจะเป็นอดีตไปแล้วใช่ไหมครับ มันเป็นสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว เป็นอุดมคติที่ว่าด้วยเรื่องบุญคุณ ที่เราอาจซึมซับมันไม่ได้แล้วหรือเปล่า

เพราะจากชีวิตจริง ผมว่า ลูกที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เอาใจใส่ลูกตัวเอง มากกว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนหนึ่งก็เพราะพ่อแม่ตนนั้นดูแลตนเองได้ระดับหนึ่ง และเราคงไม่คาดหวังอะไรจากตัวพ่อแม่เราเองมากนัก แต่เรามักคาดหวังในตัวลูกมาก ให้เขาเรียนแบบนี้ ให้เขาเก่งด้านนี้ ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านต่างๆ กีฬา ดนตรี

แต่ในทางกลับกัน เราไม่ค่อยสนใจพ่อแม่ ว่าท่านปรารถนาอะไรมากนัก หรือส่วนหนึ่งท่านอาจไม่ปรารถนาอะไรมาก แต่การเอาใจใส่ที่เป็นตัวการกระทำ เราก็ยังมีน้อยกว่าลูกเราเองอยู่ดี จริงหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่