ดูเหมือนข่าวคราว...การเผ่นหนีจากลอนดอนแบบหัวซุกหัวซุนของ "หนูปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ หญิงนอมินีของผู้พี่ชาย "ทักษิณ ชินวัตร" เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน หลังรัฐบาลเมืองผู้ดีบอกให้ทางการไทย ส่งหนังสือซ้ำเพื่อให้ทางการอังกฤษส่งตัว น.ส. ยิ่งลักษณ์ กลับมาดำเนินคดีในไทย จะทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยอันเปรียบได้กับต้นสังกัด และเกือบจะเป็นของครอบครัวเธอกลาย ๆ ต้องออกมาดิ้นพล่านกันยกใหญ่ เพราะมันทำให้ "นายหญิงน้อย" ของพวกเขา ถูกประจานไปทั่วว่า การหนีไปอยู่อังกฤษ นั้นมาจากการที่เธอถูกศาลฯ นักการเมืองตัดสินว่า...ปล่อยปละละเลยให้เกิดการโกง-ไม่มีการเมืองใด ๆ เจอปนตามที่จกตาชาวโลกเอาไว้เลย
เรื่องนี้สะท้อนชัดผ่านการเคลื่อนไหวของ "นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ซึ่งออกแอ๊คชั่นวานนี้ว่า ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อแสดงหลักฐานให้เห็นว่าที่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ถูกดำเนินคดีนั้น เข้าข่ายความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองแน่
โดยนายเรืองไกร อ้างว่า สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษเมื่อปี 1911 นั้น ไม่มีการระบุถึงโทษคดีทางการเมืองเอาไว้ โดยเขาอ้างแบบทื่อ ๆ ว่า คดีที่เกิดกับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ล้วนมีที่มาจากประเด็นทางการเมือง และยกมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ มาจากการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ที่ 19
"กรณีนี้จึงเป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง" นายเรืองไกร อ้างพร้อมไปลากเอาคำร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาสนับสนุนเหตุผลของตัวเองอีกชั้นหนึ่ง โดยเขาอ้างว่า เพราะไม่ได้ทำตาม พรป.ป.ป.ช.พ.ศ.2542 มาตรา 61 และคำร้องดังกล่าวยังมีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ ส.ส.แต่เป็นกลุ่ม กปปส.ร่วมลงชื่ออยู่ด้วย และยังมีอีกหลายประเด็นที่เขาล้วนแต่แก้ต่างให้...ยิ่งลักษณ์ แบบน้ำขุ่น ๆ
อย่างไรก็ตาม การออกมาแก้เกี้ยวแบบน้ำขุ่น ๆ ของนายเรืองไกร ทำให้ "นายราเมศ รัตนะเชวง" รองโฆษก และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสอนมวยนายเรืองไกร...แบบครูสอนให้เด็กเข้าใจอะไรใหม่ ๆ ในทันทีว่า คดีจำนำข้าวเริ่มจากการตรวจสอบของฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้อภิปรายตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน
"เมื่อเห็นว่ามีความผิด ก็ส่งต่อกระบวนการตรวจสอบไปยัง ปปช ก็ชี้มูลว่ามีความผิด ก็ส่งต่อไปยังอัยการ ก็มีความเห็นควรสั่งฟ้องก็ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นี้คือกระบวนการยุติธรรมปกติ" นายราเมศ ระบุพร้อมอธิบายด้วยว่า คดีนี้แม้ไม่มีการปฏิวัติก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติของกระบวนการยุติธรรม การปฏิวัติไม่ได้มีผลกระทบต่ออำนาจตุลาการ และคณะตุลาการไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อคดีนี้โดยเฉพาะ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี 2540 เป็นผู้พิพากษาอาชีพ คดีนี้คือคดีที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมปกติ
“คดีนี้มีบางฝ่ายพยายามบิดเบือนว่า เป็นคดีที่โดนกลั่นแกล้งในทางการเมือง อ้างว่า เป็นคดีการเมือง ต้องชี้แจงว่า ไม่จริง คดีนี้เป็นคดีอาญาปกติคือคดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นรัฐบาลต้องกล้าอธิบายความจริง ว่าคดีนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร และควรชี้แจงรัฐบาลประเทศอังกฤษ ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงของคดีนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมมาก” นายราเมศ กล่าวทิ้งท้าย
ถ้อยคำของนายราเมศแถบจะเป็นการถลกหนังสมาชิกพรรคเพื่อไทย...อย่างนายเรืองไกรที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้จนเลือดอาบ ขณะเดียวกันก็เป็นการลอกคราบ "หนูปู" ไปพร้อมกันด้วยว่า...ที่เธอพยายามกล่าวอ้างกับชาวโลกว่าโดนกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น...ล้วนเป็นรื่องลวงโลก...คดีนี้เกิดจากความจงใจให้โกง...โดยเธอแสร้งเอาหูไปนาเอาตาไปไล่...ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายระดับ 5 - 6 แสนล้านบาท...ตามหน้าที่นายกฯ ที่ดีควรทำ
เพราะในหนังสือที่ทางการไทยส่งซ้ำไปให้รัฐบาลอังกฤษนั้น ระบุเอาไว้โต้ง ๆ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการนำตัวมารับโทษจำคุก 5 ปี ภายหลังคำตัดสินของศาลฎีกาฯ ทางการเมืองพิพากษาว่าเธอมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พรป.ปปช. ปี 2542 มาตรา 123/1 เหตุนี้ศาลฎีกาฯ จึงออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อ 27 กันยายน 2560 เพื่อนำตัว นางสาวยิ่งลักษณ์ มารับโทษ
...นั่นชัดจน...ข้างฝ่ายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้ตัวดีว่า...รอบนี้ทางการเมืองผู้ดี...อาจตระหนักจริง ๆ แล้วว่า....ยิ่งลักษณ์ผิดเพราะปล่อยให้โกง...ไม่ใช่การเมือง ทำให้ 2 ศรีพี่น้องชินวัตรจึงระเห็จออกจากลอนดอนแทบไม่ทัน นับจากหนังสือฉบับนี้ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อ
เหนืออื่นใดก็คือ...มันเป็นสื่อเมืองผู้ดีอย่าง BBC เองเสียด้วยที่หยิบเรื่องนี้มาเล่นเป็นสำนักแรก ๆ และนั่นย่อมหมายถึง...มันย่อมแพร่สะพัดในทุกซอกมุมโลกอย่างรวดเร็วแน่ เพราะต้นทางของข่าวมันใกล้ชิดรัฐบาลเมืองผู้ดีเป็นอย่างยิ่ง...และทำให้ ทั้งทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ต้องระเห็จออกจากกรุงลอนดอนอย่างด่วนจี๋อย่างที่กล่าว
....ก่อนจะปล่อยให้ เรืองไกรออกมาแก้เกี๋ยวแบบทื่อ ๆ ว่า...ไม่จริง ไม่ใช่คดีอาญา...นายหญิงถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง...แต่นั่นก็ดูจะสายไปเสียแล้ว...ข่าวคราวดังกล่าว....ว่าเธอหนีเพราะโกง สะพัดไปทั่วโลกแล้ว....จริงไม่จริงแค่ไหน...ก็ขนาด....ประเทศแม่แบบประชาธิปไตย และบูชาสิทธิมนุษยชนไว้สูงลิ่วอย่างอังกฤษ...ยังไม่ยอมให้อยู่ก็แล้วกัน
http://www.tpolitic.com/contents/bg/4900
ไม่พล่านได้ไง เกมไล่ส่งของอังกฤษ ทำ"หญิงปู"โดนประจานไปทั่วว่าโกง-ไม่มีการเมืองปนตามที่จกตาชาวโลกเอาไว้
ดูเหมือนข่าวคราว...การเผ่นหนีจากลอนดอนแบบหัวซุกหัวซุนของ "หนูปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ หญิงนอมินีของผู้พี่ชาย "ทักษิณ ชินวัตร" เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน หลังรัฐบาลเมืองผู้ดีบอกให้ทางการไทย ส่งหนังสือซ้ำเพื่อให้ทางการอังกฤษส่งตัว น.ส. ยิ่งลักษณ์ กลับมาดำเนินคดีในไทย จะทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยอันเปรียบได้กับต้นสังกัด และเกือบจะเป็นของครอบครัวเธอกลาย ๆ ต้องออกมาดิ้นพล่านกันยกใหญ่ เพราะมันทำให้ "นายหญิงน้อย" ของพวกเขา ถูกประจานไปทั่วว่า การหนีไปอยู่อังกฤษ นั้นมาจากการที่เธอถูกศาลฯ นักการเมืองตัดสินว่า...ปล่อยปละละเลยให้เกิดการโกง-ไม่มีการเมืองใด ๆ เจอปนตามที่จกตาชาวโลกเอาไว้เลย
เรื่องนี้สะท้อนชัดผ่านการเคลื่อนไหวของ "นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ซึ่งออกแอ๊คชั่นวานนี้ว่า ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อแสดงหลักฐานให้เห็นว่าที่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ถูกดำเนินคดีนั้น เข้าข่ายความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองแน่
โดยนายเรืองไกร อ้างว่า สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษเมื่อปี 1911 นั้น ไม่มีการระบุถึงโทษคดีทางการเมืองเอาไว้ โดยเขาอ้างแบบทื่อ ๆ ว่า คดีที่เกิดกับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ล้วนมีที่มาจากประเด็นทางการเมือง และยกมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ มาจากการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ที่ 19
"กรณีนี้จึงเป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง" นายเรืองไกร อ้างพร้อมไปลากเอาคำร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาสนับสนุนเหตุผลของตัวเองอีกชั้นหนึ่ง โดยเขาอ้างว่า เพราะไม่ได้ทำตาม พรป.ป.ป.ช.พ.ศ.2542 มาตรา 61 และคำร้องดังกล่าวยังมีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ ส.ส.แต่เป็นกลุ่ม กปปส.ร่วมลงชื่ออยู่ด้วย และยังมีอีกหลายประเด็นที่เขาล้วนแต่แก้ต่างให้...ยิ่งลักษณ์ แบบน้ำขุ่น ๆ
อย่างไรก็ตาม การออกมาแก้เกี้ยวแบบน้ำขุ่น ๆ ของนายเรืองไกร ทำให้ "นายราเมศ รัตนะเชวง" รองโฆษก และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสอนมวยนายเรืองไกร...แบบครูสอนให้เด็กเข้าใจอะไรใหม่ ๆ ในทันทีว่า คดีจำนำข้าวเริ่มจากการตรวจสอบของฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้อภิปรายตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน
"เมื่อเห็นว่ามีความผิด ก็ส่งต่อกระบวนการตรวจสอบไปยัง ปปช ก็ชี้มูลว่ามีความผิด ก็ส่งต่อไปยังอัยการ ก็มีความเห็นควรสั่งฟ้องก็ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นี้คือกระบวนการยุติธรรมปกติ" นายราเมศ ระบุพร้อมอธิบายด้วยว่า คดีนี้แม้ไม่มีการปฏิวัติก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติของกระบวนการยุติธรรม การปฏิวัติไม่ได้มีผลกระทบต่ออำนาจตุลาการ และคณะตุลาการไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อคดีนี้โดยเฉพาะ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี 2540 เป็นผู้พิพากษาอาชีพ คดีนี้คือคดีที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมปกติ
“คดีนี้มีบางฝ่ายพยายามบิดเบือนว่า เป็นคดีที่โดนกลั่นแกล้งในทางการเมือง อ้างว่า เป็นคดีการเมือง ต้องชี้แจงว่า ไม่จริง คดีนี้เป็นคดีอาญาปกติคือคดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นรัฐบาลต้องกล้าอธิบายความจริง ว่าคดีนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร และควรชี้แจงรัฐบาลประเทศอังกฤษ ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงของคดีนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมมาก” นายราเมศ กล่าวทิ้งท้าย
ถ้อยคำของนายราเมศแถบจะเป็นการถลกหนังสมาชิกพรรคเพื่อไทย...อย่างนายเรืองไกรที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้จนเลือดอาบ ขณะเดียวกันก็เป็นการลอกคราบ "หนูปู" ไปพร้อมกันด้วยว่า...ที่เธอพยายามกล่าวอ้างกับชาวโลกว่าโดนกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น...ล้วนเป็นรื่องลวงโลก...คดีนี้เกิดจากความจงใจให้โกง...โดยเธอแสร้งเอาหูไปนาเอาตาไปไล่...ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายระดับ 5 - 6 แสนล้านบาท...ตามหน้าที่นายกฯ ที่ดีควรทำ
เพราะในหนังสือที่ทางการไทยส่งซ้ำไปให้รัฐบาลอังกฤษนั้น ระบุเอาไว้โต้ง ๆ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการนำตัวมารับโทษจำคุก 5 ปี ภายหลังคำตัดสินของศาลฎีกาฯ ทางการเมืองพิพากษาว่าเธอมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พรป.ปปช. ปี 2542 มาตรา 123/1 เหตุนี้ศาลฎีกาฯ จึงออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อ 27 กันยายน 2560 เพื่อนำตัว นางสาวยิ่งลักษณ์ มารับโทษ
...นั่นชัดจน...ข้างฝ่ายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้ตัวดีว่า...รอบนี้ทางการเมืองผู้ดี...อาจตระหนักจริง ๆ แล้วว่า....ยิ่งลักษณ์ผิดเพราะปล่อยให้โกง...ไม่ใช่การเมือง ทำให้ 2 ศรีพี่น้องชินวัตรจึงระเห็จออกจากลอนดอนแทบไม่ทัน นับจากหนังสือฉบับนี้ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อ
เหนืออื่นใดก็คือ...มันเป็นสื่อเมืองผู้ดีอย่าง BBC เองเสียด้วยที่หยิบเรื่องนี้มาเล่นเป็นสำนักแรก ๆ และนั่นย่อมหมายถึง...มันย่อมแพร่สะพัดในทุกซอกมุมโลกอย่างรวดเร็วแน่ เพราะต้นทางของข่าวมันใกล้ชิดรัฐบาลเมืองผู้ดีเป็นอย่างยิ่ง...และทำให้ ทั้งทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ต้องระเห็จออกจากกรุงลอนดอนอย่างด่วนจี๋อย่างที่กล่าว
....ก่อนจะปล่อยให้ เรืองไกรออกมาแก้เกี๋ยวแบบทื่อ ๆ ว่า...ไม่จริง ไม่ใช่คดีอาญา...นายหญิงถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง...แต่นั่นก็ดูจะสายไปเสียแล้ว...ข่าวคราวดังกล่าว....ว่าเธอหนีเพราะโกง สะพัดไปทั่วโลกแล้ว....จริงไม่จริงแค่ไหน...ก็ขนาด....ประเทศแม่แบบประชาธิปไตย และบูชาสิทธิมนุษยชนไว้สูงลิ่วอย่างอังกฤษ...ยังไม่ยอมให้อยู่ก็แล้วกัน
http://www.tpolitic.com/contents/bg/4900