ยอดจำหน่ายหมากฝรั่งในญี่ปุ่นลดลงมากกว่าครึ่งหนี่งในเวลา 10 ปี ทำให้บรรดาผู้ผลิตต้องสรรหาสารพัดวิธีกู้วิกฤต ก่อนที่หมากฝรั่งอาจจะหายไปจากความนิยมของคนรุ่นใหม่ชาวญี่ปุ่น
หมากฝรั่งเคยเป็น “ของคู่ปาก” ของผู้คนในยุค 10-30 ปีก่อน ทั้งด้วยเหตุผลว่าโก้เก๋, ดับกลิ่นปาก หรือคลายเครียด แต่ทุกวันนี้ ยอดขายหมากฝรั่งในปี 2017 ลดลงเหลือเพียง 100,500 ล้านเยน คิดเป็นร้อยละ 47 ของยอดขายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ความนิยมที่ลดลงพิสูจน์ได้จากตำแหน่งวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ที่ขนมพวกเจลลีและทอฟฟีถูกวางในระดับสายตา ถัดลงมาคือลูกอม ส่วนหมากฝรั่งถูกวางที่ชั้นล่างสุด ตำแหน่งวางสินค้าในร้านนั้นสะท้อนความนิยมของลูกค้า สินค้าที่ขายดีจะวางในระดับสายตา สินค้าที่ขายไม่ค่อยดีจะถูกวางในชั้นล่าง โดยบางแห่งถึงกับต้องก้มตัวลงไปหยิบสินค้า
สมาพันธ์ผู้ผลิตขนมแห่งญี่ปุ่น ระบุว่า ยอดขายหมากฝรั่งลดลงสวนทางกับยอดขายขนมโดยรวม ยอดขายชอคโกแลตเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ขณะที่ยอดขายขนมโดยรวมมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8 ต่อปี
ล็อตเต ผู้ผลิตหมากฝรั่งและขนมรายใหญ่ของญี่ปุ่น วิเคราะห์สาเหตุที่หมากฝรั่งได้รับความนิยมลดลงว่า เกิดจากคนรุ่น “เบบี้บูม” หรือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยเคี้ยวหมากฝรั่ง ทุกวันนี้กลายเป็นผู้สูงอายุ และเลิกเคี้ยวหมากฝรั่งแล้ว
หนุ่มสาวรุ่นใหม่ก็มีขนมขบเคี้ยวมากมายที่มาแทนหมากฝรั่ง ที่ทั้งยุ่งยากในการคายทิ้งและรสชาติก็ไม่ค่อยถูกปาก ทางบริษัทยังพบว่า กาแฟสดที่จำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อก็เป็นคู่แข่งของหมากฝรั่ง เพราะหลายคนเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้หายง่วง ซึ่งกาแฟสดที่จำหน่ายในราคาราว 100 เยนก็ช่วยได้แบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ผลิตหมากฝรั่งและขนมรายใหญ่ของญี่ปุ่นยังพบว่า สมาร์ทโฟนก็มีส่วนทำให้การบริโภคหมากฝรั่งลดลงเช่นกัน เพราะผู้คนฆ่าเวลาด้วยการเล่นสมาร์ทโฟนแทนที่จะเคี้ยวหมากฝรั่ง
ผู้ผลิตหมากฝรั่งต่างพยายามกู้วิกฤตนี้ เดือนกันยายน ปีที่แล้ว ล็อตเตได้วางจำหน่ายหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของสารสกัดใบแปะก๊วยที่เชื่อว่าช่วยให้ความจำดี โดยมุ่งจับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและผู้สูงอายุ หมากฝรั่งนี้ทำยอดขายได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ถึง 1.4 เท่าตัว
ขณะที่ผู้ผลิตหมากฝรั่ง “คลอเร็ท” ได้ปรับแพ็คเกจโดยใช้การ์ตูนจากเรื่อง "Lupin the Third" เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่
บรรดาผู้ผลิตหมากฝรั่งระบุว่า ในหลายประเทศ การเคี้ยวหมากฝรั่งถือว่าไม่สุภาพ บางประเทศมีกฎหมายห้ามจำหน่ายหมากฝรั่งเพราะทำให้บ้านเมืองสกปรก แต่ในญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น หมากฝรั่งทุกวันนี้ไม่มีน้ำตาล และมีส่วนช่วยทำความสะอาดฟันและช่องปากได้ แต่หากยอดขายหมากฝรั่งลดลงเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องหายไปจากตลาดในไม่ช้า.
ล็อตเตจำหน่ายหมากฝรั่งที่มีช่วยให้ความจำดี
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9610000073415
ยอดขายหมากฝรั่งในญี่ปุ่นทรุดหนัก คนรุ่นใหม่ไม่สนเคี้ยว
ยอดจำหน่ายหมากฝรั่งในญี่ปุ่นลดลงมากกว่าครึ่งหนี่งในเวลา 10 ปี ทำให้บรรดาผู้ผลิตต้องสรรหาสารพัดวิธีกู้วิกฤต ก่อนที่หมากฝรั่งอาจจะหายไปจากความนิยมของคนรุ่นใหม่ชาวญี่ปุ่น
หมากฝรั่งเคยเป็น “ของคู่ปาก” ของผู้คนในยุค 10-30 ปีก่อน ทั้งด้วยเหตุผลว่าโก้เก๋, ดับกลิ่นปาก หรือคลายเครียด แต่ทุกวันนี้ ยอดขายหมากฝรั่งในปี 2017 ลดลงเหลือเพียง 100,500 ล้านเยน คิดเป็นร้อยละ 47 ของยอดขายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ความนิยมที่ลดลงพิสูจน์ได้จากตำแหน่งวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ที่ขนมพวกเจลลีและทอฟฟีถูกวางในระดับสายตา ถัดลงมาคือลูกอม ส่วนหมากฝรั่งถูกวางที่ชั้นล่างสุด ตำแหน่งวางสินค้าในร้านนั้นสะท้อนความนิยมของลูกค้า สินค้าที่ขายดีจะวางในระดับสายตา สินค้าที่ขายไม่ค่อยดีจะถูกวางในชั้นล่าง โดยบางแห่งถึงกับต้องก้มตัวลงไปหยิบสินค้า
สมาพันธ์ผู้ผลิตขนมแห่งญี่ปุ่น ระบุว่า ยอดขายหมากฝรั่งลดลงสวนทางกับยอดขายขนมโดยรวม ยอดขายชอคโกแลตเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ขณะที่ยอดขายขนมโดยรวมมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8 ต่อปี
ล็อตเต ผู้ผลิตหมากฝรั่งและขนมรายใหญ่ของญี่ปุ่น วิเคราะห์สาเหตุที่หมากฝรั่งได้รับความนิยมลดลงว่า เกิดจากคนรุ่น “เบบี้บูม” หรือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยเคี้ยวหมากฝรั่ง ทุกวันนี้กลายเป็นผู้สูงอายุ และเลิกเคี้ยวหมากฝรั่งแล้ว
หนุ่มสาวรุ่นใหม่ก็มีขนมขบเคี้ยวมากมายที่มาแทนหมากฝรั่ง ที่ทั้งยุ่งยากในการคายทิ้งและรสชาติก็ไม่ค่อยถูกปาก ทางบริษัทยังพบว่า กาแฟสดที่จำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อก็เป็นคู่แข่งของหมากฝรั่ง เพราะหลายคนเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้หายง่วง ซึ่งกาแฟสดที่จำหน่ายในราคาราว 100 เยนก็ช่วยได้แบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ผลิตหมากฝรั่งและขนมรายใหญ่ของญี่ปุ่นยังพบว่า สมาร์ทโฟนก็มีส่วนทำให้การบริโภคหมากฝรั่งลดลงเช่นกัน เพราะผู้คนฆ่าเวลาด้วยการเล่นสมาร์ทโฟนแทนที่จะเคี้ยวหมากฝรั่ง
ผู้ผลิตหมากฝรั่งต่างพยายามกู้วิกฤตนี้ เดือนกันยายน ปีที่แล้ว ล็อตเตได้วางจำหน่ายหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของสารสกัดใบแปะก๊วยที่เชื่อว่าช่วยให้ความจำดี โดยมุ่งจับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและผู้สูงอายุ หมากฝรั่งนี้ทำยอดขายได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ถึง 1.4 เท่าตัว
ขณะที่ผู้ผลิตหมากฝรั่ง “คลอเร็ท” ได้ปรับแพ็คเกจโดยใช้การ์ตูนจากเรื่อง "Lupin the Third" เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่
บรรดาผู้ผลิตหมากฝรั่งระบุว่า ในหลายประเทศ การเคี้ยวหมากฝรั่งถือว่าไม่สุภาพ บางประเทศมีกฎหมายห้ามจำหน่ายหมากฝรั่งเพราะทำให้บ้านเมืองสกปรก แต่ในญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น หมากฝรั่งทุกวันนี้ไม่มีน้ำตาล และมีส่วนช่วยทำความสะอาดฟันและช่องปากได้ แต่หากยอดขายหมากฝรั่งลดลงเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องหายไปจากตลาดในไม่ช้า.
ล็อตเตจำหน่ายหมากฝรั่งที่มีช่วยให้ความจำดี
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/japan/detail/9610000073415