ติดตามรีวิวใหม่ๆ ก่อนใครได้ที่ : https://www.Facebook.com/23SCENES
feature film, drama
เรื่อง: Adrift (Baltasar Kormakur, 2018)
คะแนน: 7/10
หนังสร้างจากเรื่องจริงสุดประทับใจของสองหัวใจอิสระที่พบกันโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นความรัก นำไปสู่การผจญกัยสุดยิ่งใหญ่ในชีวิต สองนักเดินเรือที่พร้อมจะออกเดินทางข้ามมหาสมุทร ทามี่ โอลด์แฮม และ ริชาร์ด ชาร์ป ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกเขากำลังล่องเรือเข้าสู่หนึ่งในพายุเฮอริแคนที่รุนแรงที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากพายุพัดผ่าน ทามี่ตื่นขึ้นมาพบว่าริชาร์ดบาดเจ็บสาหัสและเรือของพวกเขาเหลือแต่ซาก เมื่อไม่สามารถหวังให้ใครมาช่วยได้ ทามี่ต้องหาทางรวบรวมสติและความแข็งแกร่งเพื่อช่วยชีวิตชายคนเดียวที่เธอรัก
.
ตัวหนังเล่าเรื่องดีแต่ไม่มีความหวือหวาหรือแปลกใหม่อะไร เป็นการเล่าเรื่องสลับระหว่างพาร์ทอดีตและปัจจุบันที่ราบเรียบมากๆ ซึ่งตรงนี้เราแอบเสียดาย เพราะวิธีการเล่าแบบนี้ในหนังปกติ มันค่อนข้างดึงคนดูให้อยู่กับหนังได้ง่ายมากๆ
.
งาน production เหนือความคาดหมายมากพอสมควร หนังสามารถเนรมิตรทะเลให้มีความสวยงดงามแต่ในขณะเดียวกันก็น่ากลัวได้ออกมาดีมากๆ สมจริงสุดๆ เลย อีกทั้ง mood and tone ก็ทำออกมาได้สุดมากๆ
.
Shailene Woodley ยังคงเป็นนักแสดงหญิงที่รับบทสาวแกร่งได้สุดยอดเหมือนเดิม แต่แอบเสียดายที่หนังเรื่องนี้กับบทบาทตัวละครนี้ไม่ได้มีสเนห์ดึงดูดอะไรเราเป็นพิเศษ และนั่นเลยแอบทำให้เราสงสัยกับตัวเรื่องว่านางเอกมีอะไรถึงทำให้พระเอกชอบถึงเพียงนี้
.
ส่วนตัวเราเสียดายที่ตัวหนังหยิบวัตถุดิบ based on true story มาเล่าได้ราบเรียบแบบนี้มากๆ คือโดยปกติแล้ว อะไรก็ตามที่มัน based on true story มักจะทำให้เราอินได้ไม่ยากอ่ะ แต่สำหรับเรื่องนี้คือ แทบไม่อินเลย ไม่ว่าจะทั้งเส้นเรื่องของความรักของสองตัวละคร หรือ เส้นเรื่องตอนเอาชีวิตรอดกลางทะเลก็ตามที ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะกับหนังแนวนี้เท่าไหร่
.
โดยรวมก็ยังถือว่า Adrift เป็นหนังรักที่ดูได้เรื่อยๆ น่าติดตามอยู่บ้างในช่วงองก์แรก หลังจากนั้นทุกอย่างในหนังจะค่อนข้างเดาง่าย ทั้งนี้ ตัวหนังอาจจะตอบโจทย์ผู้ชมเพศหญิง เพราะ Sam Claflin น่าจะหล่อถูกอกถูกใจสาวๆ มากพอสมควร ซึ่งในเรื่องของการแสดงสำหรับนักแสดงชายคนนี้ ผลงานต่างๆ ที่ผ่านมาก็การันตีความสามารถอยู่แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด งานภาพและงาน visual ของหนังเรื่องนี้ คือควรค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนตร์มากๆ ท้องทะเลที่สวยงาม และ คลื่นที่โหมกระหน่ำ เป็นอีกประสบการณ์การดูหนังที่ควรค่าไปสัมผัสบนจอใหญ่ๆ
[CR] Movie Review : Adrift - รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน [7/10]
feature film, drama
เรื่อง: Adrift (Baltasar Kormakur, 2018)
คะแนน: 7/10
หนังสร้างจากเรื่องจริงสุดประทับใจของสองหัวใจอิสระที่พบกันโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นความรัก นำไปสู่การผจญกัยสุดยิ่งใหญ่ในชีวิต สองนักเดินเรือที่พร้อมจะออกเดินทางข้ามมหาสมุทร ทามี่ โอลด์แฮม และ ริชาร์ด ชาร์ป ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกเขากำลังล่องเรือเข้าสู่หนึ่งในพายุเฮอริแคนที่รุนแรงที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากพายุพัดผ่าน ทามี่ตื่นขึ้นมาพบว่าริชาร์ดบาดเจ็บสาหัสและเรือของพวกเขาเหลือแต่ซาก เมื่อไม่สามารถหวังให้ใครมาช่วยได้ ทามี่ต้องหาทางรวบรวมสติและความแข็งแกร่งเพื่อช่วยชีวิตชายคนเดียวที่เธอรัก
.
ตัวหนังเล่าเรื่องดีแต่ไม่มีความหวือหวาหรือแปลกใหม่อะไร เป็นการเล่าเรื่องสลับระหว่างพาร์ทอดีตและปัจจุบันที่ราบเรียบมากๆ ซึ่งตรงนี้เราแอบเสียดาย เพราะวิธีการเล่าแบบนี้ในหนังปกติ มันค่อนข้างดึงคนดูให้อยู่กับหนังได้ง่ายมากๆ
.
งาน production เหนือความคาดหมายมากพอสมควร หนังสามารถเนรมิตรทะเลให้มีความสวยงดงามแต่ในขณะเดียวกันก็น่ากลัวได้ออกมาดีมากๆ สมจริงสุดๆ เลย อีกทั้ง mood and tone ก็ทำออกมาได้สุดมากๆ
.
Shailene Woodley ยังคงเป็นนักแสดงหญิงที่รับบทสาวแกร่งได้สุดยอดเหมือนเดิม แต่แอบเสียดายที่หนังเรื่องนี้กับบทบาทตัวละครนี้ไม่ได้มีสเนห์ดึงดูดอะไรเราเป็นพิเศษ และนั่นเลยแอบทำให้เราสงสัยกับตัวเรื่องว่านางเอกมีอะไรถึงทำให้พระเอกชอบถึงเพียงนี้
.
ส่วนตัวเราเสียดายที่ตัวหนังหยิบวัตถุดิบ based on true story มาเล่าได้ราบเรียบแบบนี้มากๆ คือโดยปกติแล้ว อะไรก็ตามที่มัน based on true story มักจะทำให้เราอินได้ไม่ยากอ่ะ แต่สำหรับเรื่องนี้คือ แทบไม่อินเลย ไม่ว่าจะทั้งเส้นเรื่องของความรักของสองตัวละคร หรือ เส้นเรื่องตอนเอาชีวิตรอดกลางทะเลก็ตามที ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะกับหนังแนวนี้เท่าไหร่
.
โดยรวมก็ยังถือว่า Adrift เป็นหนังรักที่ดูได้เรื่อยๆ น่าติดตามอยู่บ้างในช่วงองก์แรก หลังจากนั้นทุกอย่างในหนังจะค่อนข้างเดาง่าย ทั้งนี้ ตัวหนังอาจจะตอบโจทย์ผู้ชมเพศหญิง เพราะ Sam Claflin น่าจะหล่อถูกอกถูกใจสาวๆ มากพอสมควร ซึ่งในเรื่องของการแสดงสำหรับนักแสดงชายคนนี้ ผลงานต่างๆ ที่ผ่านมาก็การันตีความสามารถอยู่แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด งานภาพและงาน visual ของหนังเรื่องนี้ คือควรค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนตร์มากๆ ท้องทะเลที่สวยงาม และ คลื่นที่โหมกระหน่ำ เป็นอีกประสบการณ์การดูหนังที่ควรค่าไปสัมผัสบนจอใหญ่ๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้