คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
อาวุธลับกองทัพฟินแลนด์
["โมโลตอฟค็อกเทล" : อาวุธลับกองทัพฟินแลนด์ ]
.. แม้กองทัพโซเวียตจะมีจำนวนรถถังมากกว่าถึง 200 เท่า อีกทั้งยังมีกองกำลังทหารที่มากกว่าอีกหลายเท่าตัวของฝ่ายฟินแลนด์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธลับของฟินแลนด์ ที่รู้จักในชื่อ โมโลตอฟค็อกเทล
.. ฝ่ายรัสเซียยื่นข้อเสนอให้ฟินแลนด์ โดยขอให้ร่นเขตพรมแดนในแนวที่ติดกับรัสเซียไปเป็นระยะทาง 25 กม. และขอเช่าพื้นที่บริเวณคาบสมุทรฮันโก เพื่อใช้ทำฐานทัพเรือเป็นเวลา 30 ปี โดยรัสเซียจะยอมยกดินแดนบริเวณเมืองคารีไลอาซึ่งมีพื้นที่มากกว่าดินแดนที่ ขอให้ฟินแลนด์ถอยร่นไปถึง 2 เท่า
.. ข้อเสนอของโซเวียตหมือนจะน่าสนใจ แต่ฟินแลนด์เปรียบว่ารัสเซียจะเอาขี้ดิน 2 ปอนด์มาขอแลกกับทองคำ 1 ปอนด์ เมื่อขอกันดีๆไม่ยอมให้ก็ต้องใช้เล่ห์ รัสเซียยิงปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านชายแดนของตนเองแล้วกล่าวโทษว่าทหาร ฟินแลนด์เป็นคนยิง
.. โดยอาศัยเหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้าง โซเวียตได้เคลื่อนกำลังพล 630,000 นาย พร้อมเครื่องบินรบและรถถังหลายพันคันเข้าโจมตีฟินแลนด์ในเดือนพฤศจิกายน 1939 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "สงครามฤดูหนาว" (Winter War) หรืออีกชื่อว่า "การรบที่คอลล่า"
.. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 1939 กองทัพอากาศโซเวียตได้ส่งฝูงบิน 200 ลำ บุกเข้าทิ้งโคตรระเบิด RRAB-3 ระเบิดขนาดยาว 2.25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ซึ่งภายในบรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก 60 ลูกโจมตี 16 เมืองสำคัญๆทางตอนใต้ของฟินแลนด์
.. ระเบิด RRAB-3 ถูกออกแบบให้มีใบพักที่ส่วนหาง ซึ่งใบพัดนี้จะควงไปตามกระแสลมเมื่อระเบิดถูกทิ้งออกจากเครื่องบิน เมื่อมันหมุนครบจำนวนรอบที่ตั้งเอาไว้ฝาด้านข้างของลูกระเบิดจะเปิดออกปล่อย ระเบิดเพลิงลูกเล็กๆ 60 ลูกออกมาใส่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นการบีบบังคับให้ฟินแลนด์ยอมแพ้โดยเร็ว
.. ต่อมาหรัฐส่งสารถึงโซเวียต ประณามการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน แต่สมัยนั้นยังไม่มี CNN มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยืนยันได้ว่ารัสเซียทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนใน ฟินแลนด์จริง ส่วนทางด้านของ "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" (Vyacheslav Molotov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโซเวียต ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา
.. โดยเขาอ้างว่านานาประเทศเข้าใจผิด โซเวียตนั้นไม่ได้รุกรานฟินแลนด์ ในทางตรงกันข้ามโซเวียตนำเสบียงอาหารไปทิ้งให้กับประชาชนชาวฟินแลนด์ผู้หิว โหยต่างหาก ส่วนภาพถ่ายบ้านเรือนลุกเป็นไฟที่เห็นในข่าวนั้นเป็นภาพเก่าตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีของกองทัพโซเวียตแต่อย่างใด
.. กองกำลังของฟินแลนด์มีเพียง 250,000 นาย แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคืออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นด้อยกว่ารัสเซียหลายร้อยเท่า ตัว รถถังหลายพันคันที่รุกคืบหน้าเข้ามาสามารถบดขยี้เมืองต่างๆให้ราบเป็นหน้า กลองได้ไม่ยาก แต่ยังโชคดีที่ชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับอาวุธหนักจากสงครามกลางเมือง ในสเปนที่ผ่านไปไม่กี่ปี
.. โดยชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับรถถังจากชัยชนะของกองทัพฟาสซิสต์ในครั้ง นั้น พวกเขาจึงนำวิธีเดียวกันนี้มาใช้ต่อสู้กับรถถังของโซเวียต โดยใช้ขวดใส่เหล้าทำระเบิดเพลิงรุ่นแรกๆ และตั้งชื่อว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" ซึ่งเป็นการล้อเลียนว่า "ตะกร้าอาหารของโมโลตอฟ" แต่หาก วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ เรียกโคตรระเบิด RRAB-3 ว่าเป็น "ตะกร้าอาหาร" ระเบิดเพลิงของชาวฟินแลนด์ก็คือ สุราที่ใช้กินร่วมกับอาหารของโมโลตอฟนั่นเอง (ฮาาเลย)
.. หลังจากที่โซเวียตแสดงทีท่าว่าจะรุกราน ฟินแลนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจทำการสั่งซื้ออาวุธต่อสู้รถถังจำนวนมากจากสวีเดน หากแต่การส่งมอบอาวุธจะทำได้หลังจากสั่งซื้อ 6 เดือน อีกทั้งขณะนี้รัสเซียได้ยึดเส้นทางขนส่งระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนเอาไว้แล้ว ส่วนปืนครกและระเบิดมือที่มีอยู่ไม่สามารถทำอันตรายต่อรถถังโซเวียตได้ ซึ่งฟินแลนด์จำเป็นต้องเร่งหาวิธีการอื่นในการหยุดยั้งกองทัพรถถังของ โซเวียตให้ได้
.. ร้อยเอก อีโร คุยติเนน ได้รับมอบหมายให้ค้นหากลยุทธ์ที่จะต่อสู้กับรถถัง และด้วยเวลาที่จำกัดบวกกับงบประมาณอันน้อยนิด อีโรเสนอแผนการใช้ระเบิดเพลิง โดยพิมพ์ใบปลิวอธิบายวิธีการผลิตระเบิดเพลิง ส่งกระจายไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วฟินแลนด์
.. ในใบปลิวดังกล่าวระบุวิธีการผลิตเป็นขั้นตอนตั้งแต่การเลือกใช้ขวดมีปริมาณ บรรจุมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับรถถังในขณะที่มีขนาดเหมาะมือ วัตถุชนิดใดบ้างที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและจะต้องบรรจุใส่ขวด มาก-น้อยแค่ไหน เต็มขวดหรือครึ่งขวด จะใช้วัสดุชนิดใดทำชนวนและต้องมีความยาวเท่าไร หลังจากจุดชนวนแล้วผู้ใช้มีเวลาในการขว้างเข้าใส่รถถังภายในกี่นาที และคำแนะนำสุดท้ายคือตำแหน่งจุดอ่อนของรถถังโซเวียต
.. รถบรรทุกจำนวนมากถูกส่งไปศูนย์บัญชาการทหารในชายแดนฟินแลนด์ ภายในรถบรรทุกอัดแน่นไปด้วยลังไม้ที่ด้านบนพิมพ์คำว่า "TOP SECRET" ทหารหลายคนประหลาดใจเมื่อเปิดลังเหล่านั้นออกมาแล้วพบว่าภายในลังมีแต่เพียง ขวดบรรจุของเหลวมีเศษผ้าห้อยออกมาจากปากขวดเท่านั้น
.. จากการต่อสู้กับรถถังด้วยระเบิดในวันแรกพิสูจน์ได้ว่าโมโลตอฟค็อกเทล มีประสิทธิภาพสูงเกินกว่าที่คาดหมาย กองทัพประชาชนฟินแลนด์สามารถทำลายรถถังได้อย่างน้อย 40 คัน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถถังถูกทำลายอย่างง่ายดายก็เนื่องจากรถถังส่วนใหญ่ รุกคืบนำหน้าหน่วยทหารราบทำให้ไม่มีหน่วยคุ้มกันการลอบโจมตี ทหารฟินแลนด์สามารถเข้าใกล้ตัวรถถังจนถึงระยะที่จะขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ ได้
.. อย่างไรก็ตามฟินแลนด์ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าประชาชนจะผลิตระเบิดเพลิงได้มาก พอที่จะทำลาย รถถังนับพันนับหมื่นคันที่กำลังรุกคืบหน้าเข้ามา อีกทั้งระเบิดเพลิงทำเองนั้นอาจทำอันตรายต่อตัวผู้ใช้และก่อนใช้งานจะต้อง ใช้ไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟจุดชนวน ผู้ใช้ต้องอยู่นิ่งๆชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ตกเป็นเป้ากระสุนได้โดยง่าย
.. ดังนั้นกองทัพฟินแลนด์จึงคิดค้นพัฒนาระเบิดเพลิงเพิ่มส่วนผสมทำให้ไวไฟมาก ขึ้น ยกเลิกการใช้ชนวนผ้าชุบน้ำมัน เปลี่ยนมาใช้ประกบด้านข้างขวดด้วยหลอดแก้วบรรจุกรดซัลฟูริคที่จะมีการทำ ปฏิกิริยาทันทีที่หลอดแก้วแตกหรือสัมผัสอากาศ
.. กองทัพฟินแลนด์ดัดแปลงโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ ซึ่งเป็นโรงงานกลั่นสุราผูกขาดแห่งเดียวในประเทศมาเป็นโรงงานผลิตโมโลตอ ฟค็อกเทล ด้วยกำลังคนงานหญิง 87 คน คนงานชาย 5 คน ซึ่งทางโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ สามารถผลิตโมโลตอฟค็อกเทลได้มากกว่า 500,000 ขวด ส่งผลให้ทำลายรถถังโซเวียตได้มากกว่า 350 คัน ตลอด 113 วัน ในช่วงการรบในสงครามฤดูหนาว
.. โดย "โมโลตอฟค็อกเทล" เป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ทำให้กองทัพฟินแลนด์ สามารถเอาชนะกองทัพโซเวียต ที่มีกำลังพลมากกว่าหลายร้อยเท่าตัว ซึ่งผลจากจากชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทั่วโลกรู้จักพิษสงของอาวุธ ที่ทำขึ้นเอง
.. หลังจากโซเวียตแพ้ในสงครามฤดูหนาวประเทศมหาอำนาจได้มีการปรับปรุงพัฒนารถถัง ให้มีตัวถังหลายชั้น แต่ละชั้นใช้วัสดุที่แตกต่างกัน วัสดุที่ใช้ในห้องเครื่องยนต์ล้วนแต่มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าจุดติดไฟของน้ำมัน ดังนั้น เราจะไม่สามารถทำลายรถถังในปัจจุบันด้วยโมโลตอฟค็อกเทลได้
.. โดยชื่อโมโลตอฟค็อกเทลจึงไม่ใช่การยกย่อง "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" แต่อย่างใด ซึ่งทางตรงกันข้ามมันเป็นการประชดประชันการแถลงข่าวบิดเบือนของ วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ ตั้งแต่สงครามฤดูหนาวเป็นต้นมา คนทั่วโลกก็จึงเรียกระเบิดเพลิงทำเองว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" นั่นเอง..
ขอบคุณเพจ สงคราม ประวัติศาสตร์ เป็นอย่างมากครับ
<ภาพ> : "Molotov Cocktail " กับ "โคตรระเบิด RRAB-3"
- ที่มา : คอลัมน์ร้ายสาระ จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ สุดสัปดาห์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 204 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 24 เมษายน 2009 โดย ศิลป์ อิศเรศ .. ( www.mythland.org ) ..
=/แอดมินกอล์ฟ/=รีรัน9/3/2556
เขียนโดย โชติธรรม นามเอก
ภาพใน blog หาย
หามาเพิ่มเติมจาก net
["โมโลตอฟค็อกเทล" : อาวุธลับกองทัพฟินแลนด์ ]
.. แม้กองทัพโซเวียตจะมีจำนวนรถถังมากกว่าถึง 200 เท่า อีกทั้งยังมีกองกำลังทหารที่มากกว่าอีกหลายเท่าตัวของฝ่ายฟินแลนด์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธลับของฟินแลนด์ ที่รู้จักในชื่อ โมโลตอฟค็อกเทล
.. ฝ่ายรัสเซียยื่นข้อเสนอให้ฟินแลนด์ โดยขอให้ร่นเขตพรมแดนในแนวที่ติดกับรัสเซียไปเป็นระยะทาง 25 กม. และขอเช่าพื้นที่บริเวณคาบสมุทรฮันโก เพื่อใช้ทำฐานทัพเรือเป็นเวลา 30 ปี โดยรัสเซียจะยอมยกดินแดนบริเวณเมืองคารีไลอาซึ่งมีพื้นที่มากกว่าดินแดนที่ ขอให้ฟินแลนด์ถอยร่นไปถึง 2 เท่า
.. ข้อเสนอของโซเวียตหมือนจะน่าสนใจ แต่ฟินแลนด์เปรียบว่ารัสเซียจะเอาขี้ดิน 2 ปอนด์มาขอแลกกับทองคำ 1 ปอนด์ เมื่อขอกันดีๆไม่ยอมให้ก็ต้องใช้เล่ห์ รัสเซียยิงปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านชายแดนของตนเองแล้วกล่าวโทษว่าทหาร ฟินแลนด์เป็นคนยิง
.. โดยอาศัยเหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้าง โซเวียตได้เคลื่อนกำลังพล 630,000 นาย พร้อมเครื่องบินรบและรถถังหลายพันคันเข้าโจมตีฟินแลนด์ในเดือนพฤศจิกายน 1939 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "สงครามฤดูหนาว" (Winter War) หรืออีกชื่อว่า "การรบที่คอลล่า"
.. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 1939 กองทัพอากาศโซเวียตได้ส่งฝูงบิน 200 ลำ บุกเข้าทิ้งโคตรระเบิด RRAB-3 ระเบิดขนาดยาว 2.25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ซึ่งภายในบรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก 60 ลูกโจมตี 16 เมืองสำคัญๆทางตอนใต้ของฟินแลนด์
.. ระเบิด RRAB-3 ถูกออกแบบให้มีใบพักที่ส่วนหาง ซึ่งใบพัดนี้จะควงไปตามกระแสลมเมื่อระเบิดถูกทิ้งออกจากเครื่องบิน เมื่อมันหมุนครบจำนวนรอบที่ตั้งเอาไว้ฝาด้านข้างของลูกระเบิดจะเปิดออกปล่อย ระเบิดเพลิงลูกเล็กๆ 60 ลูกออกมาใส่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นการบีบบังคับให้ฟินแลนด์ยอมแพ้โดยเร็ว
.. ต่อมาหรัฐส่งสารถึงโซเวียต ประณามการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน แต่สมัยนั้นยังไม่มี CNN มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยืนยันได้ว่ารัสเซียทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนใน ฟินแลนด์จริง ส่วนทางด้านของ "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" (Vyacheslav Molotov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโซเวียต ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา
.. โดยเขาอ้างว่านานาประเทศเข้าใจผิด โซเวียตนั้นไม่ได้รุกรานฟินแลนด์ ในทางตรงกันข้ามโซเวียตนำเสบียงอาหารไปทิ้งให้กับประชาชนชาวฟินแลนด์ผู้หิว โหยต่างหาก ส่วนภาพถ่ายบ้านเรือนลุกเป็นไฟที่เห็นในข่าวนั้นเป็นภาพเก่าตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีของกองทัพโซเวียตแต่อย่างใด
.. กองกำลังของฟินแลนด์มีเพียง 250,000 นาย แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคืออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นด้อยกว่ารัสเซียหลายร้อยเท่า ตัว รถถังหลายพันคันที่รุกคืบหน้าเข้ามาสามารถบดขยี้เมืองต่างๆให้ราบเป็นหน้า กลองได้ไม่ยาก แต่ยังโชคดีที่ชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับอาวุธหนักจากสงครามกลางเมือง ในสเปนที่ผ่านไปไม่กี่ปี
.. โดยชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับรถถังจากชัยชนะของกองทัพฟาสซิสต์ในครั้ง นั้น พวกเขาจึงนำวิธีเดียวกันนี้มาใช้ต่อสู้กับรถถังของโซเวียต โดยใช้ขวดใส่เหล้าทำระเบิดเพลิงรุ่นแรกๆ และตั้งชื่อว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" ซึ่งเป็นการล้อเลียนว่า "ตะกร้าอาหารของโมโลตอฟ" แต่หาก วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ เรียกโคตรระเบิด RRAB-3 ว่าเป็น "ตะกร้าอาหาร" ระเบิดเพลิงของชาวฟินแลนด์ก็คือ สุราที่ใช้กินร่วมกับอาหารของโมโลตอฟนั่นเอง (ฮาาเลย)
.. หลังจากที่โซเวียตแสดงทีท่าว่าจะรุกราน ฟินแลนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจทำการสั่งซื้ออาวุธต่อสู้รถถังจำนวนมากจากสวีเดน หากแต่การส่งมอบอาวุธจะทำได้หลังจากสั่งซื้อ 6 เดือน อีกทั้งขณะนี้รัสเซียได้ยึดเส้นทางขนส่งระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนเอาไว้แล้ว ส่วนปืนครกและระเบิดมือที่มีอยู่ไม่สามารถทำอันตรายต่อรถถังโซเวียตได้ ซึ่งฟินแลนด์จำเป็นต้องเร่งหาวิธีการอื่นในการหยุดยั้งกองทัพรถถังของ โซเวียตให้ได้
.. ร้อยเอก อีโร คุยติเนน ได้รับมอบหมายให้ค้นหากลยุทธ์ที่จะต่อสู้กับรถถัง และด้วยเวลาที่จำกัดบวกกับงบประมาณอันน้อยนิด อีโรเสนอแผนการใช้ระเบิดเพลิง โดยพิมพ์ใบปลิวอธิบายวิธีการผลิตระเบิดเพลิง ส่งกระจายไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วฟินแลนด์
.. ในใบปลิวดังกล่าวระบุวิธีการผลิตเป็นขั้นตอนตั้งแต่การเลือกใช้ขวดมีปริมาณ บรรจุมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับรถถังในขณะที่มีขนาดเหมาะมือ วัตถุชนิดใดบ้างที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและจะต้องบรรจุใส่ขวด มาก-น้อยแค่ไหน เต็มขวดหรือครึ่งขวด จะใช้วัสดุชนิดใดทำชนวนและต้องมีความยาวเท่าไร หลังจากจุดชนวนแล้วผู้ใช้มีเวลาในการขว้างเข้าใส่รถถังภายในกี่นาที และคำแนะนำสุดท้ายคือตำแหน่งจุดอ่อนของรถถังโซเวียต
.. รถบรรทุกจำนวนมากถูกส่งไปศูนย์บัญชาการทหารในชายแดนฟินแลนด์ ภายในรถบรรทุกอัดแน่นไปด้วยลังไม้ที่ด้านบนพิมพ์คำว่า "TOP SECRET" ทหารหลายคนประหลาดใจเมื่อเปิดลังเหล่านั้นออกมาแล้วพบว่าภายในลังมีแต่เพียง ขวดบรรจุของเหลวมีเศษผ้าห้อยออกมาจากปากขวดเท่านั้น
.. จากการต่อสู้กับรถถังด้วยระเบิดในวันแรกพิสูจน์ได้ว่าโมโลตอฟค็อกเทล มีประสิทธิภาพสูงเกินกว่าที่คาดหมาย กองทัพประชาชนฟินแลนด์สามารถทำลายรถถังได้อย่างน้อย 40 คัน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถถังถูกทำลายอย่างง่ายดายก็เนื่องจากรถถังส่วนใหญ่ รุกคืบนำหน้าหน่วยทหารราบทำให้ไม่มีหน่วยคุ้มกันการลอบโจมตี ทหารฟินแลนด์สามารถเข้าใกล้ตัวรถถังจนถึงระยะที่จะขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ ได้
.. อย่างไรก็ตามฟินแลนด์ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าประชาชนจะผลิตระเบิดเพลิงได้มาก พอที่จะทำลาย รถถังนับพันนับหมื่นคันที่กำลังรุกคืบหน้าเข้ามา อีกทั้งระเบิดเพลิงทำเองนั้นอาจทำอันตรายต่อตัวผู้ใช้และก่อนใช้งานจะต้อง ใช้ไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟจุดชนวน ผู้ใช้ต้องอยู่นิ่งๆชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ตกเป็นเป้ากระสุนได้โดยง่าย
.. ดังนั้นกองทัพฟินแลนด์จึงคิดค้นพัฒนาระเบิดเพลิงเพิ่มส่วนผสมทำให้ไวไฟมาก ขึ้น ยกเลิกการใช้ชนวนผ้าชุบน้ำมัน เปลี่ยนมาใช้ประกบด้านข้างขวดด้วยหลอดแก้วบรรจุกรดซัลฟูริคที่จะมีการทำ ปฏิกิริยาทันทีที่หลอดแก้วแตกหรือสัมผัสอากาศ
.. กองทัพฟินแลนด์ดัดแปลงโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ ซึ่งเป็นโรงงานกลั่นสุราผูกขาดแห่งเดียวในประเทศมาเป็นโรงงานผลิตโมโลตอ ฟค็อกเทล ด้วยกำลังคนงานหญิง 87 คน คนงานชาย 5 คน ซึ่งทางโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ สามารถผลิตโมโลตอฟค็อกเทลได้มากกว่า 500,000 ขวด ส่งผลให้ทำลายรถถังโซเวียตได้มากกว่า 350 คัน ตลอด 113 วัน ในช่วงการรบในสงครามฤดูหนาว
.. โดย "โมโลตอฟค็อกเทล" เป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ทำให้กองทัพฟินแลนด์ สามารถเอาชนะกองทัพโซเวียต ที่มีกำลังพลมากกว่าหลายร้อยเท่าตัว ซึ่งผลจากจากชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทั่วโลกรู้จักพิษสงของอาวุธ ที่ทำขึ้นเอง
.. หลังจากโซเวียตแพ้ในสงครามฤดูหนาวประเทศมหาอำนาจได้มีการปรับปรุงพัฒนารถถัง ให้มีตัวถังหลายชั้น แต่ละชั้นใช้วัสดุที่แตกต่างกัน วัสดุที่ใช้ในห้องเครื่องยนต์ล้วนแต่มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าจุดติดไฟของน้ำมัน ดังนั้น เราจะไม่สามารถทำลายรถถังในปัจจุบันด้วยโมโลตอฟค็อกเทลได้
.. โดยชื่อโมโลตอฟค็อกเทลจึงไม่ใช่การยกย่อง "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" แต่อย่างใด ซึ่งทางตรงกันข้ามมันเป็นการประชดประชันการแถลงข่าวบิดเบือนของ วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ ตั้งแต่สงครามฤดูหนาวเป็นต้นมา คนทั่วโลกก็จึงเรียกระเบิดเพลิงทำเองว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" นั่นเอง..
ขอบคุณเพจ สงคราม ประวัติศาสตร์ เป็นอย่างมากครับ
<ภาพ> : "Molotov Cocktail " กับ "โคตรระเบิด RRAB-3"
- ที่มา : คอลัมน์ร้ายสาระ จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ สุดสัปดาห์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 204 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 24 เมษายน 2009 โดย ศิลป์ อิศเรศ .. ( www.mythland.org ) ..
=/แอดมินกอล์ฟ/=รีรัน9/3/2556
เขียนโดย โชติธรรม นามเอก
ภาพใน blog หาย
หามาเพิ่มเติมจาก net
แสดงความคิดเห็น
ตอนฟินแลนด์รบกับโซเวียต ฟินแลนด์ใช้เทคนิคอะไรแผลงๆบ้างครับ
โดยมีสกีเป็นของคู่กายทหาร แล้ว sniper ของฟินแลนด์ต่อกรกับ sniper ของโซเวียตได้ยังไง
แถมอัตราการตายของฟินแลนด์ประมาณ 1800 ส่วนโซเวียตตายประมาณ 8000
พอรู้มาว่า sniper ฟินแลนด์ชื่อ Simo Hayha คือคนที่เขาว่าเป็น sniper ที่เก่งที่สุดในโลกอีกด้วย
รวมๆแล้วฟินแลนด์มีเทคนิคอะไรที่พิเศษที่ทำให้ฆ่าทหารโซเวียตได้ขนาดนั้นและมีเหตุการณ์ไหนน่าสนใจอีกบ้างครับ
ขอบพระคุณครับ