ตอนฟินแลนด์รบกับโซเวียต ฟินแลนด์ใช้เทคนิคอะไรแผลงๆบ้างครับ

เห็นในสารคดีบอกว่าฟินแลนด์เน้นการ hit and run คือโจมตีแล้วเผ่นแนบ
โดยมีสกีเป็นของคู่กายทหาร แล้ว sniper ของฟินแลนด์ต่อกรกับ sniper ของโซเวียตได้ยังไง
แถมอัตราการตายของฟินแลนด์ประมาณ 1800 ส่วนโซเวียตตายประมาณ 8000
พอรู้มาว่า sniper ฟินแลนด์ชื่อ Simo Hayha คือคนที่เขาว่าเป็น sniper ที่เก่งที่สุดในโลกอีกด้วย
รวมๆแล้วฟินแลนด์มีเทคนิคอะไรที่พิเศษที่ทำให้ฆ่าทหารโซเวียตได้ขนาดนั้นและมีเหตุการณ์ไหนน่าสนใจอีกบ้างครับ
ขอบพระคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
อาวุธลับกองทัพฟินแลนด์

["โมโลตอฟค็อกเทล" : อาวุธลับกองทัพฟินแลนด์ ]

.. แม้กองทัพโซเวียตจะมีจำนวนรถถังมากกว่าถึง 200 เท่า อีกทั้งยังมีกองกำลังทหารที่มากกว่าอีกหลายเท่าตัวของฝ่ายฟินแลนด์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธลับของฟินแลนด์ ที่รู้จักในชื่อ โมโลตอฟค็อกเทล

.. ฝ่ายรัสเซียยื่นข้อเสนอให้ฟินแลนด์ โดยขอให้ร่นเขตพรมแดนในแนวที่ติดกับรัสเซียไปเป็นระยะทาง 25 กม. และขอเช่าพื้นที่บริเวณคาบสมุทรฮันโก เพื่อใช้ทำฐานทัพเรือเป็นเวลา 30 ปี โดยรัสเซียจะยอมยกดินแดนบริเวณเมืองคารีไลอาซึ่งมีพื้นที่มากกว่าดินแดนที่ ขอให้ฟินแลนด์ถอยร่นไปถึง 2 เท่า

.. ข้อเสนอของโซเวียตหมือนจะน่าสนใจ แต่ฟินแลนด์เปรียบว่ารัสเซียจะเอาขี้ดิน 2 ปอนด์มาขอแลกกับทองคำ 1 ปอนด์ เมื่อขอกันดีๆไม่ยอมให้ก็ต้องใช้เล่ห์ รัสเซียยิงปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านชายแดนของตนเองแล้วกล่าวโทษว่าทหาร ฟินแลนด์เป็นคนยิง

.. โดยอาศัยเหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้าง โซเวียตได้เคลื่อนกำลังพล 630,000 นาย พร้อมเครื่องบินรบและรถถังหลายพันคันเข้าโจมตีฟินแลนด์ในเดือนพฤศจิกายน 1939 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "สงครามฤดูหนาว" (Winter War) หรืออีกชื่อว่า "การรบที่คอลล่า"

.. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 1939 กองทัพอากาศโซเวียตได้ส่งฝูงบิน 200 ลำ บุกเข้าทิ้งโคตรระเบิด RRAB-3 ระเบิดขนาดยาว 2.25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ซึ่งภายในบรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก 60 ลูกโจมตี 16 เมืองสำคัญๆทางตอนใต้ของฟินแลนด์

.. ระเบิด RRAB-3 ถูกออกแบบให้มีใบพักที่ส่วนหาง ซึ่งใบพัดนี้จะควงไปตามกระแสลมเมื่อระเบิดถูกทิ้งออกจากเครื่องบิน เมื่อมันหมุนครบจำนวนรอบที่ตั้งเอาไว้ฝาด้านข้างของลูกระเบิดจะเปิดออกปล่อย ระเบิดเพลิงลูกเล็กๆ 60 ลูกออกมาใส่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นการบีบบังคับให้ฟินแลนด์ยอมแพ้โดยเร็ว

.. ต่อมาหรัฐส่งสารถึงโซเวียต ประณามการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน แต่สมัยนั้นยังไม่มี CNN มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยืนยันได้ว่ารัสเซียทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนใน ฟินแลนด์จริง ส่วนทางด้านของ "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" (Vyacheslav Molotov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโซเวียต ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา

.. โดยเขาอ้างว่านานาประเทศเข้าใจผิด โซเวียตนั้นไม่ได้รุกรานฟินแลนด์ ในทางตรงกันข้ามโซเวียตนำเสบียงอาหารไปทิ้งให้กับประชาชนชาวฟินแลนด์ผู้หิว โหยต่างหาก ส่วนภาพถ่ายบ้านเรือนลุกเป็นไฟที่เห็นในข่าวนั้นเป็นภาพเก่าตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ใช่เกิดจากการโจมตีของกองทัพโซเวียตแต่อย่างใด

.. กองกำลังของฟินแลนด์มีเพียง 250,000 นาย แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคืออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นด้อยกว่ารัสเซียหลายร้อยเท่า ตัว รถถังหลายพันคันที่รุกคืบหน้าเข้ามาสามารถบดขยี้เมืองต่างๆให้ราบเป็นหน้า กลองได้ไม่ยาก แต่ยังโชคดีที่ชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับอาวุธหนักจากสงครามกลางเมือง ในสเปนที่ผ่านไปไม่กี่ปี

.. โดยชาวฟินแลนด์เรียนรู้การต่อสู้กับรถถังจากชัยชนะของกองทัพฟาสซิสต์ในครั้ง นั้น พวกเขาจึงนำวิธีเดียวกันนี้มาใช้ต่อสู้กับรถถังของโซเวียต โดยใช้ขวดใส่เหล้าทำระเบิดเพลิงรุ่นแรกๆ และตั้งชื่อว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" ซึ่งเป็นการล้อเลียนว่า "ตะกร้าอาหารของโมโลตอฟ" แต่หาก วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ เรียกโคตรระเบิด RRAB-3 ว่าเป็น "ตะกร้าอาหาร" ระเบิดเพลิงของชาวฟินแลนด์ก็คือ สุราที่ใช้กินร่วมกับอาหารของโมโลตอฟนั่นเอง (ฮาาเลย)

.. หลังจากที่โซเวียตแสดงทีท่าว่าจะรุกราน ฟินแลนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจทำการสั่งซื้ออาวุธต่อสู้รถถังจำนวนมากจากสวีเดน หากแต่การส่งมอบอาวุธจะทำได้หลังจากสั่งซื้อ 6 เดือน อีกทั้งขณะนี้รัสเซียได้ยึดเส้นทางขนส่งระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนเอาไว้แล้ว ส่วนปืนครกและระเบิดมือที่มีอยู่ไม่สามารถทำอันตรายต่อรถถังโซเวียตได้ ซึ่งฟินแลนด์จำเป็นต้องเร่งหาวิธีการอื่นในการหยุดยั้งกองทัพรถถังของ โซเวียตให้ได้

.. ร้อยเอก อีโร คุยติเนน ได้รับมอบหมายให้ค้นหากลยุทธ์ที่จะต่อสู้กับรถถัง และด้วยเวลาที่จำกัดบวกกับงบประมาณอันน้อยนิด อีโรเสนอแผนการใช้ระเบิดเพลิง โดยพิมพ์ใบปลิวอธิบายวิธีการผลิตระเบิดเพลิง ส่งกระจายไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วฟินแลนด์

.. ในใบปลิวดังกล่าวระบุวิธีการผลิตเป็นขั้นตอนตั้งแต่การเลือกใช้ขวดมีปริมาณ บรรจุมากพอจะสร้างความเสียหายให้กับรถถังในขณะที่มีขนาดเหมาะมือ วัตถุชนิดใดบ้างที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและจะต้องบรรจุใส่ขวด มาก-น้อยแค่ไหน เต็มขวดหรือครึ่งขวด จะใช้วัสดุชนิดใดทำชนวนและต้องมีความยาวเท่าไร หลังจากจุดชนวนแล้วผู้ใช้มีเวลาในการขว้างเข้าใส่รถถังภายในกี่นาที และคำแนะนำสุดท้ายคือตำแหน่งจุดอ่อนของรถถังโซเวียต

.. รถบรรทุกจำนวนมากถูกส่งไปศูนย์บัญชาการทหารในชายแดนฟินแลนด์ ภายในรถบรรทุกอัดแน่นไปด้วยลังไม้ที่ด้านบนพิมพ์คำว่า "TOP SECRET" ทหารหลายคนประหลาดใจเมื่อเปิดลังเหล่านั้นออกมาแล้วพบว่าภายในลังมีแต่เพียง ขวดบรรจุของเหลวมีเศษผ้าห้อยออกมาจากปากขวดเท่านั้น

.. จากการต่อสู้กับรถถังด้วยระเบิดในวันแรกพิสูจน์ได้ว่าโมโลตอฟค็อกเทล มีประสิทธิภาพสูงเกินกว่าที่คาดหมาย กองทัพประชาชนฟินแลนด์สามารถทำลายรถถังได้อย่างน้อย 40 คัน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถถังถูกทำลายอย่างง่ายดายก็เนื่องจากรถถังส่วนใหญ่ รุกคืบนำหน้าหน่วยทหารราบทำให้ไม่มีหน่วยคุ้มกันการลอบโจมตี ทหารฟินแลนด์สามารถเข้าใกล้ตัวรถถังจนถึงระยะที่จะขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่ ได้

.. อย่างไรก็ตามฟินแลนด์ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าประชาชนจะผลิตระเบิดเพลิงได้มาก พอที่จะทำลาย รถถังนับพันนับหมื่นคันที่กำลังรุกคืบหน้าเข้ามา อีกทั้งระเบิดเพลิงทำเองนั้นอาจทำอันตรายต่อตัวผู้ใช้และก่อนใช้งานจะต้อง ใช้ไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟจุดชนวน ผู้ใช้ต้องอยู่นิ่งๆชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ตกเป็นเป้ากระสุนได้โดยง่าย

.. ดังนั้นกองทัพฟินแลนด์จึงคิดค้นพัฒนาระเบิดเพลิงเพิ่มส่วนผสมทำให้ไวไฟมาก ขึ้น ยกเลิกการใช้ชนวนผ้าชุบน้ำมัน เปลี่ยนมาใช้ประกบด้านข้างขวดด้วยหลอดแก้วบรรจุกรดซัลฟูริคที่จะมีการทำ ปฏิกิริยาทันทีที่หลอดแก้วแตกหรือสัมผัสอากาศ

.. กองทัพฟินแลนด์ดัดแปลงโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ ซึ่งเป็นโรงงานกลั่นสุราผูกขาดแห่งเดียวในประเทศมาเป็นโรงงานผลิตโมโลตอ ฟค็อกเทล ด้วยกำลังคนงานหญิง 87 คน คนงานชาย 5 คน ซึ่งทางโรงงานกลั่นสุราอัลโก้ สามารถผลิตโมโลตอฟค็อกเทลได้มากกว่า 500,000 ขวด ส่งผลให้ทำลายรถถังโซเวียตได้มากกว่า 350 คัน ตลอด 113 วัน ในช่วงการรบในสงครามฤดูหนาว

.. โดย "โมโลตอฟค็อกเทล" เป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ทำให้กองทัพฟินแลนด์ สามารถเอาชนะกองทัพโซเวียต ที่มีกำลังพลมากกว่าหลายร้อยเท่าตัว ซึ่งผลจากจากชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทั่วโลกรู้จักพิษสงของอาวุธ ที่ทำขึ้นเอง

.. หลังจากโซเวียตแพ้ในสงครามฤดูหนาวประเทศมหาอำนาจได้มีการปรับปรุงพัฒนารถถัง ให้มีตัวถังหลายชั้น แต่ละชั้นใช้วัสดุที่แตกต่างกัน วัสดุที่ใช้ในห้องเครื่องยนต์ล้วนแต่มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าจุดติดไฟของน้ำมัน ดังนั้น เราจะไม่สามารถทำลายรถถังในปัจจุบันด้วยโมโลตอฟค็อกเทลได้

.. โดยชื่อโมโลตอฟค็อกเทลจึงไม่ใช่การยกย่อง "วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ" แต่อย่างใด ซึ่งทางตรงกันข้ามมันเป็นการประชดประชันการแถลงข่าวบิดเบือนของ วยาเชสเลฟ โมโลตอฟ ตั้งแต่สงครามฤดูหนาวเป็นต้นมา คนทั่วโลกก็จึงเรียกระเบิดเพลิงทำเองว่า "โมโลตอฟค็อกเทล" นั่นเอง..

ขอบคุณเพจ สงคราม ประวัติศาสตร์ เป็นอย่างมากครับ

<ภาพ> : "Molotov Cocktail " กับ "โคตรระเบิด RRAB-3"
- ที่มา : คอลัมน์ร้ายสาระ จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ สุดสัปดาห์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 204 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 24 เมษายน 2009 โดย ศิลป์ อิศเรศ .. ( www.mythland.org ) ..


=/แอดมินกอล์ฟ/=รีรัน9/3/2556


เขียนโดย โชติธรรม นามเอก


ภาพใน blog หาย
หามาเพิ่มเติมจาก net
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่