ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น ท้าวประหมันปาหยังเป็นใหญ่
จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น
ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน
จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา
มาเราจะเข้าบังคลคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา
จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้องกัน
ฯ๖คำฯ
สององค์ลงจากอาชา เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน
เสนาแวดล้อมแน่นนันต์ จรจรัสมาสมรภูมิชัย
ฯ๒คำฯเชิด
ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่
เราผู้น้องระตูผู้บรรลัย ตั้งใจจะมาเฝ้าบาทบงสุ์
ฯ๒คำฯ
บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง
พาระตูพี่น้องทั้งสององค์ มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์
ฯ๒คำฯเสมอ
วันทาทูลแถลงแจ้งคดี บัดนี้ท้าวปาหยังกับประหมัน
น้องระตูผู้ม้วยชีวัน มาบังคมคัลพระภูวไนย
ฯ๒คำฯ
เมื่อนั้น สองระตูตัวสั่นหวั่นไหว
ก้มกราบบาทมูลแล้วทูลไป ภูวไนยได้ทรงพระเมตตา
ข้าน้อยทั้งสองเป็นไพรี โทษผิดครั้งนี้หนักหนา
จงโปรดปรานประทานชีวา ไว้เป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์
ขอเอาพระเดชปกเกศเกล้า ตราบเท่าสิ้นชีวาสังขาร
ถึงปีจะมีบรรณาการ มาถวายตามบุราณประเพณี
ฯ๖คำฯเจรจา
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเรืองศรี
ฟังระตูสองราพาที ภูมีจึงตรัสตอบไป
ซึ่งท่านมาวอนง้อขอโทษ เราจะถือโกรธนั้นหาไม่
อันเชษฐานัดดาซึ่งบรรลัย เพราะใจโอหังกำลังพาล
ท่านจึงรับศพทั้งสองนั้น พากันกลับไปยังถิ่นฐาน
บูชาเพลิงปลงส่งสการ ให้พร้อมพงศ์วงศ์วานในธานี
ฯ๖คำฯ
ร่าย
ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร องอาจดังไกรสรสีห์
สองระตูตามเสร็จจรลี ไปที่วิหยาสะกำตาย
มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย
หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนับว่าชายโฉมยง
ทนต์แดงดังแสงทับทิม เพริศพริ้มเพรารับกับขนง
เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา
กระนี้หรือบิดาไม่พิศวาส จงพินาศด้วยโอรสา
แม้นว่าระตูจรกา งามเหมือนวิหยาสะกำนี้
จะมิได้ร้อนรนด้วยปนศักดิ์ น่ารักรูปทรงส่งศรี
ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาชี กลับไปยังที่พลับพลาพลัน
ฯ๑๐คำฯเชิด
เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์
กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ พิไรร่ำรำพันโศกา
ฯ๒คำฯโอด
โอ้
โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ พระเกียรติปรากฏในแหล่งหล้า
สงครามทุกครั้งแต่หลังมา ไม่เคยอัปราแก่ไพรี
ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ เบาจิตคิดประมาทไม่พอที่
เพราะรักบุตรสุดสวาทแสนทวี จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง
อนิจจาวิหยาสะกำเอ๋ย เวรสิ่งใดเลยแต่หนหลัง
เสียแรงเรืองฤทธีมีกำลัง มาวอดวายชีวังแต่ยังเยาว์
ตั้งแต่นี้ไปไม่เห็นหน้า กลับคืนพาราจะเงียบเหงา
สองกษัตริย์กำสรดซบเซา ให้ละห้อยสร้อยเศร้าวิญญาณ์ฯ
๘คำฯโอด
ช่วยแปลอีเหนาหน่อยค่ะ
จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น
ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน
จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา
มาเราจะเข้าบังคลคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา
จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้องกัน
ฯ๖คำฯ
สององค์ลงจากอาชา เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน
เสนาแวดล้อมแน่นนันต์ จรจรัสมาสมรภูมิชัย
ฯ๒คำฯเชิด
ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่
เราผู้น้องระตูผู้บรรลัย ตั้งใจจะมาเฝ้าบาทบงสุ์
ฯ๒คำฯ
บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง
พาระตูพี่น้องทั้งสององค์ มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์
ฯ๒คำฯเสมอ
วันทาทูลแถลงแจ้งคดี บัดนี้ท้าวปาหยังกับประหมัน
น้องระตูผู้ม้วยชีวัน มาบังคมคัลพระภูวไนย
ฯ๒คำฯ
เมื่อนั้น สองระตูตัวสั่นหวั่นไหว
ก้มกราบบาทมูลแล้วทูลไป ภูวไนยได้ทรงพระเมตตา
ข้าน้อยทั้งสองเป็นไพรี โทษผิดครั้งนี้หนักหนา
จงโปรดปรานประทานชีวา ไว้เป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์
ขอเอาพระเดชปกเกศเกล้า ตราบเท่าสิ้นชีวาสังขาร
ถึงปีจะมีบรรณาการ มาถวายตามบุราณประเพณี
ฯ๖คำฯเจรจา
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเรืองศรี
ฟังระตูสองราพาที ภูมีจึงตรัสตอบไป
ซึ่งท่านมาวอนง้อขอโทษ เราจะถือโกรธนั้นหาไม่
อันเชษฐานัดดาซึ่งบรรลัย เพราะใจโอหังกำลังพาล
ท่านจึงรับศพทั้งสองนั้น พากันกลับไปยังถิ่นฐาน
บูชาเพลิงปลงส่งสการ ให้พร้อมพงศ์วงศ์วานในธานี
ฯ๖คำฯ
ร่าย
ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร องอาจดังไกรสรสีห์
สองระตูตามเสร็จจรลี ไปที่วิหยาสะกำตาย
มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย
หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนับว่าชายโฉมยง
ทนต์แดงดังแสงทับทิม เพริศพริ้มเพรารับกับขนง
เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา
กระนี้หรือบิดาไม่พิศวาส จงพินาศด้วยโอรสา
แม้นว่าระตูจรกา งามเหมือนวิหยาสะกำนี้
จะมิได้ร้อนรนด้วยปนศักดิ์ น่ารักรูปทรงส่งศรี
ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาชี กลับไปยังที่พลับพลาพลัน
ฯ๑๐คำฯเชิด
เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์
กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ พิไรร่ำรำพันโศกา
ฯ๒คำฯโอด
โอ้
โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ พระเกียรติปรากฏในแหล่งหล้า
สงครามทุกครั้งแต่หลังมา ไม่เคยอัปราแก่ไพรี
ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ เบาจิตคิดประมาทไม่พอที่
เพราะรักบุตรสุดสวาทแสนทวี จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง
อนิจจาวิหยาสะกำเอ๋ย เวรสิ่งใดเลยแต่หนหลัง
เสียแรงเรืองฤทธีมีกำลัง มาวอดวายชีวังแต่ยังเยาว์
ตั้งแต่นี้ไปไม่เห็นหน้า กลับคืนพาราจะเงียบเหงา
สองกษัตริย์กำสรดซบเซา ให้ละห้อยสร้อยเศร้าวิญญาณ์ฯ
๘คำฯโอด