Burning : ความทุกข์ทำร้ายแค่ใจเรา แต่`ความว่างเปล่า´ทำลายจิตวิญญาณของเรา


#Burning  : มือเพลิง 🔥🔥🔥

เขียนไว้ใน fb ส่วนตัว แต่นำมาลงที่นี่ด้วย อยากคุยกับเพื่อนๆในพันทิปด้วยค่ะ 😊

💔 #ความทุกข์ทำร้ายแค่ใจเรา ..
       #แต่ความว่างเปล่าทำลายจิตวิญญาณของเรา 💔

💣💣 Spoiler alert !!!!💣💣

1.   ถ้าคิดว่ายังไงก็จะดู แต่ยังไม่ได้ดู -- ไม่ควรอ่าน (ดูแล้วค่อยมาอ่านดีกว่านะคะ 😉)
2.   ไม่คิดจะดู แต่.. --#ถ้ารู้สึก connect กับคำว่า "#ความว่างเปล่า" ที่เราพูดถึงข้างบน ไปดูเลยค่ะ! แล้วค่อยกลับมาอ่านนะ! (ดูแล้วมาคุยกันค่ะ 😘)
3.   ไม่คิดจะดู --และ #ไม่รุ้สึกอะไร  คิดถูกแล้วค่ะ ไม่ต้องดูค่ะ  😅😅กำเงินไปดู skyscraper หรือรอดู Tom Cruise ใน Mission Impossible ภาคใหม่ดีกว่าค่ะ อ้อ ! .. ไม่ต้องเสียเวลาอ่านค่ะ เลื่อนผ่านเลยจ้า 😅
4.  ไม่คิด ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ไปดูด้วย แต่อยากอ่าน!  😅😅 โอเคจ้า เอาที่สบายใจเลยจ้า

------ ----- ----- ----- ----- ----- ----

งูยยยย   .. #Burning คือดีมาก ชอบมาก งดงามและบาดลึก  หนังพาเราไปสัมผัสกับความว่างที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน .. ความว่างที่บางคนพยายามจะลืมและบางคนพยายามจะเติมเต็มมัน ..

ดีใจที่ตัดสินใจเลือกดู (จริงๆจะไปดูหนังอินเดีย 😄 แต่ไปไม่ทัน อ้อ .. FYI ใครจะไปดูหนังอินเดียในโรงโปรดจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะคะว่า #ฉายหนังตัวอย่างและโฆษณาแค่10นาที .. อย่าได้นึกว่าเข้าช้าได้เหมือนเมเจอร์โรงอื่นๆที่มีโฆษณา 20-25 นาทีเด็ดขาด!)

ทีแรกกลัวมากว่าจะดูไม่รู้เรื่อง ! 😂😂
ก็แหม่! .. ทั้งมูราคามิ ทั้ง อีชางดง มาผนึกกำลังร่วมกันซะขนาดนี้ กลัวว่าจะเมาความ abstract จนจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ 😅

แต่ตรงกันข้ามเลย โดยไม่ทันที่จะเข้าใจ message อะไรในหนัง อิชางดงก็สร้างมวลอะไรบางอย่างมากดทับอารมณ์ความรู้สึกทีละนิดๆอย่างไม่ทันรู้ตัวไปแล้ว
(ร้ายกาจมาก! -- นี่ชมจากใจเลยนะ)

เราดูหนังเรื่องนี้แบบ "ดู" มันไปเรื่อยๆจริงๆ เพราะภาพทุกอย่างมันมาแบบธรรมดามาก (แต่จริงๆแล้วมันคือ โคตรเทพ! ในการนำเสนอ มันต้องผ่านการคิดมาอย่างละเอียดจริงๆ ถึงทำได้ขนาดนี้ -- คารวะ)

ไม่พูดให้ฟังนะว่าเรื่องราวในหนังมันเป็นยังไง (อยากคุยกับคนที่ดูแล้วจริงๆ 😊 อยากให้มาระบายความรู้สึกด้วยกัน 💗)

#อิจงซู ขอชมก่อนเลยแสดงดีมาก! ไม่รู้จักเขามาก่อนเลย แต่เขาทำให้เราที่ไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยในตอนแรก แต่กลับถูกดึงดูดทีละนิดจนกลายเป็นเขา! คุณพระ! เรารู้สึกว่าเราคือ อิจงซู!!  ไม่รู้จะอธิบายยังไง ปกติเราจะแค่รู้สึกว่าเราเข้าใจตัวละครตัวนั้นตัวนี้นะ แต่ตอนดูเรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเรากลายเป็นอิจงซูไปชั่วขณะ2ชั่วโมงกว่าๆ (ต้องชมอิชางดงผู้กำกับด้วย 😎)

ในความเอื่อยเฉื่อยของจงซู คนที่อยู่ด้านตรงข้ามกับเขาแบบพวกคนที่ต้องทำอะไรอย่างมีเป้าหมายตลอดเวลา ต้องสำเร็จ ต้องร่ำรวย คงจะดูถูกดูแคลนคนอย่างเขาน่าดู แต่เรากลับยอมรับตัวเขาอย่างที่เป็นได้นะ ไม่เห็นต้องทะเยอทะยานอะไรถ้าเราพอใจที่เป็นตัวเรา มีชีวิตเรียบๆง่ายๆโดยที่ไม่ได้ทำร้ายใคร

จงซูเป็นคนไม่ซับซ้อนเลย พูดน้อย อยู่ในวงสนทนา ก็ไม่เคยต้องการเป็นจุดสนใจใดๆ ถ้าไม่มีใครคุยกับเขา เขาก็สามารถนั่งเงียบๆเฝ้าดูทุกคนไปเรื่อยๆได้ แต่ใครพูดอะไรไว้กับเขา เขาจำได้หมด ใส่ใจทุกคำที่ได้ฟัง

เท่าที่เห็นจากบนจอ เขาไม่เคยจะพยายามกลมกลืนไปกับสังคมเลย ไม่อยากอยู่ตรงไหนก็ไม่อยู่ อยากเดินออกจากศาลที่กำลังพิจารณาคดีพ่อตัวเองก็เดินออกมา ขณะรอคิวสัมภาษณ์งาน หัวหน้างานพูดบางอย่างที่เขารู้สึกไม่ใช่ ก็เดินออกมาเฉยๆ

#แฮมี หญิงสาวที่น่าสงสาร เธอบอกว่าบางทีเธอก็ .. `อยากหายตัวไปเฉยๆเหมือนไม่เคยมีตัวตนบนโลกนี้´ เรารู้สึก `เชื่อมโยง´ กับเธอเพราะประโยคนี้เลย 😢😢

แฮมีกับจงซูมีอะไรที่เหมือนกันตรงที่ทั้งคู่ `แปลกแยก´ ต่อสังคม ความต่างก็คือ แฮมี นั้น #พยายามมากกว่า ที่จะหาวิธีปรับตัวและอยู่บนโลกนี้ให้ได้ในแบบที่เป็นตัวเธอ

เธอไปเรียนละครใบ้ เพื่อเรีบนรู้วิธีที่จะมีความสุขกับ #ความไม่มี ในชีวิตของตัวเองให้ได้ โดยไม่ต้องแกล้งทำเป็นมี (เหมือนคนทั่วไปในสังคม ที่พยายามปรุงแต่งแสร้งมีแสร้งเป็น) แต่ด้วยวิธี #ลืมซะว่ามันไม่มี .. (ทำไมเขียนถึงตรงนี้แล้วต้องอยากร้องไห้ 😢😢😢) ตรงนี้เราว่ามันโคตรคมเลย

เธอตอบรับต่อมิตรภาพจากเบน  ด้วยคิดว่าเธอกับเขามีจิตวิญญาณเสรีเหมือนกัน เพราะเธอกับเขาได้มาเจอกันในดินแดนที่น้อยคนจะฝันอยากไปอย่างอาฟริกา  มันต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่างสิ เธอคงคิดอย่างนั้น ในขณะที่เธอไปที่นั่นด้วยความปรารถนาอย่างจริงแท้ที่จะตามหาความหมายของชีวิต  แต่สำหรับเขาคือ ความสนุก คือการล่าเหยื่ิอ คือแผนการณ์ที่วางไว้แล้ว 😢😢😢😢

#เบน ใครว่าคนรวยจะแปลกแยกไม่ได้ เบนนี่แหละตัวแทนความแปลกแยกในแบบของคนที่มีพรั่งพร้อมทุกอย่าง มีมากเสียจนคนทั่วไปคงคิดไม่ออกว่ามันจะมีความทุกข์อะไรในชีวิตของคนแบบนี้

ความ #มี ของเบนมันกลายเป็นความธรรมดาสามัญของเขา เบนไม่เคยรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันอะไรกับสิ่งที่ตัวเองมี  ก็เกิดมาเขาก็มีทุกอย่างแล้วจะให้เขารู้สึกอะไรได้! นอกจากเห็นว่ามันโคตรจะธรรมดา

ขอนอกเรื่องนิดนึง คือไม่รู้มาก่อนว่า Steven Yeun เล่นเรื่องนี้ด้วย แว่บแรกที่เห็นเบน เกือบกรี๊ดเสียงดังออกมา กรี๊ด ~ นี่มัน Glenn จาก the walking dead 😍 Glenn นี่แหละที่ทำให้เราตามดู twd พอถึง season นั้น ฉากนั้น เราก็เลิกดูไปเลย 😭😭 (ใครที่ดูคงรู้ว่าเราพูดเรื่องอะไร)

ต้องบอกว่า #เบน นี่มาพร้อมกับออร่าและท่าทางแบบคนรวยจัดๆตัวจริง ใครมีเพื่อนรวยระดับนี้คงเห็นด้วยกับเรา พวกรวยแบบ natural born จะมีท่าทางธรรมดามาก มีความธรรมชาติของคนรวย (อธิบายไม่ถูก 😅)ต่างกับพวกอวดรวย อันนี้จะรู้สึกถึงการ present รวย มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่คน 😅😅

วิถีชีวิตของเบนทำให้เรานึกไปถึงหนังเรื่อง American psycho สองคนนี่มีอะไรคล้ายๆกันในความคิดเรา `เป็นคนรวยที่ว่างเปล่า´  ในขณะที่ในเรื่องนั้น ตัวละคร แพทริคถูกนำเสนอด้วยภาพ > 'คนรวยโรคจิต' แต่อิชางดงซับซ้อนกว่านั้น เขาทำให้เบนมีความน่าสนใจกว่าในเหตุผลของการแสวงหาความหมายบางอย่างให้กับชีวิต

เบนชอบเปรียบเปรย (Metaphor) เขามีคำพูดคมๆอย่าง `ถ้าไม่มีน้ำตาก็ไม่มีหลักฐานของความเศร้า´ แต่ที่น่าขนลุกเมื่อมาคิดตาม ก็คือ การเปรียบเปรยที่เขาบอกว่า ...

เบนบอกว่าเขาชอบทำอาหารแล้วกินเอง มันเหมือนการบรรณาการต่อพระเจ้า และเขาก็จะเป็นผู้กินเข้าไปเอง (เขานี่แหละพระเจ้า!)

เขาบอกว่ามีงานอดิเรก คือ ชอบออกไปเสาะหาเรือนเพาะชำที่สกปรกรกร้างไม่มีใครต้องการ แล้วแอบวางเพลิงเผาทำลายมันซะ  เขาใช้ metaphor โหดอีกแล้ว 😂 😂

เรือนเพาะชำอันเป็นแหล่งให้กำเนิดต้นอ่อนจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ เปรียบได้กับเพศหญิงในฐานะผู้ให้กำเนิด  เรือนเพาะชำที่โสโครกรกร้าง ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกผู้หญิงที่ดูไร้ค่าไม่น่าเก็บไว้ทำพันธุ์ สมควรจะโดนกำจัดทิ้ง! (เพื่อสนองความเป็นพระเจ้าในตัวเขา!)

ทั้ง 3 คน ดึงดูดกันด้วยด้านที่แปลกแยก ..

#ความทุกข์ ตามความหมายทั่วไปของสังคม  อาทิ ความทุกข์เรื่องเศรษฐกิจ ต้องดิ้นรนทำงานเก็บเงินสร้างฐานะ ต้องมีบ้าน มีรถ ต้องร่ำรวย ทุกข์จากปัญหาความสัมพันธ์ ต้องมีคนรัก มีครอบครัว ต้องมีคนดูแลใส่ใจ  ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ พวกเขาข้ามพ้นมันไปนานแล้วด้วยวิถีบางอย่างของตัวเอง

ทั้ง 3 คนใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว แปลกแยก โดดเดี่ยวไม่ผูกพันกับใคร `#ตัดขาด´ จากปัญหาความสัมพันธ์´  เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ก็ไม่เป็นปัญหา เบนรวย จงซูไม่สนใจความรวย  แฮมีอยู่โดยพยายามลืมความไม่มีของตัวเอง  ..  อ้าว!  แล้วจะมีอะไรที่แย่ไปกว่าความทุกข์เหล่านี้อีก ..

คำตอบคือ 💔 #ความรู้สึกว่างเปล่า 💔 ไงคะ
😭😭😭😭😭

ความทุกข์ทำร้ายเราได้แค่ระดับของจิตใจ แค่เป็น  "คนไร้ใจ"  ไม่เอาใจไปผูกไว้กับสิ่งใด เราก็พ้นไปจากความทุกข์ได้แล้ว คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้!

แต่เมื่อใดที่คุณ `#ไร้ใจ´ พยายามที่จะ `#ตัดขาด´ ตัวเองไม่ผูกพันกับอะไร เพราะไม่ต้องการที่จะรู้สึกทุกข์  เมื่อนั้น .. คุณจะเจอนรกที่กัดกินคุณยิ่งกว่า ..

มันคือ  #ความรู้สึกว่างเปล่า  มันเหมือนกับหลุมดำที่กลืนกินจิตวิญญาณของเราในทุกเมื่อเชื่อวัน มันยิ่งกว่าอยู่ในห้วงทุกข์ แต่หลายคนกลับไม่รุ้ตัวว่ากำลังโดนกลืนกินอยู่  

มันคือ ภาวะที่ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีกแล้ว #ความด้านชามันมาพร้อมความว่างเปล่า ทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย ...#ไม่สามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับใครหรือสิ่งใดได้ ไม่มีอะไรหรือใครบนโลกนี้มีความหมายให้รู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต  

ทุกขณะ .. ที่ชีวิตเติบโตขึ้น แต่จิตวิญญาณภายในกลับค่อยๆแห้งแล้ง และตายลงอย่างช้าๆ  แล้วชีวิตจะมีความหมายอันใดเล่าถ้าข้างในมันตายไปแล้ว  😭😭😭😭

การ `หาว´ ของเบน represent ความ `ว่างเปล่า´ ที่มีอยู่ข้างในตัวเขาได้อย่างชัดเจน

หนึ่งในฉากที่เราชอบที่สุดในเรื่องนี้คือ ฉากที่ทั้งสามคนนั่งมองพระอาทิตย์ค่อยๆลับแสงไปตรงหน้า ..  อิชางดงอัจฉริยะจริงๆกับฉากนี้

ในความเงียบ ขณะที่จ้องมอง ชั่วขณะหนึ่ง เราสัมผัสได้ถึง #ความรู้สึกเชื่อมโยง ความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง กับโลก กับบรรยาากาศ กับความมีตัวตนและไร้ตัวตนที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

ภาพมันติดตามาก การแช่กล้องเพื่อให้เห็นแสงที่ค่อยๆมืดลง ใบไม้ที่ไหวน้อยๆ  การร่ายรำของแฮมี ความรู้สึกอยากปลดเปลื้องทุกอย่าง ความรู้สึกเสรีที่ไม่มีสิ่งใดให้พะวง  การอยู่กับชั่วขณะอันศักดิ์สิทธิ์ here & Now

ช็อตแช่กล้อง ที่นั่งกัน 3 คน ตามองภาพอาทิตย์ตกเบื้องหน้า แต่เราคนดูก็ได้เห็นภาพเดียวกับตัวละครผ่านภาพสะท้อนในกระจกพร้อมกันไปด้วย ช็อตเดียวเชื่อมโยงทุกคนไม่เว้นคนดูให้อยู่กับประสบการณ์เดียวกัน!  อัจฉริยะเท่านั้นที่คิดและทำออกมาได้!

#แฮมี `พยายาม´เติมความว่างเปล่าในใจด้วยการออกไปท่องโลก ค้นหา `ความหมาย´ ที่ลึกซึ้งของชีวิตผ่านการเดินทาง เฝ้ามองหาพื้นที่บริสุทธิ์ที่จะสามารถเชื่อมโยงจิตวิญญาณที่แปลกแยกของเธอกับโลกใบนี้

#เบน พยายามเติมเต็มความว่างด้วยการ `สร้างความหมาย´ บางอย่างให้กับตัวเอง โดยการเล่นบท `#พระเจ้า´ เขาพูดเรื่องการเผาทำลายสิ่งไร้ค่า พุดเรื่อง `สถานะการเป็น´ การอยู่ในสองที่สองสถานะในเวลาเดียวกัน พูดเรื่องการทำผิดกฏหมาย (ไม่พูดเปล่าชวนพี้กัญชาไปด้วย 😅 ) เขาบอกจงซูว่า ลองหา `การกระทำบางอย่าง´สิ ที่จะสามารถกระตุ้น`ข้างใน´ ให้รุ้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ด้วยกัญชา หรือ ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติตรงหน้าก็ไม่กล้าฟันธง แต่คนที่ใช้การกดเก็บ ทำตัวด้านชากับทุกอย่างในชีวิตอย่าง #จงซู  เริ่มสัมผัสได้ถึงความหมายของ `การเชื่อมโยง´ แล้ว  เขารู้ตัวว่า `#รักแฮมี´ นั่นคือ `#ความมีชีวิตชีวา´ที่กำลังเกิดขึ้นในใจ ..

หลังจากฉากนั้น  การ #เผาไหม้ ตามชื่อเรื่องก็ตามมา 😅 เราได้เห็นการก่อเกิดของทุกอย่างที่ค่อยๆกลายเป็นเชื้อเพลิง สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิความเร่าร้อนในใจ `ความห่วงใย´ ที่เกิดขึ้นเมื่อเรา `#รัก´ และ `#เชื่อมโยง´ กับใครสักคนขึ้นมา  เมื่อจงซูรักแฮมี  เขาไม่สามารถจะ `#นิ่งและด้านชา´ อย่างที่เคยเป็นมาตลอดชีวิตได้แล้ว  เปลวเพลิงในตอนสุดท้าย ยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี ...

หนังเต็มไปด้วยสัญญะอีกมากมาย  ภาพความจน /ความรวยที่คอนทราสกันอย่างแรง คอนโดหรูของเบน ในย่านกังนัม  ห้องเช่ารูหนูของแฮมี วิถีชนบทของจงซูที่บ้านนอก รถ porche ของเบน รถกะบะเก่าๆของจงซู โทรศัพท์ปริศนา แมวล่องหน ลำแสงในห้องแฮมี ปาร์ตี้ที่ว่างเปล่า แม่ที่ไม่เจอลูกเป็นสิบปีแต่เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์  เสียงวิทยุปลุกใจจากฝั่งเกาหลีเหนือ ฯลฯ

เอาจริงนะ รายละเอียดที่อิชางดงใส่ไว้นี่มัน #โคตรละเอียด ถ้าปลายสัปดาห์หนังยังไม่โดนถอดไปซะก่อน เราก็ตั้งใจว่าจะไปดูซ้ำอีกสักรอบ

ด้วยรักและคารวะ
25 July 2018
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่