มีข้อสงสัยในเรื่องของ พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดช ที่ประสบพบ "โสมเฝ้าทรัพย์" วัดกุฎีดาว ครับ?
ผมได้อ่าน นวนิยาย เรื่อง พิษสวาท จากปลายปากกาของ ทมยันตี เลยได้พบกับวลีหนึ่งที่ตัวละครเสวนากันในเรื่อง โดยประโยคดังกล่าวได้เอ่ยถึง "พระองค์เจ้าพีระฯ" ที่ขอสัมปทานไปขุดกรุสมบัติวัดกุฎีดาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนได้พบกับ "โสมเฝ้าทรัพย์" ที่นั่น
ทั้งนี้ผมเลยได้สืบเสาะหาประวัติความเป็นมาของเรื่องดังกล่าวว่ามีเขามูลความจริงมากน้อยเพียงใดจนได้พบกับกระทู้หนึ่งในพันทิปที่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ
ทั้งนี้นั้น ผมเลยได้ศึกษาเรื่องราวจากกระทู้นั้นจนทราบถึงประวัติความเป็นมาของเรื่องนี้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จนได้ข้อสรุปของเรื่องประมาณว่า
*พระองค์เจ้าพีระ กับสหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้ขอสัมปทานไปขุดกรุสมบัติวัดกุฎีดาว ทั้งนี้นั้นด้วยความที่พระองค์ไม่เชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ พระองค์ และคณะ ์จึงไม่ได้มีการเซ่นวักตั๊กแตนใดๆ ทั้งสิ้น...
โดยพระองค์ได้ทรงซื้อเครื่องตรวจโลหะที่ทันสมัยสุดๆ ในเวลานั้นมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการตรวจสอบว่าพิกัดใดบ้างที่มีสมบัติฝังอยู่ใต้ดิน...
แต่กระนั้นในการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจโลหะ ถึงจะสามารถค้นหาได้ว่าพิกัดใดมีสมบัติอยู่ใต้ดินบ้างก็ตามที แต่พอขุดลงไปแล้วก็ไม่ปรากฏพบโลหะใดๆ ใต้พื้นดินตามที่เครื่องบอกเลย!
เมื่อเป็นอยู่แบบนี้ประมาณ 5-6 ครั้ง พระองค์จึงได้ตั้งต้นใหม่ นั่นก็คือการบวงสรวงเซ่นวักตั๊กแตนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตามคติความเชื่อ ที่พระองค์และคณะมองว่างมงาย และนั่นก็ทำให้การขุดสมบัติดำเนินต่อไปด้วยดีได้...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งไม่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นมาอีก! เพราะหลังจากที่พระองค์ได้พบกับสมบัติที่ฝังอยู่ใต้ดินจริงๆ แล้ว ครั้นพระองค์จะดำเนินลงไปตรวจสอบสิ่งที่ขุดพบได้ด้วยตัวพระองค์เอง (ทรงดำเนินลงไปเพียงพระองค์เดียว) พระองค์ก็ได้ประสบพบอทิสมานกายเพศชายร่างสูงประมาณ 2 เมตรยืนเท้าเอวชี้พระพักตร์อยู่ พร้อมบอกกับพระองค์ว่า "วางลงเถอะไม่ใช่ของตนอย่าได้ริอาจเอาไป" ก่อนที่อทิสมานกายตนนั้นจะหายไปพร้อมกับสมบัติที่กองอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์พระองค์!
อนึ่ง ผมจึงมีข้อสงสัยจะมาถามผู้เชี่ยวชาญในทางด้านวิญญาณศาสตร์ ถึงเรื่องนี้ หนึ่งคำถามครับ
ผมอยากจะทราบว่า โสมเฝ้าทรัพย์ตนนั้นมีเหตุผลอันใด ถึงไม่ยินยอมให้พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช นำสมบัติที่พระองค์ขุดได้ไป ทั้งที่พระองค์ก็ไม่ได้นำไปใช้ทำสิ่งมิดี ทั้งยังเป็นสมบัติที่พระองค์ควรจะได้อีกด้วย?
ถ้าท่านทั้งหลายจะให้เหตุผลกับผมว่า เป็นเพราะสมบัติเหล่านั้นมิใช่ของพระองค์ ผมขอค้านครับ!
เพราะผมมองว่า "สมบัติแห่งแผ่นดินเป็นทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์" และพระองค์เองก็เป็นลูกหลานพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้นสมบัติเหล่านั้นก็ควรเป็นสิทธิ์ของพระองค์ด้วยมิใช่หรือครับ?
ทั้งที่พระองค์เป็นผู้พบ อีกทั้งยังเป็นพระบรมวงศานุวงศ์อีกด้วย พระองค์ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้สมบัติเหล่านั้นไปโดยชอบ แต่ทำไมโสมเฝ้าทรัพย์ถึงมิยิ่งยอมครับ มีเหตุผลอะไรที่สมเหตุควรหรอครับ?
ปล. ประวัติที่ผมนำมาเล่านี้ ยังมีต่ออีกครับ ผมอาจจะจารไนไม่หมด ดังนั้น ผมขอถามเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ส่วนประวัติหรือเรื่องที่นำมาเล่า ผมจะจารไนให้ฟังทีหลัง
หมายเหตุ: เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณต่อกระทู้ครับ แย้งได้ "ห้ามด่า และห้ามใช้คำดูถูกหมื่นต่อความเชื่อ โดยเฉพาะคำว่า งมงาย" หากใครใช้คำที่ไม่ควร อาจจะนำมาซึ่งผลทางกฎหมายนะครับ
ขอบคุณมากครับ.
มีข้อสงสัยในเรื่องของ พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดช ที่ประสบพบ "โสมเฝ้าทรัพย์" วัดกุฎีดาว ครับ?
ผมได้อ่าน นวนิยาย เรื่อง พิษสวาท จากปลายปากกาของ ทมยันตี เลยได้พบกับวลีหนึ่งที่ตัวละครเสวนากันในเรื่อง โดยประโยคดังกล่าวได้เอ่ยถึง "พระองค์เจ้าพีระฯ" ที่ขอสัมปทานไปขุดกรุสมบัติวัดกุฎีดาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนได้พบกับ "โสมเฝ้าทรัพย์" ที่นั่น
ทั้งนี้ผมเลยได้สืบเสาะหาประวัติความเป็นมาของเรื่องดังกล่าวว่ามีเขามูลความจริงมากน้อยเพียงใดจนได้พบกับกระทู้หนึ่งในพันทิปที่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ
ทั้งนี้นั้น ผมเลยได้ศึกษาเรื่องราวจากกระทู้นั้นจนทราบถึงประวัติความเป็นมาของเรื่องนี้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จนได้ข้อสรุปของเรื่องประมาณว่า
*พระองค์เจ้าพีระ กับสหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้ขอสัมปทานไปขุดกรุสมบัติวัดกุฎีดาว ทั้งนี้นั้นด้วยความที่พระองค์ไม่เชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ พระองค์ และคณะ ์จึงไม่ได้มีการเซ่นวักตั๊กแตนใดๆ ทั้งสิ้น...
โดยพระองค์ได้ทรงซื้อเครื่องตรวจโลหะที่ทันสมัยสุดๆ ในเวลานั้นมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการตรวจสอบว่าพิกัดใดบ้างที่มีสมบัติฝังอยู่ใต้ดิน...
แต่กระนั้นในการตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจโลหะ ถึงจะสามารถค้นหาได้ว่าพิกัดใดมีสมบัติอยู่ใต้ดินบ้างก็ตามที แต่พอขุดลงไปแล้วก็ไม่ปรากฏพบโลหะใดๆ ใต้พื้นดินตามที่เครื่องบอกเลย!
เมื่อเป็นอยู่แบบนี้ประมาณ 5-6 ครั้ง พระองค์จึงได้ตั้งต้นใหม่ นั่นก็คือการบวงสรวงเซ่นวักตั๊กแตนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตามคติความเชื่อ ที่พระองค์และคณะมองว่างมงาย และนั่นก็ทำให้การขุดสมบัติดำเนินต่อไปด้วยดีได้...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งไม่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นมาอีก! เพราะหลังจากที่พระองค์ได้พบกับสมบัติที่ฝังอยู่ใต้ดินจริงๆ แล้ว ครั้นพระองค์จะดำเนินลงไปตรวจสอบสิ่งที่ขุดพบได้ด้วยตัวพระองค์เอง (ทรงดำเนินลงไปเพียงพระองค์เดียว) พระองค์ก็ได้ประสบพบอทิสมานกายเพศชายร่างสูงประมาณ 2 เมตรยืนเท้าเอวชี้พระพักตร์อยู่ พร้อมบอกกับพระองค์ว่า "วางลงเถอะไม่ใช่ของตนอย่าได้ริอาจเอาไป" ก่อนที่อทิสมานกายตนนั้นจะหายไปพร้อมกับสมบัติที่กองอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์พระองค์!
อนึ่ง ผมจึงมีข้อสงสัยจะมาถามผู้เชี่ยวชาญในทางด้านวิญญาณศาสตร์ ถึงเรื่องนี้ หนึ่งคำถามครับ
ผมอยากจะทราบว่า โสมเฝ้าทรัพย์ตนนั้นมีเหตุผลอันใด ถึงไม่ยินยอมให้พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช นำสมบัติที่พระองค์ขุดได้ไป ทั้งที่พระองค์ก็ไม่ได้นำไปใช้ทำสิ่งมิดี ทั้งยังเป็นสมบัติที่พระองค์ควรจะได้อีกด้วย?
ถ้าท่านทั้งหลายจะให้เหตุผลกับผมว่า เป็นเพราะสมบัติเหล่านั้นมิใช่ของพระองค์ ผมขอค้านครับ!
เพราะผมมองว่า "สมบัติแห่งแผ่นดินเป็นทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์" และพระองค์เองก็เป็นลูกหลานพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้นสมบัติเหล่านั้นก็ควรเป็นสิทธิ์ของพระองค์ด้วยมิใช่หรือครับ?
ทั้งที่พระองค์เป็นผู้พบ อีกทั้งยังเป็นพระบรมวงศานุวงศ์อีกด้วย พระองค์ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้สมบัติเหล่านั้นไปโดยชอบ แต่ทำไมโสมเฝ้าทรัพย์ถึงมิยิ่งยอมครับ มีเหตุผลอะไรที่สมเหตุควรหรอครับ?
ปล. ประวัติที่ผมนำมาเล่านี้ ยังมีต่ออีกครับ ผมอาจจะจารไนไม่หมด ดังนั้น ผมขอถามเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ส่วนประวัติหรือเรื่องที่นำมาเล่า ผมจะจารไนให้ฟังทีหลัง
หมายเหตุ: เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณต่อกระทู้ครับ แย้งได้ "ห้ามด่า และห้ามใช้คำดูถูกหมื่นต่อความเชื่อ โดยเฉพาะคำว่า งมงาย" หากใครใช้คำที่ไม่ควร อาจจะนำมาซึ่งผลทางกฎหมายนะครับ
ขอบคุณมากครับ.