สวัสดีครับ
(ข้อมูลหลายอย่างอาจจะมีเพื่อนๆ ทำการแนะนำหรือแบ่งปันไว้แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะทำซ้ำครับ แต่คือการมาเพิ่มความมั่นใจ
หลังจากที่เพิ่งเดินทางกลับมาสัปดาห์ก่อน :: กค. 2561, 2018)
กระทู้นี้มีภาคต่อนะครับ Part II
https://ppantip.com/topic/37893928 หากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ครับ
เงินรูเบิล แปลงเป็นไทยแบบง่ายๆ คือ หารสองครับ เช่น 700 รูเบิล คือ 350 บาทไทย (กค 2561, 2018)
รัสเซีย Russia (Россия)
กระทู้นี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวใดๆ นะครับ แต่เป็นเรื่องภาพรวมก่อนที่เราจะได้เริ่มเที่ยวล้วนๆ
ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่เราคนไทยจะกังวลกันมากและ ให้ความรู้สึกยุ่งยากจนไม่อยากจะไปมันซะเลย ก็คือ
เรื่องวีซ่า และ กฏระเบียบต่างๆ เช่นไปถึงแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองนั้นๆ สามวันขึ้นไป ต้องลงทะเบียนกับตำรวจ บลาๆ ว่าไป
ฟังดูน่ากลัวและยุ่งยาก สำหรับคนที่เพิ่งจะเตรียมตัวไปครั้งแรก... ใช่ครับ ผมก็เป็นแบบนั้น
ใครก็ตามที่ได้ลองหาข้อมูลวีซ่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนเข้าเมือง หรือเรื่อง Registration ที่ต้องทำกับโรงแรม .... หยุดความกังวล
ไว้ตรงนี้ แล้วค่อยๆ อ่านตามไปครับ สบายใจได้
สิ่งแรกเลยที่จะมายืนยันตรงนี้ คือ คนไทยทั่วไปสามารถเข้ารัสเซียได้ 30 วันนะครับ ไม่ต้องมีวีซ่า :: 2561, 2018
ลิงค์ที่ให้ดูรายละเอียด ตามนี้เลยครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Visa_policy_of_Russia
จากรูปภาพจะเห็นว่า เราเป็นประเทศแค่ไม่กี่ประเทศในโลก ที่ได้รับสิทธินี้ และจะเห็นว่า ประเทศทางแถมอเมริกาใต้ทั้งทวีป ก็ได้สิทธินี้เช่นกัน
จึงไม่ต้องแปลกใจครับว่า ฟุตบอลโลกที่ผ่านมา แมชต์การเตะของ อาเจนติน่า โคลอมเบีย บราซิล อุรุกวัย เปรู กองเชียร์แทบเต็มสนาม
กลับกันประเทศทางฝั่งยุโรปตะวันตกเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน มีน้อยกว่ามาก ที่เข้าไปได้ช่วงบอลโลก ก็เพราะมี Fan ID สำหรับคนซื้อตั๋วชมฟุตบอลที่ถือเป็นวีซ่าพิเศษ เฉพาะช่วงบอลโลกจนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น ปกติประเทศเหล่านี้ จะเข้ารัสเซียต้องใช้วีซ่าครับ
และการขอก็ยุ่งยากมากๆ
มาเข้าเรื่องเราต่อครับ หลังจากมั่นใจแล้ว เราเข้าได้ 30 วัน ปัญหาหนักใจต่อมาคือ ไอ้ตอนที่เราจะเข้าเมืองนี่แหละครับ ที่หลายๆ ท่านเจอกันมา
คือ เจ้าหน้าที่ตรง immigration มักจะขอดูวีซ่า หลังจากที่เอาพาสปอร์ทเราไปเปิดดู ตรงนี้มีข้อแนะนำครับ
1) อย่าไปตกใจหรือใจฝ่อ เวลาเจอหน้าตาเจ้าหน้าที่ไม่รับแขกครับ เค้าเป็นของเค้าแบบนั้น รัสเซียศัตรูเยอะครับ ไม่ต่างอะไรกับอเมริกา เจ้าหน้าที่
ที่เหมือนเป็นคนเฝ้าประตูบ้าน ก็ต้องขู่กันไว้ก่อน คิดในแง่ดีครับ
2) ประเทศส่วนมากในโลกใบนี้ ต้องใช้วีซ่าที่จะเข้ารัสเซียครับ ดังที่เราเห็นในแผนที่ตามลิงค์ไปแล้ว วันๆ หนึ่ง เจ้าหน้าที่จะต้องพบเจอกับนักท่องเที่ยวส่วนมากนั่นเอง เป็นพันเป็นหมื่นคน และก็จะต้องขอดูวีซ่า โดยไม่ได้ดูหรอกครับว่า ที่ถืออยู่เป็นพาสปอร์ทของประเทศอะไร
3) เวลาโดนถามขอดูวีซ่า ให้เราตอบไปแบบมั่นใจครับ We From Thailand, 30 days, OK? ... อย่าไปใช้ภาษาแบบกังวลเรื่อง Tenses หรือหลักไวยกรณ์
มากมายครับ มันจะยิ่งทำให้เราตะกุกตะกัก และ อีกฝั่งภาษาเค้าก็ไม่ได้เป็นภาษาแม่เหมือนกันครับ พูดถูกหลักมากไป บางทีเค้าเองก็ฟังไม่รู้เรื่องครับ
4) บางกรณี เรื่องไม่จบ หลังจากที่เรายืนยันไปแล้ว ว่าได้ 30 วัน เจ้าหน้าที่ก็ยังจะขอวีซ่า ให้เรานิ่งไว้ครับ ยังไงก็ได้เข้าแน่ ยืนยันไปเหมือนเดิม
Yeh ๆ 30 Days ๆ Thailand ๆ ทำหน้าตามั่นใจและเป็นมิตรครับ ชูนิ้วโป้งด้วยก็ได้ ภาษากายสำคัญนะครับ 55
5) สำหรับเคสที่เลวร้ายที่สุด ที่เป็นไปได้คือ โดนกักตัวไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลก่อน แต่ครับ สุดท้าย ก็ได้เข้าอยู่ดี
สบายใจกันนะครับ
ในหลายๆ เคส คนไทยก็ผ่านเข้าไปได้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ขอดูวีซ่าแล้วไม่มี และไม่ให้เข้า แต่เรายืนยันไปแบบมั่นใจว่า เราได้ 30 วันนะเออ
เจ้าหน้าที่กลับใจ และหันมาบอกว่า โอเค ได้ๆ ....... มีเยอะนะครับ เคสแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เข้าแบบ งงๆ อย่างนี้ก็ได้เหรอ ประมาณนั้นเลย ^^
หลังจากที่เราผ่าน ตม. หรือ immigration มาแล้ว เราจะได้ ใบเข้าเมืองเล็กๆ มาอันหนึ่ง ให้เก็บไว้อย่างดีนะครับ เพราะตอนออก ต้องยื่นคืนให้เค้า ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่จะเป็นใบเล็กๆ สีขาว เล็กกว่าหน้าพาสปอร์ทเรา แนะนำให้ก่อนเดินทางหาคลิปหนีบกระดาษแนบติดพาสปอร์ทไปด้วย เอาไว้ไปใช้หนีบเจ้าใบนี้นี่แหละครับ เวลาเปิดปิด พาสปอร์ท ตอนแลกเงิน หรือ check-in โรงแรม จะได้ไม่หลุดครับ
ส่วนเรื่อง Registration กับทางที่พัก ไม่ต้องกังวล ว่าเราจะวุ่นวาย เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ "หน้าที่" ของเจ้าบ้านนะครับ ไม่ใช่เรา โรงแรมที่เป็นโรงแรม หรือ Hostel ที่จดทะเบียนทางการ ก่อนเข้าพัก เค้าจะขอพาสปอร์ทเราไป แถมบางคน ยังจะอุส่าห์ถามหาวิซ่าอีกแหนะ 55
ก็ตอบไปครับ Thailand ๆ 30 Days ๆ
ในกรณีที่มีคนพักเข้าเยอะ เค้าอาจจะขอเก็บพาสปอร์ทเราไว้ก่อน เพราะต้องเอาไปแสกน เพื่อทำเรื่อง Registration นี่แหละ แต่ถ้าไม่ได้มีคิวมากมายอะไร
พอแสกนเสร็จ เค้าก็จะคืนพาสปอร์ทให้เราเลย ตอนรับกลับมาอย่าลืมตรวจดู ใบเข้าเมืองที่ได้มาด้วยนะครับ ว่าไม่ปลิวตกหายไปไหน
โดยไอ้เจ้าใบ Registration เนี่ยะ เค้าจะให้เราในตอนที่เรา Check-out นะครับ โรงแรมที่เป็นโรงแรม เค้าจะให้เราแม้ว่าเราจะอยู่ไม่ถึงสามวันก็ตาม
วันเดียวเค้าก็ให้ครับ หน้าตามันก็จะเป็นแบบนี้
ด้านหน้า และหลัง ผมได้มาครั้งแรก อื้งเลยครับ ยอมรับว่าตกใจมาก คือ อ่านไม่ออกครับ ผลิกกลับหัวอ่านก็ยังไม่ใช่ คือมันเป็นภาษารัสเซีย 55
แม้ชื่อเราเอง เค้าก็แปลเป็นคำอ่านรัสเซียให้ครับ เป็นการแสดงให้เห็นแล้วนะครับว่า สิ่งเหล่านี้ มันมีไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ ส่วนเรามีหน้าที่
เก็บรักษา เวลาที่โดนเรียกถามถึง รูปแบบก็เหมือนกันครับ ทั้ง Moscow และ St Petersburg
สำหรับใครที่พักตาม Apartment ไม่ว่าจะจองจาก Booking หรือ Airbnb ส่วนมากแล้ว เจ้าของห้องไม่ได้ลงทะเบียนเป็น โรงแรม นะครับ ดังนั้น
เวลาเข้าพัก จะแค่ส่งมอบกุญแจ จ่ายเงิน ยืนยันเวลา check-out เท่านั้น ไม่มีขอพาสปอร์ทไปลงทะเบียน หรือ ให้ใบ Registration กลับมาแต่อย่างใด
ผมคิดว่า ต่อไปรัฐบาลคงค่อยๆ ไล่จัดระเบียบให้มันถูกต้องต่อไปครับ
ตามปกติทั่วไปแล้ว ไม่ใช่บ่อยๆ เลยครับ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซีย จะมาเรียกถามหรือตรวจสอบอะไรนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ แต่ก็ถือเป็นหน้าที่นะ
ครับ ที่ต้องพกพาสปอร์ท หรือ ตัว ก๊อปปี้ และ ใบ Registration ตัวนี้ ไว้กับตัว พร้อมโชว์ เมื่อโดนเรียก และจากทริปที่ผ่านมา ผมเองก็เก็บ
เจ้า Registration Form นี้ไว้เฉยๆ ครับไม่ได้โดนเรียกขอดูโดยตำรวจ และตอนออกจากสนามบิน ก็ไม่ได้โดนถามหาเหมือนกัน
สรุปครับ พาสปอร์ท หรือ ตัวก๊อปปี้ , ใบเข้าเมือง และใบ Registration หลังจากได้มา ต้องเก็บไว้กับตัวนะครับ เป็นหน้าที่ครับ
แนะนำเพิ่มเติม:: เรื่องเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจเอย หรือ รปภ ตามสถานีรถไฟบนดิน ใต้ดิน ที่ฟังมาดูเหมือนจะเหี้ยม เรื่องเยอะ หรือจะอะไรก็แล้วแต่
ผมอยากจะบอกเอาไว้ว่า มันคือลักษณะหน้าที่ของเค้าครับ ที่ต้องเป็นแบบนั้น ถ้าเรามองแบบความเป็นไป เค้าก็คือคนรัสเซียเหมือนๆ กับคนอื่นๆ
ที่เดินผ่านเราข้างทางนั่นแหละ เราทำตัวดีกับเค้า เค้าก็ดีกับเราครับ จำไว้นะครับ รัสเซีย คือ สังคมของคนสามอณาเขตของโลก ยุโรป เอเชียกลาง
และ เอเชียตะวันออกไกล นั่นหมายถึง วัฒนธรรมเค้า คาบเกี่ยว รวมๆ กลมกลืนไปกันหมด มีความเป็นยุโรป แต่ไม่สุด มีความเป็นเอเชียแต่ไม่โต่ง
คุณไม่ต้องแปลกใจครับ หากคนรัสเซีย จะเดินดุ่ยๆ มาหาคุณ และพูดภาษารัสเซีย รัวๆ โดยไม่สนใจเลยว่าคุณเป็นต่างชาติ แม้แต่คนขายทัวร์ตามข้างทาง
เพราะคนในสังคมเค้า มีทั้งคนหน้าตาแบบฝรั่งสลาฟ หน้าตาแบบมองโกล จีน เกาหลี แนวไทยๆ ที่มาจากเอเชียกลาง และ เอเชียตะวันออกไกล
ซึ่งพูดรัสเซียเป็นภาษาแม่ รวมกันเป็นประเทศรัสเซียครับ ซึ่งใหญ่มากๆ ดังนั้น คนไทยเองเดินตามถนนปกตินั้น แทบจะไม่มีใครสนใจคุณเลย เปรียบดังก้อนหินริมทางยังไงยังงั้น ดีไม่ดีโดนเหมารวมเป็นคนในชาติเค้าปกติไปด้วยซ้ำ ต่างกับเวลาคุณมาเที่ยวอังกฤษ สเปน เยอรมัน ที่บางครั้งจะมีคนเดินผ่านมา แซวเล็กๆ น้อยๆ หนี่หาวบ้าง อันยองฮาเซโย บ้าง หรือ สวัสดี ว่าไป
ดังนั้นกับเจ้าหน้าที่ทั่วไปแล้ว ถ้าเราทำตัวดีกับเค้า เป็นมิตร พร้อมให้ความร่วมมือ คุณจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกล้บมา แบบวิธีคนเอเชียเลยครับ
คำว่า ถัวๆ หรือ ประนีประนอม มีในรัสเซียครับ คุณเที่ยวๆ ไป จะรู้สึกได้ เช่นตั๋วรถเมลล์ มีปัญหา เข้าไม่ได้ และเรามีใบเสร็จจะโชว์
แต่เจ้าหน้าที่ทำมีอ ไปๆ เหอะ ไม่ซีเรียส อะไรทำนองนี้ ตราบเท่าที่เค้ารู้สึกได้ว่าเราไม่ได้จะไปโกงเค้าครับ หรือการคืนกุญแจ Apartment
ที่เช่าเสร็จแล้ว โดยการบอกให้เอาไปซ่อนไว้ตามกระถางตั้นไม้ หรือ ซ่อนไว้ใต้พรมเช็ดเท้าหน้าห้อง
ไม่มีคนมารับนะครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในรัสเซีย
ยิ่งเราหน้าตาแนวเอเชียเป็นทุนอยู่แล้ว สบายใจได้ครับ กลับกันพวกฝรั่งตะวันตกหน้าตาแบบไม่ใช่ Slavic หรือเอเชีย กลับถูกมองเป็นคนต่างด้าว
และอาจจะโดนเรียกตรวจสอบได้ง่ายกว่า
เอาละ เข้าเมืองมาได้แล้ว ตรงนี้จะแชร์เรื่อง มือถือ ครับ หากใครไม่ได้เปิด Roaming มา แนะนำว่าให้มาใช้ที่นี่ สะดวกและประหยัดกว่ามากครับ
และที่จะแจ้งก่อนเลยก็คือ Line โปรแกรมยอดฮิตของคนไทย ใช้ไม่ได้ในรัสเซียนะครับ ( กค 2561, 2018 ) กฏระเบียบไม่ทำตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล
แต่ตามที่พักบางที่ ส่วนมากจะเป็นพวก Hostel แต่ไม่ทุกที่นะครับ จะมีการ Unblocked ไว้ให้ ทำให้ใช้ได้ แต่ถ้าเป็น รร ที่เป็นทางการทั่วไป ใช้ไม่ได้ครับ
แนะนำใช้ Messenger ของเฟสบุ๊ค ติดต่อญาติๆ เพื่อนๆ เอาแทนครับ
หลังจากรับกระเป๋า ออกมาที่ประตูผู้โดยสารขาออกแล้ว จะมีบู๊ทขายซิมตั้งไว้ ให้ลองเดินหาดูครับ บางสนามบิน มีแบบร้านเปิดเลย
มีหลายยี่ห้อให้ใช้ครับ แต่ที่จะแนะนำวันนี้คือ ยี่ห้อ MegaFon จะมีบู๊ทตั้งอยู่ที่สนามบิน
ผมเข้ารัสเซียจากอังกฤษ หรือใครบินมากับ Aeroflot ส่วนมากก็จะไปลงที่ Sheremetyevo International Airport ถ้ามากับการบินไทย ก็จะไป
ลงที่ Domodedovo Airport แต่ก็คิดว่า น่าจะมีเหมือนกันครับ เพราะดูแล้วจะยึดตลาดนั่งท่องเที่ยวที่สนามบินเลย
Sim ตัวนี้ ชื่อ Hello! ครับ ระบบแบบ LTE ซึ่งเป็น 4G ชนิดหนึ่งที่เร็วกว่า 3G ประมาณ 10 เท่าได้ และสัญญานครอบคลุมครับ
และ ตัวนี้ออกแบบมาให้นักท่องเที่ยวใช้ มีอายุ 14 วัน ราคา 700 รูเบิล ประมาณ 350 บาทไทย Data 10G ใช้ Facebook, Instagram,
Messenger, Whatsapp, Viber, Snapchat อะไรพวกนี้แบบ Unlimited ครับ แต่โทรออกได้ 30 นาทีเท่านั้นและส่ง Texts ได้ 30 เหมือนกัน
แต่ในการใช้งานจริงของนักท่องเที่ยวแล้ว คุ้มมากๆ ครับ แม้ดูเหมือนเวลาโทรออกน้อย แต่เอาเข้าจริงเรานักท่องเที่ยว แทบไม่ได้ใช้โทรหากันเลย
เพราะเราใช้โทรผ่าน Messenger ของ Facebook ได้เหมือนกัน
Logo Megafon ก็ตามนี้ครับ ดูผ่านๆ ตาเอาไว้ จะได้หาได้ง่ายๆ
รถไฟด่วนจากสนามบิน วิ่งตรงสู่ Town Centre คือวิธีที่สะดวกที่สุดในการเข้าไปต่อ Metro ใจกลางเมือง Moscow ครับ ราคาซื้อที่สนามบิน คือ
500 รูเบิล ต่อคน แต่หากซื้อจากเว็บไปก่อน จะได้ราคาที่ประมาณ 420 รูเบิลครับ (กค 2561,2018)
ชื่อรถไฟคือ Aeroexpress ถึงสนามบินแล้ว เดินตามป้ายไปได้เลย
ผมมาส่งถึงแค่การเข้าเมืองนะครับ ส่วนเรื่องที่เที่ยวที่พัก ต่างๆ ผมคิดว่าไม่ยากเกินไปสำหรับทุกท่านที่จะหาข้อมูลต่างๆ ได้จากกระทู้อื่นๆ และ
ตามเว็บไซท์ทั่วไปครับ
ข้อมูลทั้งหมด คือสิ่งที่ไปเจอมากับตัว และรู้สึกกับตัวเอง เลยอยากนำมาแชร์เป็นประสพการณ์นะครับ ในความเป็นจริง สถานการณ์ที่ต่างกันไป
กับคนต่างกัน อาจจะทำให้ได้เจอสิ่งที่แตกต่างกันออกไป นั่นแหละครับ มันคือความสวยงามของการท่องเที่ยวครับ
ไปต่อกันที่ Part II
https://ppantip.com/topic/37893928 ครับ
รัสเซีย วีซ่า (Visa) Registration Form มั่นใจ รู้ไว้ก่อนไป เอาเวลากังวล ไปวางแผนเที่ยวให้สบายใจ
(ข้อมูลหลายอย่างอาจจะมีเพื่อนๆ ทำการแนะนำหรือแบ่งปันไว้แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะทำซ้ำครับ แต่คือการมาเพิ่มความมั่นใจ
หลังจากที่เพิ่งเดินทางกลับมาสัปดาห์ก่อน :: กค. 2561, 2018)
กระทู้นี้มีภาคต่อนะครับ Part II https://ppantip.com/topic/37893928 หากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ครับ
เงินรูเบิล แปลงเป็นไทยแบบง่ายๆ คือ หารสองครับ เช่น 700 รูเบิล คือ 350 บาทไทย (กค 2561, 2018)
รัสเซีย Russia (Россия)
กระทู้นี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวใดๆ นะครับ แต่เป็นเรื่องภาพรวมก่อนที่เราจะได้เริ่มเที่ยวล้วนๆ
ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่เราคนไทยจะกังวลกันมากและ ให้ความรู้สึกยุ่งยากจนไม่อยากจะไปมันซะเลย ก็คือ
เรื่องวีซ่า และ กฏระเบียบต่างๆ เช่นไปถึงแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองนั้นๆ สามวันขึ้นไป ต้องลงทะเบียนกับตำรวจ บลาๆ ว่าไป
ฟังดูน่ากลัวและยุ่งยาก สำหรับคนที่เพิ่งจะเตรียมตัวไปครั้งแรก... ใช่ครับ ผมก็เป็นแบบนั้น
ใครก็ตามที่ได้ลองหาข้อมูลวีซ่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนเข้าเมือง หรือเรื่อง Registration ที่ต้องทำกับโรงแรม .... หยุดความกังวล
ไว้ตรงนี้ แล้วค่อยๆ อ่านตามไปครับ สบายใจได้
สิ่งแรกเลยที่จะมายืนยันตรงนี้ คือ คนไทยทั่วไปสามารถเข้ารัสเซียได้ 30 วันนะครับ ไม่ต้องมีวีซ่า :: 2561, 2018
ลิงค์ที่ให้ดูรายละเอียด ตามนี้เลยครับ https://en.wikipedia.org/wiki/Visa_policy_of_Russia
จากรูปภาพจะเห็นว่า เราเป็นประเทศแค่ไม่กี่ประเทศในโลก ที่ได้รับสิทธินี้ และจะเห็นว่า ประเทศทางแถมอเมริกาใต้ทั้งทวีป ก็ได้สิทธินี้เช่นกัน
จึงไม่ต้องแปลกใจครับว่า ฟุตบอลโลกที่ผ่านมา แมชต์การเตะของ อาเจนติน่า โคลอมเบีย บราซิล อุรุกวัย เปรู กองเชียร์แทบเต็มสนาม
กลับกันประเทศทางฝั่งยุโรปตะวันตกเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน มีน้อยกว่ามาก ที่เข้าไปได้ช่วงบอลโลก ก็เพราะมี Fan ID สำหรับคนซื้อตั๋วชมฟุตบอลที่ถือเป็นวีซ่าพิเศษ เฉพาะช่วงบอลโลกจนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น ปกติประเทศเหล่านี้ จะเข้ารัสเซียต้องใช้วีซ่าครับ
และการขอก็ยุ่งยากมากๆ
มาเข้าเรื่องเราต่อครับ หลังจากมั่นใจแล้ว เราเข้าได้ 30 วัน ปัญหาหนักใจต่อมาคือ ไอ้ตอนที่เราจะเข้าเมืองนี่แหละครับ ที่หลายๆ ท่านเจอกันมา
คือ เจ้าหน้าที่ตรง immigration มักจะขอดูวีซ่า หลังจากที่เอาพาสปอร์ทเราไปเปิดดู ตรงนี้มีข้อแนะนำครับ
1) อย่าไปตกใจหรือใจฝ่อ เวลาเจอหน้าตาเจ้าหน้าที่ไม่รับแขกครับ เค้าเป็นของเค้าแบบนั้น รัสเซียศัตรูเยอะครับ ไม่ต่างอะไรกับอเมริกา เจ้าหน้าที่
ที่เหมือนเป็นคนเฝ้าประตูบ้าน ก็ต้องขู่กันไว้ก่อน คิดในแง่ดีครับ
2) ประเทศส่วนมากในโลกใบนี้ ต้องใช้วีซ่าที่จะเข้ารัสเซียครับ ดังที่เราเห็นในแผนที่ตามลิงค์ไปแล้ว วันๆ หนึ่ง เจ้าหน้าที่จะต้องพบเจอกับนักท่องเที่ยวส่วนมากนั่นเอง เป็นพันเป็นหมื่นคน และก็จะต้องขอดูวีซ่า โดยไม่ได้ดูหรอกครับว่า ที่ถืออยู่เป็นพาสปอร์ทของประเทศอะไร
3) เวลาโดนถามขอดูวีซ่า ให้เราตอบไปแบบมั่นใจครับ We From Thailand, 30 days, OK? ... อย่าไปใช้ภาษาแบบกังวลเรื่อง Tenses หรือหลักไวยกรณ์
มากมายครับ มันจะยิ่งทำให้เราตะกุกตะกัก และ อีกฝั่งภาษาเค้าก็ไม่ได้เป็นภาษาแม่เหมือนกันครับ พูดถูกหลักมากไป บางทีเค้าเองก็ฟังไม่รู้เรื่องครับ
4) บางกรณี เรื่องไม่จบ หลังจากที่เรายืนยันไปแล้ว ว่าได้ 30 วัน เจ้าหน้าที่ก็ยังจะขอวีซ่า ให้เรานิ่งไว้ครับ ยังไงก็ได้เข้าแน่ ยืนยันไปเหมือนเดิม
Yeh ๆ 30 Days ๆ Thailand ๆ ทำหน้าตามั่นใจและเป็นมิตรครับ ชูนิ้วโป้งด้วยก็ได้ ภาษากายสำคัญนะครับ 55
5) สำหรับเคสที่เลวร้ายที่สุด ที่เป็นไปได้คือ โดนกักตัวไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลก่อน แต่ครับ สุดท้าย ก็ได้เข้าอยู่ดี
สบายใจกันนะครับ
ในหลายๆ เคส คนไทยก็ผ่านเข้าไปได้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ขอดูวีซ่าแล้วไม่มี และไม่ให้เข้า แต่เรายืนยันไปแบบมั่นใจว่า เราได้ 30 วันนะเออ
เจ้าหน้าที่กลับใจ และหันมาบอกว่า โอเค ได้ๆ ....... มีเยอะนะครับ เคสแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เข้าแบบ งงๆ อย่างนี้ก็ได้เหรอ ประมาณนั้นเลย ^^
หลังจากที่เราผ่าน ตม. หรือ immigration มาแล้ว เราจะได้ ใบเข้าเมืองเล็กๆ มาอันหนึ่ง ให้เก็บไว้อย่างดีนะครับ เพราะตอนออก ต้องยื่นคืนให้เค้า ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่จะเป็นใบเล็กๆ สีขาว เล็กกว่าหน้าพาสปอร์ทเรา แนะนำให้ก่อนเดินทางหาคลิปหนีบกระดาษแนบติดพาสปอร์ทไปด้วย เอาไว้ไปใช้หนีบเจ้าใบนี้นี่แหละครับ เวลาเปิดปิด พาสปอร์ท ตอนแลกเงิน หรือ check-in โรงแรม จะได้ไม่หลุดครับ
ส่วนเรื่อง Registration กับทางที่พัก ไม่ต้องกังวล ว่าเราจะวุ่นวาย เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ "หน้าที่" ของเจ้าบ้านนะครับ ไม่ใช่เรา โรงแรมที่เป็นโรงแรม หรือ Hostel ที่จดทะเบียนทางการ ก่อนเข้าพัก เค้าจะขอพาสปอร์ทเราไป แถมบางคน ยังจะอุส่าห์ถามหาวิซ่าอีกแหนะ 55
ก็ตอบไปครับ Thailand ๆ 30 Days ๆ
ในกรณีที่มีคนพักเข้าเยอะ เค้าอาจจะขอเก็บพาสปอร์ทเราไว้ก่อน เพราะต้องเอาไปแสกน เพื่อทำเรื่อง Registration นี่แหละ แต่ถ้าไม่ได้มีคิวมากมายอะไร
พอแสกนเสร็จ เค้าก็จะคืนพาสปอร์ทให้เราเลย ตอนรับกลับมาอย่าลืมตรวจดู ใบเข้าเมืองที่ได้มาด้วยนะครับ ว่าไม่ปลิวตกหายไปไหน
โดยไอ้เจ้าใบ Registration เนี่ยะ เค้าจะให้เราในตอนที่เรา Check-out นะครับ โรงแรมที่เป็นโรงแรม เค้าจะให้เราแม้ว่าเราจะอยู่ไม่ถึงสามวันก็ตาม
วันเดียวเค้าก็ให้ครับ หน้าตามันก็จะเป็นแบบนี้
ด้านหน้า และหลัง ผมได้มาครั้งแรก อื้งเลยครับ ยอมรับว่าตกใจมาก คือ อ่านไม่ออกครับ ผลิกกลับหัวอ่านก็ยังไม่ใช่ คือมันเป็นภาษารัสเซีย 55
แม้ชื่อเราเอง เค้าก็แปลเป็นคำอ่านรัสเซียให้ครับ เป็นการแสดงให้เห็นแล้วนะครับว่า สิ่งเหล่านี้ มันมีไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ ส่วนเรามีหน้าที่
เก็บรักษา เวลาที่โดนเรียกถามถึง รูปแบบก็เหมือนกันครับ ทั้ง Moscow และ St Petersburg
สำหรับใครที่พักตาม Apartment ไม่ว่าจะจองจาก Booking หรือ Airbnb ส่วนมากแล้ว เจ้าของห้องไม่ได้ลงทะเบียนเป็น โรงแรม นะครับ ดังนั้น
เวลาเข้าพัก จะแค่ส่งมอบกุญแจ จ่ายเงิน ยืนยันเวลา check-out เท่านั้น ไม่มีขอพาสปอร์ทไปลงทะเบียน หรือ ให้ใบ Registration กลับมาแต่อย่างใด
ผมคิดว่า ต่อไปรัฐบาลคงค่อยๆ ไล่จัดระเบียบให้มันถูกต้องต่อไปครับ
ตามปกติทั่วไปแล้ว ไม่ใช่บ่อยๆ เลยครับ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซีย จะมาเรียกถามหรือตรวจสอบอะไรนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ แต่ก็ถือเป็นหน้าที่นะ
ครับ ที่ต้องพกพาสปอร์ท หรือ ตัว ก๊อปปี้ และ ใบ Registration ตัวนี้ ไว้กับตัว พร้อมโชว์ เมื่อโดนเรียก และจากทริปที่ผ่านมา ผมเองก็เก็บ
เจ้า Registration Form นี้ไว้เฉยๆ ครับไม่ได้โดนเรียกขอดูโดยตำรวจ และตอนออกจากสนามบิน ก็ไม่ได้โดนถามหาเหมือนกัน
สรุปครับ พาสปอร์ท หรือ ตัวก๊อปปี้ , ใบเข้าเมือง และใบ Registration หลังจากได้มา ต้องเก็บไว้กับตัวนะครับ เป็นหน้าที่ครับ
แนะนำเพิ่มเติม:: เรื่องเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจเอย หรือ รปภ ตามสถานีรถไฟบนดิน ใต้ดิน ที่ฟังมาดูเหมือนจะเหี้ยม เรื่องเยอะ หรือจะอะไรก็แล้วแต่
ผมอยากจะบอกเอาไว้ว่า มันคือลักษณะหน้าที่ของเค้าครับ ที่ต้องเป็นแบบนั้น ถ้าเรามองแบบความเป็นไป เค้าก็คือคนรัสเซียเหมือนๆ กับคนอื่นๆ
ที่เดินผ่านเราข้างทางนั่นแหละ เราทำตัวดีกับเค้า เค้าก็ดีกับเราครับ จำไว้นะครับ รัสเซีย คือ สังคมของคนสามอณาเขตของโลก ยุโรป เอเชียกลาง
และ เอเชียตะวันออกไกล นั่นหมายถึง วัฒนธรรมเค้า คาบเกี่ยว รวมๆ กลมกลืนไปกันหมด มีความเป็นยุโรป แต่ไม่สุด มีความเป็นเอเชียแต่ไม่โต่ง
คุณไม่ต้องแปลกใจครับ หากคนรัสเซีย จะเดินดุ่ยๆ มาหาคุณ และพูดภาษารัสเซีย รัวๆ โดยไม่สนใจเลยว่าคุณเป็นต่างชาติ แม้แต่คนขายทัวร์ตามข้างทาง
เพราะคนในสังคมเค้า มีทั้งคนหน้าตาแบบฝรั่งสลาฟ หน้าตาแบบมองโกล จีน เกาหลี แนวไทยๆ ที่มาจากเอเชียกลาง และ เอเชียตะวันออกไกล
ซึ่งพูดรัสเซียเป็นภาษาแม่ รวมกันเป็นประเทศรัสเซียครับ ซึ่งใหญ่มากๆ ดังนั้น คนไทยเองเดินตามถนนปกตินั้น แทบจะไม่มีใครสนใจคุณเลย เปรียบดังก้อนหินริมทางยังไงยังงั้น ดีไม่ดีโดนเหมารวมเป็นคนในชาติเค้าปกติไปด้วยซ้ำ ต่างกับเวลาคุณมาเที่ยวอังกฤษ สเปน เยอรมัน ที่บางครั้งจะมีคนเดินผ่านมา แซวเล็กๆ น้อยๆ หนี่หาวบ้าง อันยองฮาเซโย บ้าง หรือ สวัสดี ว่าไป
ดังนั้นกับเจ้าหน้าที่ทั่วไปแล้ว ถ้าเราทำตัวดีกับเค้า เป็นมิตร พร้อมให้ความร่วมมือ คุณจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกล้บมา แบบวิธีคนเอเชียเลยครับ
คำว่า ถัวๆ หรือ ประนีประนอม มีในรัสเซียครับ คุณเที่ยวๆ ไป จะรู้สึกได้ เช่นตั๋วรถเมลล์ มีปัญหา เข้าไม่ได้ และเรามีใบเสร็จจะโชว์
แต่เจ้าหน้าที่ทำมีอ ไปๆ เหอะ ไม่ซีเรียส อะไรทำนองนี้ ตราบเท่าที่เค้ารู้สึกได้ว่าเราไม่ได้จะไปโกงเค้าครับ หรือการคืนกุญแจ Apartment
ที่เช่าเสร็จแล้ว โดยการบอกให้เอาไปซ่อนไว้ตามกระถางตั้นไม้ หรือ ซ่อนไว้ใต้พรมเช็ดเท้าหน้าห้อง
ไม่มีคนมารับนะครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในรัสเซีย
ยิ่งเราหน้าตาแนวเอเชียเป็นทุนอยู่แล้ว สบายใจได้ครับ กลับกันพวกฝรั่งตะวันตกหน้าตาแบบไม่ใช่ Slavic หรือเอเชีย กลับถูกมองเป็นคนต่างด้าว
และอาจจะโดนเรียกตรวจสอบได้ง่ายกว่า
เอาละ เข้าเมืองมาได้แล้ว ตรงนี้จะแชร์เรื่อง มือถือ ครับ หากใครไม่ได้เปิด Roaming มา แนะนำว่าให้มาใช้ที่นี่ สะดวกและประหยัดกว่ามากครับ
และที่จะแจ้งก่อนเลยก็คือ Line โปรแกรมยอดฮิตของคนไทย ใช้ไม่ได้ในรัสเซียนะครับ ( กค 2561, 2018 ) กฏระเบียบไม่ทำตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล
แต่ตามที่พักบางที่ ส่วนมากจะเป็นพวก Hostel แต่ไม่ทุกที่นะครับ จะมีการ Unblocked ไว้ให้ ทำให้ใช้ได้ แต่ถ้าเป็น รร ที่เป็นทางการทั่วไป ใช้ไม่ได้ครับ
แนะนำใช้ Messenger ของเฟสบุ๊ค ติดต่อญาติๆ เพื่อนๆ เอาแทนครับ
หลังจากรับกระเป๋า ออกมาที่ประตูผู้โดยสารขาออกแล้ว จะมีบู๊ทขายซิมตั้งไว้ ให้ลองเดินหาดูครับ บางสนามบิน มีแบบร้านเปิดเลย
มีหลายยี่ห้อให้ใช้ครับ แต่ที่จะแนะนำวันนี้คือ ยี่ห้อ MegaFon จะมีบู๊ทตั้งอยู่ที่สนามบิน
ผมเข้ารัสเซียจากอังกฤษ หรือใครบินมากับ Aeroflot ส่วนมากก็จะไปลงที่ Sheremetyevo International Airport ถ้ามากับการบินไทย ก็จะไป
ลงที่ Domodedovo Airport แต่ก็คิดว่า น่าจะมีเหมือนกันครับ เพราะดูแล้วจะยึดตลาดนั่งท่องเที่ยวที่สนามบินเลย
Sim ตัวนี้ ชื่อ Hello! ครับ ระบบแบบ LTE ซึ่งเป็น 4G ชนิดหนึ่งที่เร็วกว่า 3G ประมาณ 10 เท่าได้ และสัญญานครอบคลุมครับ
และ ตัวนี้ออกแบบมาให้นักท่องเที่ยวใช้ มีอายุ 14 วัน ราคา 700 รูเบิล ประมาณ 350 บาทไทย Data 10G ใช้ Facebook, Instagram,
Messenger, Whatsapp, Viber, Snapchat อะไรพวกนี้แบบ Unlimited ครับ แต่โทรออกได้ 30 นาทีเท่านั้นและส่ง Texts ได้ 30 เหมือนกัน
แต่ในการใช้งานจริงของนักท่องเที่ยวแล้ว คุ้มมากๆ ครับ แม้ดูเหมือนเวลาโทรออกน้อย แต่เอาเข้าจริงเรานักท่องเที่ยว แทบไม่ได้ใช้โทรหากันเลย
เพราะเราใช้โทรผ่าน Messenger ของ Facebook ได้เหมือนกัน
Logo Megafon ก็ตามนี้ครับ ดูผ่านๆ ตาเอาไว้ จะได้หาได้ง่ายๆ
รถไฟด่วนจากสนามบิน วิ่งตรงสู่ Town Centre คือวิธีที่สะดวกที่สุดในการเข้าไปต่อ Metro ใจกลางเมือง Moscow ครับ ราคาซื้อที่สนามบิน คือ
500 รูเบิล ต่อคน แต่หากซื้อจากเว็บไปก่อน จะได้ราคาที่ประมาณ 420 รูเบิลครับ (กค 2561,2018)
ชื่อรถไฟคือ Aeroexpress ถึงสนามบินแล้ว เดินตามป้ายไปได้เลย
ผมมาส่งถึงแค่การเข้าเมืองนะครับ ส่วนเรื่องที่เที่ยวที่พัก ต่างๆ ผมคิดว่าไม่ยากเกินไปสำหรับทุกท่านที่จะหาข้อมูลต่างๆ ได้จากกระทู้อื่นๆ และ
ตามเว็บไซท์ทั่วไปครับ
ข้อมูลทั้งหมด คือสิ่งที่ไปเจอมากับตัว และรู้สึกกับตัวเอง เลยอยากนำมาแชร์เป็นประสพการณ์นะครับ ในความเป็นจริง สถานการณ์ที่ต่างกันไป
กับคนต่างกัน อาจจะทำให้ได้เจอสิ่งที่แตกต่างกันออกไป นั่นแหละครับ มันคือความสวยงามของการท่องเที่ยวครับ
ไปต่อกันที่ Part II https://ppantip.com/topic/37893928 ครับ