สวัสดีครับผมชื่อ เจ ครับ(นามสมมติ) ผมเป็นชาวอีสานแท้ครับ อยู่กับภาษาและวัฒนธรรมอีสานออริจินัลดั่งเดิมมาตั้งแต่เกิด ซึ่งในสังคมและวงศ์ตระกูลของผมยังถือว่าเพศที่สามเป็นเรื่องที่แปลกใหม่อยู่ แต่จะทำไงได้ล่ะ มันเป็นไปแล้วสิให้เฮ็ดจั่งได๋??? แต่ผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากนักหรอก เป็นก็เป็นอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้ เพราะเป็นเกย์ไม่ได้เป็นแชมป์โอลิมปิค (ทำไมเกริ่นนำยาวจังวะ 5555 โทษทีครับ)
เข้าเรื่องเลยละกัน>> ผมพึ่งจบม.6ครับ แล้วต้องรอมหาลัยเปิดตั้ง 5 เดือนกว่าๆ สงกรานต์ที่ผ่านมาผมปาร์ตี้กับเพื่อนๆหนักมากทุกวันจนแทบไม่มีเวลานอน และช่วงเทศกาลแบบนี้ก็มักจะมีเหล่าญาติๆแห่กันมาบ้านผมเป็นเรื่องปกติ ไกลแค่ไหนก็มา คือชอบปาร์ตี้กันทั้งตระกูล 555! จำได้ว่าวันนั้นวันที่ 15 ผมกลับบ้านมาซะเช้าเลย แล้วก็นอนเลยเพราะเมา นอนได้ไม่กี่ ชม. แม่ก็ปลุกให้ตื่นซะงั้น บอกว่าญาติฝั่งพ่อมา ให้ไปต้อนรับ ผมก็โอเค ลุกก็ลุก!! ผมก็ไปต้อนรับทั้งสภาพนั้นแหละ เพราะคิดว่าคงจะมีแต่ลุง ป้า น้า อา ที่มีอายุมากันแหละ แต่เห๊ยย!! มีพี่คนนึงมาด้วยว่ะ อายุประมาน 20 กลางๆ พี่แกหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยล่ะ จากที่ผมง่วงหงาวหาวนอนก็สดชื่นขึ้นทันที ในใจคิดชั่วช้าขึ้นมาเลยว่า ญาติก็ญาติเถอะวะกูไม่สน เรื่องสายเลือดเอาไว้ก่อน 555! แต่ปัญหาของผมคือผมจำชื่อกับหน้าคนไม่ค่อยเก่ง คือผมจำใครไม่ได้เลย แต่ทุกคนจำผมได้ดี จำได้ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น ผมก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยิ้ม และอายกับสภาพตัวเองตอนนั้นมาก พอผู้ใหญ่ทั้งหลายเข้าห้องรับประทานอาหารกัน แต่พี่คนนั้นกลับเดินมาหาผม (ตอนนั้นมีผมกับพี่แกแค่ 2 คนอยู่ตรงนั้น) พี่แกก็ทั้งยิ้มและหัวเราะแล้วก็เอามือมาตบไหล่ผมและขยี้หัวผมเบาๆ คือตอนนั้นงงมาก ทำแบบนี้ทำไมวะ? พี่แกเป็นใคร? สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ? แต่ผมก็เขินๆนิดหน่อยนะ อายด้วย พี่แกก็พูดกับผมเป็นภาษาอีสานว่า ไม่เจอกันนานโตขึ้นมากเลยนะ นี่พึ่งตื่นใช่มั้ย ปาร์ตี้หนักเลยอ่ะดิสงกรานต์ ผมก็ยิ้มแห้งๆ แล้วตอบว่าใช่ครับ แล้วก็ขอตัวไปอาบแต่งตัวก่อน ก่อนอาบน้ำผมก็เลยไปถามแม่ผมว่าพี่เค้าเป็นใคร แม่ก็เลยบอกว่า นี่จำพี่เค้าไม่ได้จริงๆเหรอ แต่ก่อนนอนกอดพี่เค้าตลอด ผมก็เลยพอเริ่มจะจำได้บ้างนิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจน 555! [ ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ คือพ่อกับแม่ผมอยู่คนละจังหวัดกัน พ่อย้ายมาอยู่กับตระกูลฝั่งแม่ ที่ผมต้องใช้คำเวอร์หน่อยคือเราอยู่กันเป็นตระกูลจริงๆครับ ปู่ย่าตายายทวดลุงป้าน้าอา ก็มักจะสร้างบ้านติดกัน อยู่ระแวกเดียวกันในหมู่บ้านเล็กๆในพื้นที่ชนบท มีอาชีพทำไร่ไถนาและมีที่ดินทำกินติดกันอยู่ระแวกเดียวกันเหมือนบ้านเลย คือเป็นแบบนี้ทั้งตระกูลฝั่งพ่อและฝั่งแม่ พ่อก็ย้ายมาอยู่กินกับทางฝั่งแม่ แต่ก็ยังมีที่ดินทำกินที่บ้านเกิดตัวเองอยู่ ก็เลยได้กลับไปกลับมาบ่อยๆ ผมก็มักจะกลับไปกับพ่อตลอด เพราะว่าทางตระกูลฝั่งพ่อลูกๆหลานๆผู้ชายจะเยอะหน่อย ส่วนทางฝั่งแม่กลับมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย โดยมีผมเป็นผู้ชายคนเดียว และผมก็เป็นน้องคนเล็กสุดทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่ จึงได้รับการเอาอกเอาใจจากเหล่าบรรดาพี่ๆเป็นพิเศษ เวลาผมอยู่กับเหล่าบรรดาพี่สาวทางฝั่งแม่ เค้าก็จะพาแต่ผมเล่นขายของ แต่งตัวแต่งหน้า โดดหนังยาง อะไรทำนองนี้ ก็เด็กผู้หญิงอะเนาะ แต่ผมก็เล่นกับเค้านะ 555! คือเล่นได้หมดสนุกดี ผมก็ได้ซึมซับเอาหลายๆสิ่งที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงมาเยอะนะ เช่น การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น แต่ผมก็ชอบเล่นกับเด็กผู้ชายมากกว่านะก็เลยชอบกลับบ้านย่ากับพ่อเพราะว่ามีแต่เด็กผู้ชาย เหล่าพี่ชายทั้งหลายก็จะพาผมเล่นยิงปืน วิ่งไล่แย้ ยิงหนังสติ๊ก เล่นน้ำ จับปลา ตามประสาเด็กบ้านนอกนี่แหละครับ ซึ่งผมก็ชอบมาก พี่ที่ผมสนิทที่สุดก็คือพี่คนนี้นี่แหละครับ พี่แกชื่อพี่ จี (นามสมมติอีกแล้ว 555!) ผมจะวิ่งไปหาพี่แกเป็นคนแรกเวลากลับบ้านย่ากับพ่อ คือจะไปไหนมาไหนก็จะอยู่กับพี่จีตลอด กินข้าวด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนกอดกันด้วย 555! ไม่งั้นผมจะไม่ยอม และทุกคนก็ตามใจเพราะผมเป็นน้องเล็กสุดอ่ะ ส่วนสาเหตุที่ผมจำพี่แกและพวกพี่ๆอีกหลายๆคนไม่ได้นั้นเป็นเพราะว่าตอนที่ผมเริ่มอยู่ ป.4ป.5 ก็เป็นช่วงเตรียมจะเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว นิสัยต่างๆก็จะเปลี่ยนไป โลกส่วนตัวสูงขึ้น และเริ่มจะรู้จักตัวเองมากขึ้น ผมก็ไม่อยากจะไปเจอญาติอะไรมากมาย วุ่นวาย ผมก็มีเพื่อนเยอะขึ้น มีสังคมของตัวเอง ก็เลยไม่ค่อยได้กลับบ้านย่ากับพ่อแล้ว นานๆทีค่อยกลับ แต่ก็ไม่ค่อยเจอพวกพี่ชายนักหรอก เพราะพวกพี่เค้าต่างก็จากบ้านไปร่ำเรียนที่อื่นกันหมด ผมเองก็เข่นกัน จึงทำให้ผมใครไม่ค่อยจะได้แล้ว ความทรงจำในวัยเด็กค่อยๆเลือนลางลงทุกที อ้าว! อธิบายซะยาวเลย โทษทีครับ] เข้าเรื่องกันต่อครับ>> ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวครับ แต่งตัวดีด้วย 555! แล้วก็รีบไปร่วมวงรับประทานอาหารกับญาติๆ พอผมเดินเข้าไปก็เห็นพี่แกจองที่ไว้ให้ผมแล้วครับ ผมก็ดีใจนิดหน่อย 555! แต่ระหว่างรับประทานอาหารผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่แกเลย เพราะว่าญาติๆแต่ละคนเหมือนเตรียมคำถามมาถามผมเยอะมาก ทุกคนจำผมได้ดีมากเลยครับ จำได้ดีกว่าผมอีก เหตุการณ์อะไรต่างๆก็จะเล่ามาหมด เช่น ผมเคยทำให้เหล่าพี่ชายโดนก้านมะยมหลายครั้งเพราะพาผมเล่นอะไรที่อันตราย ฯลฯ ผมนี่กินข้าวไม่อิ่มเลย ผมก็เลยชวนพี่จีไปนั่งกินข้าวต่อกับพวกพี่สาวซึ่งนั่งกันอยู่ข้างนอก พี่จีจะได้คุยกับพวกพี่สาวด้วยเพราะเราก็รู้จักกันหมด พี่สาวผมก็จำพี่จีได้หมดเลยครับ ยกเว้นผมคนเดียว 555! รู้สึกผิดนิดนึงอยู่นะ ผมลืมพี่ชายคนนี้ได้ยังไง พวกเจ้ๆทั้งหลายก็ต่างชมกันว่าพี่จีนี่หล่อขึ้นเยอะเลย แต่ก็คุยกันได้แปปเดียวพวกเจ้ๆก็รีบกินรีบเสร็จเพราะพวกนางมีนัดปาร์ตี้กะเพื่อนต่อ ซึ่งผมก็มี แต่ผมขอเบี้ยวนัดเพื่อนละกัน พี่ชายสุดหล่อกูมาทั้งที ผมเจอพี่แกครั้งสุดท้ายก็น่าจะช่วงประถม ป.3 ป.4 แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมก็อยากจะมาย้อนความหลังกับพี่แกครับ ตอนนั้นมีแค่ผมกับพี่จีนั่งอยู่กัน 2 คนครับ ผมก็ชวนพี่แกกินเบียร์ พี่แกก็กินกะผมนิดนึงครับ แบบกินแค่พอรับน้ำใจน้อง เพราะพี่แกเป็นคนขับรถ มันจะอันตราย ด่านก็เยอะช่วงเทศกาล เราก็คุยกันหลายๆเรื่องครับ ก็ได้รู้ว่าพี่แกเป็นวิศวกร ทำงานอยู่ที่ชลบุรีครับ การศึกษาดี นิสัยดี หน้าตาดี การงานก็ดี ช่างเพอร์เฟคท์จริงๆ เราคุยกันได้ไม่นานนักความผูกพันธ์ ความสนิทสนมกันในวัยเด็กของเรามันก็กลับมาไวมากครับ พี่แกบอกว่าที่มาวันนี้ก็เพราะคิดถึงเรานั่นแหละ ไม่งั้นก็ไม่มานั่งด้วยนานขนาดนี้หรอก พี่แกพูดแบบนี้ผมก็เขินสิครับ 555! แล้วเวลามันก็ผ่านไปไวมาก เหมือนคุยกันได้แปปเดียวพี่แกก็ต้องกลับแล้ว ก่อนกลับเราก็ได้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณีที่ดีงามของเรา พี่แกก็ได้ขอไลน์ผมไว้ ชวนผมไปเที่ยวชลบุรี แล้วก็ให้เงินผมด้วย พันนึง บอกว่าเป็นค่าเหล้า 555! คือรู้ทันผมจริงๆ น่ารักมาก หล่อแล้วยังรู้จักเปย์น้องด้วย แต่ผมก็ไม่กล้ากอดพี่แกเหมือนตอนเด็กๆหรอกครับ ทั้งๆที่ก็อยากนะ 555! พอถึงตอนค่ำพี่แกก็ทักผมครับ เราก็คุยกันในไลน์ต่อนิดหน่อยครับ แล้วพี่แกก็ส่งรูปที่แอบถ่ายผมมาสองสามรูป คือแบบเห้ยพี่!! รูปหลุดก็หลุดจริงๆอ่ะ คือถ้าจะถ่ายก็ขอกันดีๆก็ได้ จะได้แอคท่าหล่อๆหน่อย พี่แกก็บอกธรรมดาโลกไม่จำ ผมก็ลืมถ่ายเซลฟี่กับพี่แกอะครับ มัวแต่คุยกันจนเพลิน มีแต่พี่แกฉวยโอกาสแอบถ่ายผม ผมก็บอกพี่แกว่า อย่าเอาไปให้ใครดูนะพี่ พี่แกก็หัวเราะยกใหญ่ พร้อมกับบอกว่าไม่ทันแล้วน้อง เหล่าบรรดาพี่ชายรู้กันหมดแล้ว เอิ่มม!! จบข่าวเลยงานนี้กู คือเหล่าพี่ชายเค้ามีไลน์กลุ่มกันครับ แล้วพี่จีก็ลากผมเข้ากลุ่มครับ ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เลยครับ น้องเล็กที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 10 ปี ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของพวกเราหวนกลับคืนมาอีกครั้งครับ และจากการพูดคุยก็ทำให้ผมได้รู้ว่า นอกจากพี่จีแล้ว พี่ๆอีกหลายๆคนดีกรีไม่ธรรมดาเลยครับ หน้าตาดีกันหมดเลย หน้าที่การงานดีๆกันทั้งนั้น ทำให้ผมต้องมองดูตัวเอง รู้สึกแบบกูนี่นอกคอกจังวะ 555! DNAเราทำไมมันห่างเหินกันเยี่ยงนี้.............
ผ่านไปประมาน 3 สัปดาห์ พี่แกมีธุระต้องกลับบ้านครับ ก็เลยชวนผมกลับชลกับพี่แก ผมก็ตอบตกลงสิครับ ไม่คิดอะไรเลย 555! พี่แกเลยมารับผมที่บ้าน พ่อแม่ผมก็อนุญาติให้ไปครับ พ่อบอกกับพี่จีว่า น้องดื้อเหมือนแต่ก่อนนั่นแหละ ยังไงก็ฝากน้องด้วยนะลูก ผมก็ยิ้มๆครับ ในใจก็คิดว่าผมขอฝากทั้งตัวและหัวใจได้มั้ยพี่ 555! คิดชั่วช้าได้ตลอด แล้วเราก็ไปชลกับครับ!!!!
พอถึงชลพี่แกก็พาไปบ้านพี่แกครับ เป็นบ้านจัดสรรหลังไม่ใหญ่ แต่สวยงามและน่าอยู่มากครับ และก็ได้เจอกับพี่ชายอีก 2 คนครับ หน้าตาดีมากกกก!!! ทำไม DNAกูเพี้ยนมาได้ขนาดนี้ 555! สรุปแล้วในบ้านหลังนี้ก็มีกัน 4 คนครับ พี่ชายทั้ง 3 ดูแลผมดีมากๆครับ เป็นสายเปย์หมดเลย ตามใจน้องตลอด พาไปเที่ยวหลายที่เลยครับ ไม่เคยมีโมเม้นต์แบบนี้มาก่อนเลย พี่ๆแกก็น่ารักมากครับ คือผมสังเกตดูเวลาพี่แกคุยกันก็ไม่มีคำว่า -กู เลย ทั้งที่อายุก็ไล่เลี่ยกัน ซึ่งก็จะใช้สรรพนามสุภาพในภาษาอีสานคุยกันครับ คือเป็นอะไรที่น่ารักมาก และทุกๆเช้าพี่ๆก็จะตื่นเช้ามากครับ ตื่นมานึ่งข้าวเหนียวและทำอาหารเช้า แล้วค่อยจะปลุกผมมากิน แต่ไม่ปลุกธรรมดานี่สิ เพราะผมไม่ชอบตื่นเช้า พ่อผมเลยฝากให้มาแกล้ง คือผมโดนแกล้งแทบทุกเช้าเลย ทั้งโดนจับยกแขนยกขาแล้วก็เขย่าๆอะไรสนุกก็ทำไป ทั้งๆที่ผมก็ตัวใหญ่เหมือนกัน เล่นเป็นเด็กไปได้ ผมก็หัวร้อนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะมีของกิน 555! กินข้าวเสร็จพวกพี่แกก็ออกไปทำงาน โดยมีผมอยู่บ้านคนเดียว แต่ไม่ได้เหงาเลยเพราะพวกพี่ๆก็พลัดกันทั้งไลน์ทั้งโทรมาตลอด ทำเหมือนทิ้งเด็กประถมไว้บ้านคนเดียวไปได้ พอเลิกงานก็ค่อยมารับผมออกไปเดินเที่ยวและซื้อของมาทำกับข้าวที่บ้าน ส่วนใหญ่ผมก็ไปกับพี่จีครับ เพราะพี่แกดูมีเวลาว่างสุด และเป็นคนที่สนิทที่สุดครับ เราจะไม่ค่อยได้กินข้าวนอกบ้านกันนะครับเพราะว่าทำเองอร่อยกว่าจริงๆ เราทำอาหารกันเป็นทุกคนครับ ผมก็ทำเป็น อาจจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์มั้ง พ่อผมยิ่งทำอร่อย ทุกๆวันที่ผมอยู่กับพี่ๆก็ประมาณนี้แหละครับ บางวันเราก็ตั้งวงดื่มเหล้ากันครับ ก็ทำให้ผมรู้อีกว่าพี่ๆนี่คอแข็งกันหมดเลยเมายากมาก ผมก็เมายากเหมือนกัน พ่อผมก็เหมือนกัน 555! สงสัยเป็นกรรมพันธุ์อีก มีความสุขและสนุกมากครับ ตลอดเวลาปิดเทอมของผมตั้งหลายเดือน ผมไปหาพี่แกตั้ง 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็เป็นอาทิตย์ จนพ่อผมด่าว่าอย่าไปกวนพี่ ก็คิดถึงพี่ชายอะพ่อ 555! บางทีผมก็หวั่นไหวกับพี่ชายตัวเองจริงๆนั่นแหละครับ (ผมหมายถึงพี่จีนะ ไม่ได้ชอบไปซะหมด) แต่ผมก็รู้ตัวเองดีครับ ว่าเราน่ะชอบคนง่าย มันก็แค่การหลงไหลหวั่นไหวไปชั่วขณะ ผมจะไม่เอาข้อเสียตัวเองมาทำให้ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไป อยู่แบบนี้มีความสุขแล้วครับ ถ้าผมเหงาเดี๋ยวก็จะเปิดเรียนแล้วค่อยหาแฟนก็ได้ 555! และผมก็จะเอาพี่ๆผมทุกคนมาเป็นไอดอลครับ และเราก็จะร่วมกันสร้างวงศ์ตระกูลของเราให้ยิ่งใหญ่!!!! .......... ><
the Question is ? >> จากประสบการณ์ที่ผมได้เล่ามาจึงทำให้เกิดคำถามครับว่า ในกรณีที่เป็นผู้ชายทั้งคู่และเป็นญาติกันสามารถเป็นแฟนกันได้มั้ยครับ? เพราะไม่ได้จะมีลูกอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวลูกจะพิการ และครอบครัวจะรับได้ง่ายขึ้นรึป่าว เพราะคนรักของลูกยังไงๆก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วรู้จักนิสัยดี ไว้วางใจได้ หรือมันจะทำให้ได้รับการยอมรับยากขึ้นครับ? อยากได้คำตอบจากหลายๆมุมมองมอง เพราะผมคิดว่าคำถามของผมอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อยครับ
ปล.ขออภัยด้วยนะครับที่ผมเล่ามาซะยาวและหากมีการใช้ภาษาผิด หรือพิมพ์ผิดยังไงก็ขออภัยอีกครั้งนะครับ
ปล.2 เรื่องราวการสนทนาทุกอย่างถูกดำเนินด้วยภาษาอีสาน แต่ผมถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาไทยเพื่อให้ทุกคนเข้าใจครับ
ปล.3 หากมีข้อกังขาหรือคำถามอะไรถามได้เลยนะครับ
{ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านและคำตอบจากทุกๆคนครับ}
ญาติกันเป็นแฟนกันได้มั้ยนะ?? (ช-ช)
เข้าเรื่องเลยละกัน>> ผมพึ่งจบม.6ครับ แล้วต้องรอมหาลัยเปิดตั้ง 5 เดือนกว่าๆ สงกรานต์ที่ผ่านมาผมปาร์ตี้กับเพื่อนๆหนักมากทุกวันจนแทบไม่มีเวลานอน และช่วงเทศกาลแบบนี้ก็มักจะมีเหล่าญาติๆแห่กันมาบ้านผมเป็นเรื่องปกติ ไกลแค่ไหนก็มา คือชอบปาร์ตี้กันทั้งตระกูล 555! จำได้ว่าวันนั้นวันที่ 15 ผมกลับบ้านมาซะเช้าเลย แล้วก็นอนเลยเพราะเมา นอนได้ไม่กี่ ชม. แม่ก็ปลุกให้ตื่นซะงั้น บอกว่าญาติฝั่งพ่อมา ให้ไปต้อนรับ ผมก็โอเค ลุกก็ลุก!! ผมก็ไปต้อนรับทั้งสภาพนั้นแหละ เพราะคิดว่าคงจะมีแต่ลุง ป้า น้า อา ที่มีอายุมากันแหละ แต่เห๊ยย!! มีพี่คนนึงมาด้วยว่ะ อายุประมาน 20 กลางๆ พี่แกหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยล่ะ จากที่ผมง่วงหงาวหาวนอนก็สดชื่นขึ้นทันที ในใจคิดชั่วช้าขึ้นมาเลยว่า ญาติก็ญาติเถอะวะกูไม่สน เรื่องสายเลือดเอาไว้ก่อน 555! แต่ปัญหาของผมคือผมจำชื่อกับหน้าคนไม่ค่อยเก่ง คือผมจำใครไม่ได้เลย แต่ทุกคนจำผมได้ดี จำได้ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น ผมก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยิ้ม และอายกับสภาพตัวเองตอนนั้นมาก พอผู้ใหญ่ทั้งหลายเข้าห้องรับประทานอาหารกัน แต่พี่คนนั้นกลับเดินมาหาผม (ตอนนั้นมีผมกับพี่แกแค่ 2 คนอยู่ตรงนั้น) พี่แกก็ทั้งยิ้มและหัวเราะแล้วก็เอามือมาตบไหล่ผมและขยี้หัวผมเบาๆ คือตอนนั้นงงมาก ทำแบบนี้ทำไมวะ? พี่แกเป็นใคร? สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ? แต่ผมก็เขินๆนิดหน่อยนะ อายด้วย พี่แกก็พูดกับผมเป็นภาษาอีสานว่า ไม่เจอกันนานโตขึ้นมากเลยนะ นี่พึ่งตื่นใช่มั้ย ปาร์ตี้หนักเลยอ่ะดิสงกรานต์ ผมก็ยิ้มแห้งๆ แล้วตอบว่าใช่ครับ แล้วก็ขอตัวไปอาบแต่งตัวก่อน ก่อนอาบน้ำผมก็เลยไปถามแม่ผมว่าพี่เค้าเป็นใคร แม่ก็เลยบอกว่า นี่จำพี่เค้าไม่ได้จริงๆเหรอ แต่ก่อนนอนกอดพี่เค้าตลอด ผมก็เลยพอเริ่มจะจำได้บ้างนิดหน่อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจน 555! [ ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ คือพ่อกับแม่ผมอยู่คนละจังหวัดกัน พ่อย้ายมาอยู่กับตระกูลฝั่งแม่ ที่ผมต้องใช้คำเวอร์หน่อยคือเราอยู่กันเป็นตระกูลจริงๆครับ ปู่ย่าตายายทวดลุงป้าน้าอา ก็มักจะสร้างบ้านติดกัน อยู่ระแวกเดียวกันในหมู่บ้านเล็กๆในพื้นที่ชนบท มีอาชีพทำไร่ไถนาและมีที่ดินทำกินติดกันอยู่ระแวกเดียวกันเหมือนบ้านเลย คือเป็นแบบนี้ทั้งตระกูลฝั่งพ่อและฝั่งแม่ พ่อก็ย้ายมาอยู่กินกับทางฝั่งแม่ แต่ก็ยังมีที่ดินทำกินที่บ้านเกิดตัวเองอยู่ ก็เลยได้กลับไปกลับมาบ่อยๆ ผมก็มักจะกลับไปกับพ่อตลอด เพราะว่าทางตระกูลฝั่งพ่อลูกๆหลานๆผู้ชายจะเยอะหน่อย ส่วนทางฝั่งแม่กลับมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย โดยมีผมเป็นผู้ชายคนเดียว และผมก็เป็นน้องคนเล็กสุดทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่ จึงได้รับการเอาอกเอาใจจากเหล่าบรรดาพี่ๆเป็นพิเศษ เวลาผมอยู่กับเหล่าบรรดาพี่สาวทางฝั่งแม่ เค้าก็จะพาแต่ผมเล่นขายของ แต่งตัวแต่งหน้า โดดหนังยาง อะไรทำนองนี้ ก็เด็กผู้หญิงอะเนาะ แต่ผมก็เล่นกับเค้านะ 555! คือเล่นได้หมดสนุกดี ผมก็ได้ซึมซับเอาหลายๆสิ่งที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงมาเยอะนะ เช่น การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น แต่ผมก็ชอบเล่นกับเด็กผู้ชายมากกว่านะก็เลยชอบกลับบ้านย่ากับพ่อเพราะว่ามีแต่เด็กผู้ชาย เหล่าพี่ชายทั้งหลายก็จะพาผมเล่นยิงปืน วิ่งไล่แย้ ยิงหนังสติ๊ก เล่นน้ำ จับปลา ตามประสาเด็กบ้านนอกนี่แหละครับ ซึ่งผมก็ชอบมาก พี่ที่ผมสนิทที่สุดก็คือพี่คนนี้นี่แหละครับ พี่แกชื่อพี่ จี (นามสมมติอีกแล้ว 555!) ผมจะวิ่งไปหาพี่แกเป็นคนแรกเวลากลับบ้านย่ากับพ่อ คือจะไปไหนมาไหนก็จะอยู่กับพี่จีตลอด กินข้าวด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนกอดกันด้วย 555! ไม่งั้นผมจะไม่ยอม และทุกคนก็ตามใจเพราะผมเป็นน้องเล็กสุดอ่ะ ส่วนสาเหตุที่ผมจำพี่แกและพวกพี่ๆอีกหลายๆคนไม่ได้นั้นเป็นเพราะว่าตอนที่ผมเริ่มอยู่ ป.4ป.5 ก็เป็นช่วงเตรียมจะเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว นิสัยต่างๆก็จะเปลี่ยนไป โลกส่วนตัวสูงขึ้น และเริ่มจะรู้จักตัวเองมากขึ้น ผมก็ไม่อยากจะไปเจอญาติอะไรมากมาย วุ่นวาย ผมก็มีเพื่อนเยอะขึ้น มีสังคมของตัวเอง ก็เลยไม่ค่อยได้กลับบ้านย่ากับพ่อแล้ว นานๆทีค่อยกลับ แต่ก็ไม่ค่อยเจอพวกพี่ชายนักหรอก เพราะพวกพี่เค้าต่างก็จากบ้านไปร่ำเรียนที่อื่นกันหมด ผมเองก็เข่นกัน จึงทำให้ผมใครไม่ค่อยจะได้แล้ว ความทรงจำในวัยเด็กค่อยๆเลือนลางลงทุกที อ้าว! อธิบายซะยาวเลย โทษทีครับ] เข้าเรื่องกันต่อครับ>> ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวครับ แต่งตัวดีด้วย 555! แล้วก็รีบไปร่วมวงรับประทานอาหารกับญาติๆ พอผมเดินเข้าไปก็เห็นพี่แกจองที่ไว้ให้ผมแล้วครับ ผมก็ดีใจนิดหน่อย 555! แต่ระหว่างรับประทานอาหารผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่แกเลย เพราะว่าญาติๆแต่ละคนเหมือนเตรียมคำถามมาถามผมเยอะมาก ทุกคนจำผมได้ดีมากเลยครับ จำได้ดีกว่าผมอีก เหตุการณ์อะไรต่างๆก็จะเล่ามาหมด เช่น ผมเคยทำให้เหล่าพี่ชายโดนก้านมะยมหลายครั้งเพราะพาผมเล่นอะไรที่อันตราย ฯลฯ ผมนี่กินข้าวไม่อิ่มเลย ผมก็เลยชวนพี่จีไปนั่งกินข้าวต่อกับพวกพี่สาวซึ่งนั่งกันอยู่ข้างนอก พี่จีจะได้คุยกับพวกพี่สาวด้วยเพราะเราก็รู้จักกันหมด พี่สาวผมก็จำพี่จีได้หมดเลยครับ ยกเว้นผมคนเดียว 555! รู้สึกผิดนิดนึงอยู่นะ ผมลืมพี่ชายคนนี้ได้ยังไง พวกเจ้ๆทั้งหลายก็ต่างชมกันว่าพี่จีนี่หล่อขึ้นเยอะเลย แต่ก็คุยกันได้แปปเดียวพวกเจ้ๆก็รีบกินรีบเสร็จเพราะพวกนางมีนัดปาร์ตี้กะเพื่อนต่อ ซึ่งผมก็มี แต่ผมขอเบี้ยวนัดเพื่อนละกัน พี่ชายสุดหล่อกูมาทั้งที ผมเจอพี่แกครั้งสุดท้ายก็น่าจะช่วงประถม ป.3 ป.4 แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ผมก็อยากจะมาย้อนความหลังกับพี่แกครับ ตอนนั้นมีแค่ผมกับพี่จีนั่งอยู่กัน 2 คนครับ ผมก็ชวนพี่แกกินเบียร์ พี่แกก็กินกะผมนิดนึงครับ แบบกินแค่พอรับน้ำใจน้อง เพราะพี่แกเป็นคนขับรถ มันจะอันตราย ด่านก็เยอะช่วงเทศกาล เราก็คุยกันหลายๆเรื่องครับ ก็ได้รู้ว่าพี่แกเป็นวิศวกร ทำงานอยู่ที่ชลบุรีครับ การศึกษาดี นิสัยดี หน้าตาดี การงานก็ดี ช่างเพอร์เฟคท์จริงๆ เราคุยกันได้ไม่นานนักความผูกพันธ์ ความสนิทสนมกันในวัยเด็กของเรามันก็กลับมาไวมากครับ พี่แกบอกว่าที่มาวันนี้ก็เพราะคิดถึงเรานั่นแหละ ไม่งั้นก็ไม่มานั่งด้วยนานขนาดนี้หรอก พี่แกพูดแบบนี้ผมก็เขินสิครับ 555! แล้วเวลามันก็ผ่านไปไวมาก เหมือนคุยกันได้แปปเดียวพี่แกก็ต้องกลับแล้ว ก่อนกลับเราก็ได้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณีที่ดีงามของเรา พี่แกก็ได้ขอไลน์ผมไว้ ชวนผมไปเที่ยวชลบุรี แล้วก็ให้เงินผมด้วย พันนึง บอกว่าเป็นค่าเหล้า 555! คือรู้ทันผมจริงๆ น่ารักมาก หล่อแล้วยังรู้จักเปย์น้องด้วย แต่ผมก็ไม่กล้ากอดพี่แกเหมือนตอนเด็กๆหรอกครับ ทั้งๆที่ก็อยากนะ 555! พอถึงตอนค่ำพี่แกก็ทักผมครับ เราก็คุยกันในไลน์ต่อนิดหน่อยครับ แล้วพี่แกก็ส่งรูปที่แอบถ่ายผมมาสองสามรูป คือแบบเห้ยพี่!! รูปหลุดก็หลุดจริงๆอ่ะ คือถ้าจะถ่ายก็ขอกันดีๆก็ได้ จะได้แอคท่าหล่อๆหน่อย พี่แกก็บอกธรรมดาโลกไม่จำ ผมก็ลืมถ่ายเซลฟี่กับพี่แกอะครับ มัวแต่คุยกันจนเพลิน มีแต่พี่แกฉวยโอกาสแอบถ่ายผม ผมก็บอกพี่แกว่า อย่าเอาไปให้ใครดูนะพี่ พี่แกก็หัวเราะยกใหญ่ พร้อมกับบอกว่าไม่ทันแล้วน้อง เหล่าบรรดาพี่ชายรู้กันหมดแล้ว เอิ่มม!! จบข่าวเลยงานนี้กู คือเหล่าพี่ชายเค้ามีไลน์กลุ่มกันครับ แล้วพี่จีก็ลากผมเข้ากลุ่มครับ ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เลยครับ น้องเล็กที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 10 ปี ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กของพวกเราหวนกลับคืนมาอีกครั้งครับ และจากการพูดคุยก็ทำให้ผมได้รู้ว่า นอกจากพี่จีแล้ว พี่ๆอีกหลายๆคนดีกรีไม่ธรรมดาเลยครับ หน้าตาดีกันหมดเลย หน้าที่การงานดีๆกันทั้งนั้น ทำให้ผมต้องมองดูตัวเอง รู้สึกแบบกูนี่นอกคอกจังวะ 555! DNAเราทำไมมันห่างเหินกันเยี่ยงนี้.............
ผ่านไปประมาน 3 สัปดาห์ พี่แกมีธุระต้องกลับบ้านครับ ก็เลยชวนผมกลับชลกับพี่แก ผมก็ตอบตกลงสิครับ ไม่คิดอะไรเลย 555! พี่แกเลยมารับผมที่บ้าน พ่อแม่ผมก็อนุญาติให้ไปครับ พ่อบอกกับพี่จีว่า น้องดื้อเหมือนแต่ก่อนนั่นแหละ ยังไงก็ฝากน้องด้วยนะลูก ผมก็ยิ้มๆครับ ในใจก็คิดว่าผมขอฝากทั้งตัวและหัวใจได้มั้ยพี่ 555! คิดชั่วช้าได้ตลอด แล้วเราก็ไปชลกับครับ!!!!
พอถึงชลพี่แกก็พาไปบ้านพี่แกครับ เป็นบ้านจัดสรรหลังไม่ใหญ่ แต่สวยงามและน่าอยู่มากครับ และก็ได้เจอกับพี่ชายอีก 2 คนครับ หน้าตาดีมากกกก!!! ทำไม DNAกูเพี้ยนมาได้ขนาดนี้ 555! สรุปแล้วในบ้านหลังนี้ก็มีกัน 4 คนครับ พี่ชายทั้ง 3 ดูแลผมดีมากๆครับ เป็นสายเปย์หมดเลย ตามใจน้องตลอด พาไปเที่ยวหลายที่เลยครับ ไม่เคยมีโมเม้นต์แบบนี้มาก่อนเลย พี่ๆแกก็น่ารักมากครับ คือผมสังเกตดูเวลาพี่แกคุยกันก็ไม่มีคำว่า -กู เลย ทั้งที่อายุก็ไล่เลี่ยกัน ซึ่งก็จะใช้สรรพนามสุภาพในภาษาอีสานคุยกันครับ คือเป็นอะไรที่น่ารักมาก และทุกๆเช้าพี่ๆก็จะตื่นเช้ามากครับ ตื่นมานึ่งข้าวเหนียวและทำอาหารเช้า แล้วค่อยจะปลุกผมมากิน แต่ไม่ปลุกธรรมดานี่สิ เพราะผมไม่ชอบตื่นเช้า พ่อผมเลยฝากให้มาแกล้ง คือผมโดนแกล้งแทบทุกเช้าเลย ทั้งโดนจับยกแขนยกขาแล้วก็เขย่าๆอะไรสนุกก็ทำไป ทั้งๆที่ผมก็ตัวใหญ่เหมือนกัน เล่นเป็นเด็กไปได้ ผมก็หัวร้อนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะมีของกิน 555! กินข้าวเสร็จพวกพี่แกก็ออกไปทำงาน โดยมีผมอยู่บ้านคนเดียว แต่ไม่ได้เหงาเลยเพราะพวกพี่ๆก็พลัดกันทั้งไลน์ทั้งโทรมาตลอด ทำเหมือนทิ้งเด็กประถมไว้บ้านคนเดียวไปได้ พอเลิกงานก็ค่อยมารับผมออกไปเดินเที่ยวและซื้อของมาทำกับข้าวที่บ้าน ส่วนใหญ่ผมก็ไปกับพี่จีครับ เพราะพี่แกดูมีเวลาว่างสุด และเป็นคนที่สนิทที่สุดครับ เราจะไม่ค่อยได้กินข้าวนอกบ้านกันนะครับเพราะว่าทำเองอร่อยกว่าจริงๆ เราทำอาหารกันเป็นทุกคนครับ ผมก็ทำเป็น อาจจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์มั้ง พ่อผมยิ่งทำอร่อย ทุกๆวันที่ผมอยู่กับพี่ๆก็ประมาณนี้แหละครับ บางวันเราก็ตั้งวงดื่มเหล้ากันครับ ก็ทำให้ผมรู้อีกว่าพี่ๆนี่คอแข็งกันหมดเลยเมายากมาก ผมก็เมายากเหมือนกัน พ่อผมก็เหมือนกัน 555! สงสัยเป็นกรรมพันธุ์อีก มีความสุขและสนุกมากครับ ตลอดเวลาปิดเทอมของผมตั้งหลายเดือน ผมไปหาพี่แกตั้ง 3 ครั้ง แต่ละครั้งก็เป็นอาทิตย์ จนพ่อผมด่าว่าอย่าไปกวนพี่ ก็คิดถึงพี่ชายอะพ่อ 555! บางทีผมก็หวั่นไหวกับพี่ชายตัวเองจริงๆนั่นแหละครับ (ผมหมายถึงพี่จีนะ ไม่ได้ชอบไปซะหมด) แต่ผมก็รู้ตัวเองดีครับ ว่าเราน่ะชอบคนง่าย มันก็แค่การหลงไหลหวั่นไหวไปชั่วขณะ ผมจะไม่เอาข้อเสียตัวเองมาทำให้ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไป อยู่แบบนี้มีความสุขแล้วครับ ถ้าผมเหงาเดี๋ยวก็จะเปิดเรียนแล้วค่อยหาแฟนก็ได้ 555! และผมก็จะเอาพี่ๆผมทุกคนมาเป็นไอดอลครับ และเราก็จะร่วมกันสร้างวงศ์ตระกูลของเราให้ยิ่งใหญ่!!!! .......... ><
the Question is ? >> จากประสบการณ์ที่ผมได้เล่ามาจึงทำให้เกิดคำถามครับว่า ในกรณีที่เป็นผู้ชายทั้งคู่และเป็นญาติกันสามารถเป็นแฟนกันได้มั้ยครับ? เพราะไม่ได้จะมีลูกอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวลูกจะพิการ และครอบครัวจะรับได้ง่ายขึ้นรึป่าว เพราะคนรักของลูกยังไงๆก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วรู้จักนิสัยดี ไว้วางใจได้ หรือมันจะทำให้ได้รับการยอมรับยากขึ้นครับ? อยากได้คำตอบจากหลายๆมุมมองมอง เพราะผมคิดว่าคำถามของผมอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อยครับ
ปล.ขออภัยด้วยนะครับที่ผมเล่ามาซะยาวและหากมีการใช้ภาษาผิด หรือพิมพ์ผิดยังไงก็ขออภัยอีกครั้งนะครับ
ปล.2 เรื่องราวการสนทนาทุกอย่างถูกดำเนินด้วยภาษาอีสาน แต่ผมถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาไทยเพื่อให้ทุกคนเข้าใจครับ
ปล.3 หากมีข้อกังขาหรือคำถามอะไรถามได้เลยนะครับ
{ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านและคำตอบจากทุกๆคนครับ}