0.
ที่เรามาเขียนไม่ใช่อะไรนะ แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรอบสี่ปีที่ผ่านมา
นับตั้งแต่อาการปรากฎจนถึงตอนที่ฉันมานั่งพิมพ์กระทู้นี้
เพื่อให้ผู้คนเข้าใจในกลไกของการเกิดโรค และสภาพของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นจริง
บวกกับบอกเล่าเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อผู้ป่วยจิตเวชในสังคม
---------------
1.
จุดเริ่มต้นของการแสดงอาการของฉันคือสมัยไปสหกิจศึกษาตอนปีสี่เทอมแรก
ตอนนั้นไปฝึกงานอยู่ในบริษัท 3D ที่มีการแยกส่วนระหว่างเด็กฝึกงานกับพนักงาน
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรมากหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก
อยู่ ๆ ก็รู้สึกเศร้า หดหู่ ทำงานไม่ได้ ร้องไห้บ่อยมาก นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ (กินยาแก้ไมเกรนแล้วไม่หาย)
ซึ่งเรามีอาการนี้มาเป็นเดือน ๆ แต่ก็แค่คิดว่าคงเครียดจากการทำโปรเจคจบ
แต่อยู่ ๆ เราก็รู้สึกอยากจะกระโดดลงมาจากบันไดสะพานลอยขึ้นมา
เลยเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ปกติแล้วหละ ...
...และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการไปพบจิตแพทย์ครั้งแรก
ก่อนเราไปหาหมอ เราคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้า
(หลังจากนี้เราจะเรียกโรคนี้ว่า MDD เพราะไม่ชอบเรียกชื่อโรคภาษาไทย มันฟังดูแย่ไปหน่อย)
เพื่อนเราบอกว่า เฮ้ยแกมีอาการแบบเราเลย ลองไปหาจิตแพทย์ดูดีกว่านะ
เราจึงค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วก็เลือกโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งกลางกรุง
โดยที่บอกพ่อว่า เดี๋ยวเราจะไปหาหมอเกี่ยวกับอาการไมเกรนที่ไม่ยอมหายขาดสักที
พ่อบอก อืม จะไปก็ไป ไม่ได้ว่าอะไร
---------------
2.
การไปหาจิตแพทย์ครั้งแรกนั้นไม่มีขั้นตอนอะไรมาก
ไปคัดกรองผู้ป่วย ทำบัตร แล้วก็ไปตรวจที่แผนกจิตเวช
แต่ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาล...จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรอคอยเวลาหมอลงตรวจ (นานมาก)
ซึ่งสภาพจิตใจของเราตอนนั้นว่างเปล่า ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ก็เลยนอนรอในแผนกนั่นแหละ
ระหว่างรอ เราก็เห็นว่ามีผู้ป่วยหลากหลายประเภท
มีตั้งแต่เด็ก คนแก่ พระ คนป่วย ผู้ชาย ผู้หญิง คนผอม คนอ้วน
เราไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเป็นอะไร แต่ที่รู้ก็คือพวกเขามาพบจิตแพทย์เหมือนกับเรา
ทันทีที่ได้เข้าไปในห้องตรวจ หมอก็ถามเราสั้น ๆ ว่า
วันนี้มีอะไรให้ช่วยคะ?
ฉันจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองทีละอย่าง
...
ตอนแปดขวบ แม่ติดเหล้า ทะเลาะกับพ่อประจำ เบื่อโรงเรียน เกลียดครู ไม่ยอมไปเรียน
พอสิบขวบ คนในห้องเดียวกันแกล้ง ที่ฝังใจคือเกือบโดนเก้าอี้ฟาดหัว
ตอนมอสาม มีปัญหากับการเลือกแผนการเรียน เพราะที่บ้านอยากให้เรียนสายวิทย์
พอมอปลาย นอกจากปัญหาเรื่องการเรียน ยังโดนผู้หญิงในห้องแบนอีก
ความอดทนในหลาย ๆ เรื่องหมดลง จนนำไปสู่การพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรกตอนอายุสิบหก
ตอนอายุยี่สิบ เลิกกับแฟนเพราะทำงานกลุ่มแล้วไม่ลงรอยกัน หลังจากเลิกก็ไปแอ๊วผู้ชายคนอื่น เคยคุยพร้อมกันมากสุดสามคน
เคยคบกับรุ่นพี่ที่กล้าพูดกับเราว่า ก็แค่สนุก ๆ แล้วก็เลิกเพราะเราไม่เอาบวกเรารู้แล้วว่าเราชอบใคร
แล้วก็เป็นคนว่างเปล่าที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิตอีก
ที่บ้านก็ปรึกษาไม่ได้ จะบอกเพื่อนก็เสี่ยงโดนเอาไปคุยกันทั้งกลุ่มอีก
---------------
3.
เราเล่าให้หมอฟังอยู่นานมาก...
เล่าต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ทะเลาะกับเพื่อนมา แล้วเพื่อนไม่ยอมคุยด้วย
เราเลยกินพาราเข้าไปหวังจะให้หลับทุกสี่ชั่วโมงเป็นเวลาสองสามวัน
แล้วก็ปล่อยมาจนถึงตอนนี้ เหมือนยังมีอะไรค้างอยู่ในใจเลย
...
พอบอกทุกอย่างในชีวิตพัง ๆ นี้จนจบ หมอก็เริ่มวินิจฉัยอาการที่เราเป็น
ซึ่งเราจับใจความได้แค่เพียงว่า "คุณมีภาวะของโรคซึมเศร้านะ"
แล้วหมอก็ถามว่า รู้ไหมว่าต้องรักษายังไง
เราเลยตอบแบบที่คิดไปว่า กินยาแล้วปรับการใช้ชีวิตมั้งคะ
แล้วหมอก็จ่ายยาที่ชื่อว่า Fluoxetine กับ Diazepam มาให้
หลังจากการหาหมอ เราโทรหาเพื่อนที่เคยทะเลาะกันก่อนจะไปสหกิจ ซึ่งทำงานอยู่แถวนั้น
ถือว่าเป็นการปรับความเข้าใจกันอย่างใหญ่หลวง
และเมื่อเราบอกว่าเราป่วยเป็นอะไร เพื่อนก็ได้ตอบกลับมาว่า
"ไม่แปลกหรอก ชั้นว่าแกป่วยมานานแล้วล่ะ"
แล้วก็ได้บอกกับคนที่เรากำลังดูใจอยู่ในตอนนั้น ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้านะ รับได้ไหม
คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ "ไม่แปลกหรอกที่หมอจะวินิจฉัยแบบนั้น เรารับได้ เพราะหมอก็เคยบอกว่าเรามีความเสี่ยงของภาวะนี้เหมือนกัน"
อธิบาย
โรคซึมเศร้า หรือ Major Depressive Disorder (MDD) เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศทุกวัย
โดยมีสาเหตุมาจากการที่สารเคมีในสมองที่ชื่อว่า Serotonin และ Norepinephrine ลดต่ำลงจนขาดความสมดุล
หรือมาจากลักษณะนิสัยบางอย่างของผู้ป่วย รวมถึงอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ได้อีกด้วย
สำหรับเราแล้ว กลไกของการเกิดโรคนั้นมาจากความเครียดที่สั่งสมเป็นเวลานานล้วน ๆ
จนทำให้อารมณ์แปรปรวน แล้วสารเคมีในสมองก็พังตามมา
---------------
"เพราะว่าฉันเป็น MDD ฉันจึง ERROR" - บันทึกผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคนหนึ่ง
ที่เรามาเขียนไม่ใช่อะไรนะ แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรอบสี่ปีที่ผ่านมา
นับตั้งแต่อาการปรากฎจนถึงตอนที่ฉันมานั่งพิมพ์กระทู้นี้
เพื่อให้ผู้คนเข้าใจในกลไกของการเกิดโรค และสภาพของผู้ป่วยที่เกิดขึ้นจริง
บวกกับบอกเล่าเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อผู้ป่วยจิตเวชในสังคม
---------------
1.
จุดเริ่มต้นของการแสดงอาการของฉันคือสมัยไปสหกิจศึกษาตอนปีสี่เทอมแรก
ตอนนั้นไปฝึกงานอยู่ในบริษัท 3D ที่มีการแยกส่วนระหว่างเด็กฝึกงานกับพนักงาน
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรมากหรอก แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก
อยู่ ๆ ก็รู้สึกเศร้า หดหู่ ทำงานไม่ได้ ร้องไห้บ่อยมาก นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ (กินยาแก้ไมเกรนแล้วไม่หาย)
ซึ่งเรามีอาการนี้มาเป็นเดือน ๆ แต่ก็แค่คิดว่าคงเครียดจากการทำโปรเจคจบ
แต่อยู่ ๆ เราก็รู้สึกอยากจะกระโดดลงมาจากบันไดสะพานลอยขึ้นมา
เลยเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ปกติแล้วหละ ...
...และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการไปพบจิตแพทย์ครั้งแรก
ก่อนเราไปหาหมอ เราคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้า
(หลังจากนี้เราจะเรียกโรคนี้ว่า MDD เพราะไม่ชอบเรียกชื่อโรคภาษาไทย มันฟังดูแย่ไปหน่อย)
เพื่อนเราบอกว่า เฮ้ยแกมีอาการแบบเราเลย ลองไปหาจิตแพทย์ดูดีกว่านะ
เราจึงค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วก็เลือกโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งกลางกรุง
โดยที่บอกพ่อว่า เดี๋ยวเราจะไปหาหมอเกี่ยวกับอาการไมเกรนที่ไม่ยอมหายขาดสักที
พ่อบอก อืม จะไปก็ไป ไม่ได้ว่าอะไร
---------------
2.
การไปหาจิตแพทย์ครั้งแรกนั้นไม่มีขั้นตอนอะไรมาก
ไปคัดกรองผู้ป่วย ทำบัตร แล้วก็ไปตรวจที่แผนกจิตเวช
แต่ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาล...จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรอคอยเวลาหมอลงตรวจ (นานมาก)
ซึ่งสภาพจิตใจของเราตอนนั้นว่างเปล่า ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ก็เลยนอนรอในแผนกนั่นแหละ
ระหว่างรอ เราก็เห็นว่ามีผู้ป่วยหลากหลายประเภท
มีตั้งแต่เด็ก คนแก่ พระ คนป่วย ผู้ชาย ผู้หญิง คนผอม คนอ้วน
เราไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเป็นอะไร แต่ที่รู้ก็คือพวกเขามาพบจิตแพทย์เหมือนกับเรา
ทันทีที่ได้เข้าไปในห้องตรวจ หมอก็ถามเราสั้น ๆ ว่า
วันนี้มีอะไรให้ช่วยคะ?
ฉันจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองทีละอย่าง
...
ตอนแปดขวบ แม่ติดเหล้า ทะเลาะกับพ่อประจำ เบื่อโรงเรียน เกลียดครู ไม่ยอมไปเรียน
พอสิบขวบ คนในห้องเดียวกันแกล้ง ที่ฝังใจคือเกือบโดนเก้าอี้ฟาดหัว
ตอนมอสาม มีปัญหากับการเลือกแผนการเรียน เพราะที่บ้านอยากให้เรียนสายวิทย์
พอมอปลาย นอกจากปัญหาเรื่องการเรียน ยังโดนผู้หญิงในห้องแบนอีก
ความอดทนในหลาย ๆ เรื่องหมดลง จนนำไปสู่การพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรกตอนอายุสิบหก
ตอนอายุยี่สิบ เลิกกับแฟนเพราะทำงานกลุ่มแล้วไม่ลงรอยกัน หลังจากเลิกก็ไปแอ๊วผู้ชายคนอื่น เคยคุยพร้อมกันมากสุดสามคน
เคยคบกับรุ่นพี่ที่กล้าพูดกับเราว่า ก็แค่สนุก ๆ แล้วก็เลิกเพราะเราไม่เอาบวกเรารู้แล้วว่าเราชอบใคร
แล้วก็เป็นคนว่างเปล่าที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิตอีก
ที่บ้านก็ปรึกษาไม่ได้ จะบอกเพื่อนก็เสี่ยงโดนเอาไปคุยกันทั้งกลุ่มอีก
---------------
3.
เราเล่าให้หมอฟังอยู่นานมาก...
เล่าต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ทะเลาะกับเพื่อนมา แล้วเพื่อนไม่ยอมคุยด้วย
เราเลยกินพาราเข้าไปหวังจะให้หลับทุกสี่ชั่วโมงเป็นเวลาสองสามวัน
แล้วก็ปล่อยมาจนถึงตอนนี้ เหมือนยังมีอะไรค้างอยู่ในใจเลย
...
พอบอกทุกอย่างในชีวิตพัง ๆ นี้จนจบ หมอก็เริ่มวินิจฉัยอาการที่เราเป็น
ซึ่งเราจับใจความได้แค่เพียงว่า "คุณมีภาวะของโรคซึมเศร้านะ"
แล้วหมอก็ถามว่า รู้ไหมว่าต้องรักษายังไง
เราเลยตอบแบบที่คิดไปว่า กินยาแล้วปรับการใช้ชีวิตมั้งคะ
แล้วหมอก็จ่ายยาที่ชื่อว่า Fluoxetine กับ Diazepam มาให้
หลังจากการหาหมอ เราโทรหาเพื่อนที่เคยทะเลาะกันก่อนจะไปสหกิจ ซึ่งทำงานอยู่แถวนั้น
ถือว่าเป็นการปรับความเข้าใจกันอย่างใหญ่หลวง
และเมื่อเราบอกว่าเราป่วยเป็นอะไร เพื่อนก็ได้ตอบกลับมาว่า
"ไม่แปลกหรอก ชั้นว่าแกป่วยมานานแล้วล่ะ"
แล้วก็ได้บอกกับคนที่เรากำลังดูใจอยู่ในตอนนั้น ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้านะ รับได้ไหม
คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ "ไม่แปลกหรอกที่หมอจะวินิจฉัยแบบนั้น เรารับได้ เพราะหมอก็เคยบอกว่าเรามีความเสี่ยงของภาวะนี้เหมือนกัน"
อธิบาย
โรคซึมเศร้า หรือ Major Depressive Disorder (MDD) เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศทุกวัย
โดยมีสาเหตุมาจากการที่สารเคมีในสมองที่ชื่อว่า Serotonin และ Norepinephrine ลดต่ำลงจนขาดความสมดุล
หรือมาจากลักษณะนิสัยบางอย่างของผู้ป่วย รวมถึงอาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ได้อีกด้วย
สำหรับเราแล้ว กลไกของการเกิดโรคนั้นมาจากความเครียดที่สั่งสมเป็นเวลานานล้วน ๆ
จนทำให้อารมณ์แปรปรวน แล้วสารเคมีในสมองก็พังตามมา
---------------