เพลงดังในอดีตถูกมุขรับลูกจากกระทรวงวัฒนธรรมชนิดสุดบ้าจี้ของคณะกรรมการ กิจการวิทยุกระจายเสียง
และวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ แบนสนิท!!! สั่งห้ามเผยแพร่ ด้วยเหตุผลหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม
อันดีงาม แถมเพลงปัจจุบันรวมทั้งมิวสิคพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขไปด้วย

จากเดิม ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะรับทราบและซาบซึ้งถึงความไพเราะและงดงามของเพลง หวานในอดีต อีกหน่อย
ก็คงจะไม่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ
กรมประชาสัมพันธ์ฟิตจัดรับลูกจากกระทรวงวัฒนธรรม สั่งแบนเพลงดังกล่าวจำนวน 14 เพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น
เพลงที่ได้รับความนิยมมากในอดีตทั้งสิ้น อาทิ เมียพี่มีชู้ ฉันรักผัวเขา รวมทั้งเพลงดังยุคปัจจุบันชู้รัก ของวายน๊อตเซเว่น
ก็โดนด้วย

โดยนายกฤษณพร เสริมพานิช ผอ.กองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ
กรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว ที่มีนายปราโมช รัฐวินิจ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
เป็นประธาน และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เข้าร่วมพิจารณาข้อร้องเรียนของกระทรวงวัฒนธรรม ที่มีนางอุไรวรรณ
เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ที่ขอให้พิจารณายุติการเผยแพร่เพลง ที่มีเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม คุณธรรม
จริยธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ทั้งส่งเสริมและยั่วยุให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป

เป็นแบบอย่างการประพฤติที่ไม่ดีงาม ที่ได้รับการร้องเรียนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนตลอดจนประชาชนจำนวนมาก
จำนวน 18 เพลง และมิวสิกวีดิโอ จำนวน 4 เพลง
สำหรับเพลงที่ได้รับการร้องเรียนเข้าข่ายขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม ทั้ง 18 เพลง ประกอบด้วย
1. เพลงบ่ย่านบาป ร้องโดย หญิงลี ศรีจุมพล
2. เพลงอ้ายย่านบาป ร้องโดยไพฑูรย์ หนุนโชค
3. เพลงท้ายโอ่นโหย่น ไพฑูรย์ หนุนโชค
4. เพลงชู้ทางใจ สุเทพ วงศ์กำแหง
5. เพลงผิดทางรัก สุเทพ วงศ์กำแหง
6. เพลงส่วนเกิน ดาวใจ ไพจิตร
7. เพลงหนึ่งหญิงสองชาย ร้องโดยอุมาพร บัวพึ่ง
8. เพลงฉันรักผัวเขา ร้องโดยสินจัย หงษ์ไทย
9. เพลงเมียพี่มีชู้ ร้องโดยชาย เมืองสิงห์
10. เพลงน้ำตาเมียน้อย ร้องโดยจินตหรา พูนลาภ
11. เพลงชู้รัก ของวงวาย น็อต เซเว่น
12. เพลงคำขาดเมียน้อย ร้องโดยขนิษฐา ธิดาไทย
13. เพลงผัวบุญธรรม ร้องโดยสัมพันธ์ เสรีภาพ
14. เพลงชู้ ร้องโดยหลง ลงลาย
15. เพลงรักในใจ ร้องโดยวินัย พันธุรักษ์
16. เพลงประตูหนีบมือ ร้องโดยไพจิตร อักษรณรงค์
17. เพลงบาปนักหรือถ้าเราจะรักกัน ร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหง
18. เพลงทั้งรู้ก็รัก
ส่วนมิวสิกวีดิโอประกอบด้วย
1. เพลงเข้าลึกลึก ร้องโดย แววมณี วลีพร
2. เพลงเปิดท้ายขายรัก ร้องโดยหลิว วาริสสรา
3. เพลงปวดหัว ร้องโดยรัฐธิดา สุภีกิจ
4. ปลา-บอง ร้องโดยรัฐธิดา สุภีกิจ

นายกฤษณพรกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้จัดแบ่งเพลงโดยพิจารณาจากเนื้อเพลง หากมีเนื้อหาหยาบโลน
ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ล้อเลียนบุคคลอื่น ถือว่าอยู่ในโซนสีดำ เนื้อเพลงที่มีเนื้อหาก้ำกึ่ง เนื้อร้องชวนให้
คิดสองแง่สามง่าม อยู่ในโซนสีเทา ส่วนเนื้อเพลงไม่มีเนื้อหาหยาบโลน แต่มีพฤติกรรมชวนให้คิด
จินตนาการ เช่น การแต่งตัววาบหวาม โป๊ ในมิวสิกวีดิโอเพลงดังกล่าวก็ถือว่าเข้าข่ายพิจารณา ให้ยุติการ
เผยแพร่เช่นกัน

โดยทั้ง 18 เพลงได้ข้อยุติ คือให้ยุติการเผยแพร่ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ เพราะมีเนื้อหา
หมิ่นเหม่ ผิดต่อศีลธรรม ขัดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของคนไทยและชาติ เพราะส่งเสริมให้มี
หลายสามีและหลายภรรยา รวมทั้งพฤติกรรมชู้สาว

โดย เฉพาะหลายเพลงมีศิลปินแห่งชาติ และศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา ที่ควรเป็นแบบอย่างการประพฤติ
ที่ดีงาม เป็นผู้ร้องในเพลงดังกล่าวด้วย เช่น นายสุเทพ วงศ์กำแหง นายชาย เมืองสิงห์ และนางดาวใจ ไพจิตร
จึงไม่เหมาะสม ขณะนี้ ได้ทำหนังสือถึงผู้ผลิต ค่ายเทป ผู้ประพันธ์ และศิลปินให้รับทราบแล้ว

สำหรับเพลงที่ถูกสั่งแบนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีการขับร้องและเผยแพร่มาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า
10-20 ปี อาทิ เพลงเมียพี่มีชู้ ของชาย เมืองสิงห์ เพลงชู้ทางใจ ของสุเทพ วงศ์กำแหง เพลงส่วนเกิน ของ
ดาวใจ ไพจิตร เพลงหนึ่งหญิงสองชาย ของอุมาพร บัวพึ่ง ขณะที่ยังมีเพลงในยุคปัจจุบันอีกหลายสิบเพลงที่มี
เนื้อหาสองแง่สองง่าม หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอันดีแต่ไม่มีการหยิบยกมาพิจารณา