เป็นเรื่อง! ช่อง 3 แอนะล็อกเจอโจทย์ใหญ่อีกแล้ว นีลเส็น เตรียมเลิกวัดเรตติ้ง
ปัญหาการไม่สามารถยุติการออกอากาศช่อง 3 แอนะล็อก ตามเงื่อนไขของ กสทช. (อ่านประกอบ : ช่อง 3 กระอัก! กสทช.สั่งยกเลิกออกอากาศคู่ขนาน มีผล 17 ก.ค.) กำลังเป็น "เงื่อนปม" ให้กับช่อง 3 อีกครั้ง
เมื่อนีลเส็น บริษัททำหน้าที่วัดเรตติ้ง กำลังเตรียมยกเลิกการเก็บเรตติ้งผู้ชมระบบแอนะล็อคทั้งหมด หลังจากเหลือเพียงช่อง 3 แอนะล็อคเพียงช่องเดียวที่ยังคงต้องออกอากาศต่อไปจนถึงปี 2563 ตามเงื่อนไขสัมปทานที่ทำไว้กับ อสมท.
...................................................
..................................................
แหล่งข่าวในวงการทีวีดิจิทัล บอกว่า นีลเส็นได้แจ้งทีวีดิจิทัลว่า จะเลิกทำการเก็บข้อมูลคนดูทีวีที่รับชมผ่านระบบแอนะล็อคภายในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่ช่อง 9 และ NBT ปิดระบบแอนะล็อคอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือช่อง 3 เพียงช่องเดียวก็ตาม เนื่องจากฐานข้อมูลพบว่าตัวเลขคนดูแอนะล็อคเหลืออยู่น้อยมากแล้ว อีกทั้งเป็นนโยบายของบริษัทแม่ที่ต้องการปรับให้ระบบการวัดเรตติ้งในของทีวีดิจิทัลทั้งหมดเท่านั้น
ทั้งนี้มีการประมาณการกันว่า มีจำนวนคนดูแอนะล็อคในประเทศไทยอยู่ประมาณ 1 ล้านคน แต่เป็นกลุ่มผู้ชมของช่อง 3 ประมาณ 3 แสนคน เมื่อเทียบกับ จำนวนกลุ่มตัวอย่างของนีลเส็นทั้งหมดประมาณ 2,500 ครัวเรือน ทั่วประเทศ มีกลุ่มผู้ชมผ่านระบบแอนะล็อคไม่ถึง 0.5% ของทั้งหมด เป็นเหตุผลทำให้นีลเส็นต้องปิดระบบการวัดแอนะล็อค
...................................................
..................................................
แต่การยกเลิกวัดผลระบบแอนะล็อก ยังเป็นจังหวะเดียวกับ สัญญาการซื้อเรตติ้งระหว่างกลุ่มช่อง 3 และนีลเส็นสิ้นสุดลงพอดี ซึ่งนีลเส็นได้ขอขึ้นค่าจัดทำเรทติ้งเพิ่มขึ้น 10% ทำให้ช่อง 3 จึงยื่นเงื่อนไขว่า จะต่อสัญญากับนีลเส็น ก็ต่อเมื่อยังคงวัดเรทติ้งช่อง 3 แอนะล็อคต่อไป จนกว่าสัญญาสัมปทานของช่อง 3 แอนะล็อก กับอสมท.จะสิ้นสุดลงในปี 2563
นีลเส็นมองว่า เป็นไปได้ยากที่จะวัดผลต่อ เพราะฐานคนดูลดลงมาก จึงทำให้ทั้งคู่หาข้อยุติไม่ได้
...................................................
..................................................
รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างที่สัญญายังไม่ได้ต่อ นีลเส็น จึงหยุดการส่งข้อมูลเรตติ้งให้กับกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 11 กรกฏาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามทั้งสองจะมีการเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์หน้านี้ หากไม่สำเร็จ นีลเส็นก็จะหยุดการเผยแพร่เรตติ้งของกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมดให้กับสมาชิกทุกรายต่อไป
ทางด้าน สินธุ์ เภตรารัตน์, กรรมการผู้จัดการธุรกิจมีเดียนีลเส็น ประเทศไทย, เวียดนาม, และพม่า กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลังจากทีวีดิจิทัล ออกอากาศในปี 2559 คนดูทีวีแอนะล็อคก็ต้องลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องมีการโอนถ่ายคนดู จากระบบอะนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิทัล ในต่างประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน
...................................................
..................................................
สำหรับในไทย คนดูทีวีดิจิทัล ผ่านกล่องทีวีดิทัล (DTT) และผ่านจานดาวเทียมเป็นหลัก เพราะแพลทฟอรมเหล่านี้ เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎ must carry ของกสทช.ต้องนำช่องทีวีดิจิทัลมาออกอากาศ ทำให้การวัดผลจึงมุ่งไปที่คนดูเหล่านี้ ซึ่งเวลานี้ครอบคลุมคนดูเกิน 90% ในขณะที่ช่องแอนะล็อกไม่เข้าหลักเกณฑ์ Must carry จึงดูไม่ได้ ยิ่งเมื่อเหลือเพียงช่อง 3 แอนะล็อกเพียงช่องเดียว จำนวนคนดูก็ยิ่งลดลงจนวัดผลไม่ได้
"ช่อง 3 มองว่า ถึงแม้จะเหลือช่อง 3 ที่ยังเป็นแอนะล็อคเพียงช่องเดียว ซึ่งมีฐานคนดูอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวัดผลจะต้องประเมินจากฐานคนดูของทุกช่อง ยิ่งฐานคนดูทีวีดิจิทัล และดูผ่านดาวเทียมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก็ยิ่งไปถ่วงให้คนดูช่อง 3 แอนาล็อคลดลง จนแทบวัดผลไม่ได้”
จากผลสำรวจคนดูทั่วประเทศ ที่นีลเส็นได้จัดทำขึ้น เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ผลสำรวจพบว่า เหลือคนดูช่องอะนาล็อคอยู่ประมาณแค่ 5% เพราะคนไปดูทีวีดิจทัลเพิ่มขึ้น เพราะมีความหลากหลาย โดยเฉพาะยิ่งในช่วงที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ก็ยิ่งผลักดันให้ต้องขวนขวายดูช่องทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น
...................................................
..................................................
นีลเส็นได้ชี้แจงให้ช่อง 3 ไปแล้วว่า แอนะล็อคน้อยลงทุกวันตามธรรมชาติ ไม่ใช่ว่า เหลือเพียงแค่ช่อง 3 แล้ว แต่ช่อง 3 เขาก็มีเหตุผล เพราะเขาไม่สามารถยุติแอนาล็อคได้
ดังนั้น นีลเส็น จึงได้สำรวจคนดูทั่วประเทศ ผ่านกลุ่มตัวอย่าง 10,000 ชุด เพื่อสำรวจภาพรวมพฤติกรรมการรับชมทีวีของคนไทย โดยละอียด ครอบคลุม ทั้งจำนวนประชากร จำนวนสมาชิกในครัวเรือน รูปแบบของการดูทีวี ดูผ่านทีวีปกติ หรือดูผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านอุปกรณ์อะไร โทรศัพท์มือถือ เครื่องพีซี หรือโน๊ตบุ้ค ซึ่งจะใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ จากนั้นนั้นจึงจะสรุปผลผลอีกทีว่า เหลือคนดูช่องแอนะล็อคอยู่มากน้อยแค่ไหน จะนำมาใช้ในการพิจารณาอีกครั้งว่า จะยุติระบบแอนาล็อคหรือไม่.
https://positioningmag.com/1178978
เป็นเรื่อง! ช่อง 3 แอนะล็อกเจอโจทย์ใหญ่อีกแล้ว นีลเส็น เตรียมเลิกวัดเรตติ้ง
ปัญหาการไม่สามารถยุติการออกอากาศช่อง 3 แอนะล็อก ตามเงื่อนไขของ กสทช. (อ่านประกอบ : ช่อง 3 กระอัก! กสทช.สั่งยกเลิกออกอากาศคู่ขนาน มีผล 17 ก.ค.) กำลังเป็น "เงื่อนปม" ให้กับช่อง 3 อีกครั้ง
เมื่อนีลเส็น บริษัททำหน้าที่วัดเรตติ้ง กำลังเตรียมยกเลิกการเก็บเรตติ้งผู้ชมระบบแอนะล็อคทั้งหมด หลังจากเหลือเพียงช่อง 3 แอนะล็อคเพียงช่องเดียวที่ยังคงต้องออกอากาศต่อไปจนถึงปี 2563 ตามเงื่อนไขสัมปทานที่ทำไว้กับ อสมท.
...................................................
..................................................
แหล่งข่าวในวงการทีวีดิจิทัล บอกว่า นีลเส็นได้แจ้งทีวีดิจิทัลว่า จะเลิกทำการเก็บข้อมูลคนดูทีวีที่รับชมผ่านระบบแอนะล็อคภายในวันที่ 16 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่ช่อง 9 และ NBT ปิดระบบแอนะล็อคอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือช่อง 3 เพียงช่องเดียวก็ตาม เนื่องจากฐานข้อมูลพบว่าตัวเลขคนดูแอนะล็อคเหลืออยู่น้อยมากแล้ว อีกทั้งเป็นนโยบายของบริษัทแม่ที่ต้องการปรับให้ระบบการวัดเรตติ้งในของทีวีดิจิทัลทั้งหมดเท่านั้น
ทั้งนี้มีการประมาณการกันว่า มีจำนวนคนดูแอนะล็อคในประเทศไทยอยู่ประมาณ 1 ล้านคน แต่เป็นกลุ่มผู้ชมของช่อง 3 ประมาณ 3 แสนคน เมื่อเทียบกับ จำนวนกลุ่มตัวอย่างของนีลเส็นทั้งหมดประมาณ 2,500 ครัวเรือน ทั่วประเทศ มีกลุ่มผู้ชมผ่านระบบแอนะล็อคไม่ถึง 0.5% ของทั้งหมด เป็นเหตุผลทำให้นีลเส็นต้องปิดระบบการวัดแอนะล็อค
...................................................
..................................................
แต่การยกเลิกวัดผลระบบแอนะล็อก ยังเป็นจังหวะเดียวกับ สัญญาการซื้อเรตติ้งระหว่างกลุ่มช่อง 3 และนีลเส็นสิ้นสุดลงพอดี ซึ่งนีลเส็นได้ขอขึ้นค่าจัดทำเรทติ้งเพิ่มขึ้น 10% ทำให้ช่อง 3 จึงยื่นเงื่อนไขว่า จะต่อสัญญากับนีลเส็น ก็ต่อเมื่อยังคงวัดเรทติ้งช่อง 3 แอนะล็อคต่อไป จนกว่าสัญญาสัมปทานของช่อง 3 แอนะล็อก กับอสมท.จะสิ้นสุดลงในปี 2563
นีลเส็นมองว่า เป็นไปได้ยากที่จะวัดผลต่อ เพราะฐานคนดูลดลงมาก จึงทำให้ทั้งคู่หาข้อยุติไม่ได้
...................................................
..................................................
รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างที่สัญญายังไม่ได้ต่อ นีลเส็น จึงหยุดการส่งข้อมูลเรตติ้งให้กับกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 11 กรกฏาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามทั้งสองจะมีการเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์หน้านี้ หากไม่สำเร็จ นีลเส็นก็จะหยุดการเผยแพร่เรตติ้งของกลุ่มช่อง 3 ทั้งหมดให้กับสมาชิกทุกรายต่อไป
ทางด้าน สินธุ์ เภตรารัตน์, กรรมการผู้จัดการธุรกิจมีเดียนีลเส็น ประเทศไทย, เวียดนาม, และพม่า กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลังจากทีวีดิจิทัล ออกอากาศในปี 2559 คนดูทีวีแอนะล็อคก็ต้องลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องมีการโอนถ่ายคนดู จากระบบอะนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิทัล ในต่างประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน
...................................................
..................................................
สำหรับในไทย คนดูทีวีดิจิทัล ผ่านกล่องทีวีดิทัล (DTT) และผ่านจานดาวเทียมเป็นหลัก เพราะแพลทฟอรมเหล่านี้ เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎ must carry ของกสทช.ต้องนำช่องทีวีดิจิทัลมาออกอากาศ ทำให้การวัดผลจึงมุ่งไปที่คนดูเหล่านี้ ซึ่งเวลานี้ครอบคลุมคนดูเกิน 90% ในขณะที่ช่องแอนะล็อกไม่เข้าหลักเกณฑ์ Must carry จึงดูไม่ได้ ยิ่งเมื่อเหลือเพียงช่อง 3 แอนะล็อกเพียงช่องเดียว จำนวนคนดูก็ยิ่งลดลงจนวัดผลไม่ได้
"ช่อง 3 มองว่า ถึงแม้จะเหลือช่อง 3 ที่ยังเป็นแอนะล็อคเพียงช่องเดียว ซึ่งมีฐานคนดูอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวัดผลจะต้องประเมินจากฐานคนดูของทุกช่อง ยิ่งฐานคนดูทีวีดิจิทัล และดูผ่านดาวเทียมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก็ยิ่งไปถ่วงให้คนดูช่อง 3 แอนาล็อคลดลง จนแทบวัดผลไม่ได้”
จากผลสำรวจคนดูทั่วประเทศ ที่นีลเส็นได้จัดทำขึ้น เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ผลสำรวจพบว่า เหลือคนดูช่องอะนาล็อคอยู่ประมาณแค่ 5% เพราะคนไปดูทีวีดิจทัลเพิ่มขึ้น เพราะมีความหลากหลาย โดยเฉพาะยิ่งในช่วงที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ก็ยิ่งผลักดันให้ต้องขวนขวายดูช่องทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น
...................................................
..................................................
นีลเส็นได้ชี้แจงให้ช่อง 3 ไปแล้วว่า แอนะล็อคน้อยลงทุกวันตามธรรมชาติ ไม่ใช่ว่า เหลือเพียงแค่ช่อง 3 แล้ว แต่ช่อง 3 เขาก็มีเหตุผล เพราะเขาไม่สามารถยุติแอนาล็อคได้
ดังนั้น นีลเส็น จึงได้สำรวจคนดูทั่วประเทศ ผ่านกลุ่มตัวอย่าง 10,000 ชุด เพื่อสำรวจภาพรวมพฤติกรรมการรับชมทีวีของคนไทย โดยละอียด ครอบคลุม ทั้งจำนวนประชากร จำนวนสมาชิกในครัวเรือน รูปแบบของการดูทีวี ดูผ่านทีวีปกติ หรือดูผ่านอินเทอร์เน็ต ผ่านอุปกรณ์อะไร โทรศัพท์มือถือ เครื่องพีซี หรือโน๊ตบุ้ค ซึ่งจะใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ จากนั้นนั้นจึงจะสรุปผลผลอีกทีว่า เหลือคนดูช่องแอนะล็อคอยู่มากน้อยแค่ไหน จะนำมาใช้ในการพิจารณาอีกครั้งว่า จะยุติระบบแอนาล็อคหรือไม่.
https://positioningmag.com/1178978