#เพลิงนรกตาสวรรค์ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้#
ตอนที่ ๑๑. กระอักเลือด ๗ (ตอนจบ)
หลังแสดงบทพระธรรมชุดนี้แก่สงฆ์ หลังแสดงจบ ภิกษุ ๖๐ รูป กระอักเลือด
๖๐ รูปลาสึกไปเป็นฆราวาส อีก ๖๐ รูป บรรลุธรรม เพราะเหตุใดคงต้องลองติดตาม
ชื่อตอน "กระอักเลือด" แบ่งออกเป็นตอนย่อยหลายตอน
*****************************************************
พระผู้มีพระภาคตรัสถามต่อไปอีกว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง คนผู้นั้นถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงนั้น บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ
กับการใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นั้นย่อมจะดีกว่า การถูกบุรุษผู้มีกำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดงที่ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง จนถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงเดือดพลานจนตัวลอยขึ้นข้างบนบ้าง จมลงข้างล่างบ้าง ลอยไปขวางๆ บ้างพระเจ้าข้า”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลายว่า การถูกบุรุษมีกำลัง จับเอาเท้าขึ้น เอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดงที่ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง ถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำ ในหม้อเหล็กแดงนั้น
บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ นี้ดีกว่าการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่อ้างว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์แต่ปฏิญาณว่าตนพระพฤติธรรม เป็นผู้เน่าใน มีความกำหนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อ ใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะการถูกโยนลงหม้อเหล็กแดงที่ลุกเป็นไฟนั้นเพียงจะทำให้คนผู้นั้นเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย แต่ไม่เป็นเหตุให้ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก แต่การที่บุคคลผู้ทุศีล ใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อหายนะมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเนียกไว้ในใจอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักใช้สอยจีวร บริโภคบิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัช
บริขาร เพื่อให้ ทานของชนเหล่านั้น มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
และการบรรพชาของเราทั้งหลายจักไม่เป็นหมัน มีผล มีกำไร
อนึ่ง เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เมื่อเพื่อประโยชน์ตน ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
เพื่อประโยชน์ผู้อื่น ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
หรือเพื่อประโยชน์แก่ทั้งตนเองและผู้อื่น ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว และเมื่อกำลังตรัสภาษิตนี้อยู่ โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากของภิกษุ ๖๐ รูป
ภิกษุอีก ๖๐ รูป ลาสิกขา สึกมาเป็นคฤหัสถ์ โดยกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค “ทำได้ยาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้แสนยาก”
ส่วนอีก ๖๐ รูป ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะเพราะความไม่ถือมั่น
*****จบ บทพระธรรม “กระอั่กเลือด”*****
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ขอเชิญอ่านพระสูตรบทเต็มได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/_mcu/v.php?B=23&A=2629&Z=2793
ขอเชิญอ่าน "เพลิงนรก ตาสวรรค์ ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้" ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ได้ที่
http://toncoon.com/community/index.php?topic=2008.0
ขออนุโมทนาสามารถเผยแผ่เป็นธรรมทานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย
**************************************
ขอให้ทั้งหลายเจริญในธรรม มีธรรมเป็นที่ไป มีธรรมดำเนินไป มีธรรมนำทางไป
บุญกุศลทั้งหลายทั้งปวงขอจงถึงแก่ ท่านอ.พันธุม คีริวัต คุณแม่เสาวลักษณ์ เที่ยงธรรม ตลอดถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ถูกเบียดเบียนของข้าพเจ้าและทุกท่านที่ศึกษาพระธรรมร่วมกัน ขอพวกเราทั้งหลายจงเจริญแต่กุศลปิดหนทางอบาย ได้เวียนว่ายเพียงในเฉพาะสุคติภูมิ ไม่พบเจอกับทุคติวินิบาตนรกอีกตลอดทุกภพทุกชาติตราบถึงวันแห่งพระนิพพานด้วยเทอญ
#เพลิงนรกตาสวรรค์ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้# ตอนที่ ๑๑. กระอักเลือด ๗ (ตอนจบ) (พระไตรปิฎก)
#เพลิงนรกตาสวรรค์ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้#
ตอนที่ ๑๑. กระอักเลือด ๗ (ตอนจบ)
หลังแสดงบทพระธรรมชุดนี้แก่สงฆ์ หลังแสดงจบ ภิกษุ ๖๐ รูป กระอักเลือด
๖๐ รูปลาสึกไปเป็นฆราวาส อีก ๖๐ รูป บรรลุธรรม เพราะเหตุใดคงต้องลองติดตาม
ชื่อตอน "กระอักเลือด" แบ่งออกเป็นตอนย่อยหลายตอน
*****************************************************
พระผู้มีพระภาคตรัสถามต่อไปอีกว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง คนผู้นั้นถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงนั้น บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ
กับการใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นั้นย่อมจะดีกว่า การถูกบุรุษผู้มีกำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดงที่ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง จนถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงเดือดพลานจนตัวลอยขึ้นข้างบนบ้าง จมลงข้างล่างบ้าง ลอยไปขวางๆ บ้างพระเจ้าข้า”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลายว่า การถูกบุรุษมีกำลัง จับเอาเท้าขึ้น เอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดงที่ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง ถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำ ในหม้อเหล็กแดงนั้น
บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ นี้ดีกว่าการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่อ้างว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์แต่ปฏิญาณว่าตนพระพฤติธรรม เป็นผู้เน่าใน มีความกำหนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อ ใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะการถูกโยนลงหม้อเหล็กแดงที่ลุกเป็นไฟนั้นเพียงจะทำให้คนผู้นั้นเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย แต่ไม่เป็นเหตุให้ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก แต่การที่บุคคลผู้ทุศีล ใช้สอยวิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อหายนะมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเนียกไว้ในใจอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักใช้สอยจีวร บริโภคบิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัช
บริขาร เพื่อให้ ทานของชนเหล่านั้น มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
และการบรรพชาของเราทั้งหลายจักไม่เป็นหมัน มีผล มีกำไร
อนึ่ง เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เมื่อเพื่อประโยชน์ตน ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
เพื่อประโยชน์ผู้อื่น ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
หรือเพื่อประโยชน์แก่ทั้งตนเองและผู้อื่น ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะกระทำตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว และเมื่อกำลังตรัสภาษิตนี้อยู่ โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากของภิกษุ ๖๐ รูป
ภิกษุอีก ๖๐ รูป ลาสิกขา สึกมาเป็นคฤหัสถ์ โดยกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค “ทำได้ยาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้แสนยาก”
ส่วนอีก ๖๐ รูป ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะเพราะความไม่ถือมั่น
*****จบ บทพระธรรม “กระอั่กเลือด”*****
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ขอเชิญอ่านพระสูตรบทเต็มได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/_mcu/v.php?B=23&A=2629&Z=2793
ขอเชิญอ่าน "เพลิงนรก ตาสวรรค์ ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้" ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ได้ที่
http://toncoon.com/community/index.php?topic=2008.0
ขออนุโมทนาสามารถเผยแผ่เป็นธรรมทานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย
**************************************
ขอให้ทั้งหลายเจริญในธรรม มีธรรมเป็นที่ไป มีธรรมดำเนินไป มีธรรมนำทางไป
บุญกุศลทั้งหลายทั้งปวงขอจงถึงแก่ ท่านอ.พันธุม คีริวัต คุณแม่เสาวลักษณ์ เที่ยงธรรม ตลอดถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ถูกเบียดเบียนของข้าพเจ้าและทุกท่านที่ศึกษาพระธรรมร่วมกัน ขอพวกเราทั้งหลายจงเจริญแต่กุศลปิดหนทางอบาย ได้เวียนว่ายเพียงในเฉพาะสุคติภูมิ ไม่พบเจอกับทุคติวินิบาตนรกอีกตลอดทุกภพทุกชาติตราบถึงวันแห่งพระนิพพานด้วยเทอญ