ฉันเป็นผู้หญิงคนสุดท้าย ผู้พิชิต นาวิกโยธินมาราธอน 2561

6 พฤศจิกายน 2558 เริ่มต้นลงสนามงานวิ่งเป็นครั้งแรก  RUN FOR KING วิ่งเพื่อพ่อ สตง. ครบรอบ 100 ปี หลังจากที่ร้างลาการวิ่งมากว่า 30 ปี แต่ช่วง 15 ปีหลัง ฉันก็วิ่งโดยอาศัยเครื่องออกกำลังกาย Elliptical ลู่เดินกึ่งสเต็ป ไม่รู้ว่าจะต้องใช้รองเท้าแบบใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานวิ่งเป็นอย่างไร งานนั้นไม่มีรูปเลยแม้แต่รูปเดียว

ธันวาคม 2558 ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวทั่วไทย ก็สนองตัณหาตัวเองด้วยการวิ่งที่ไหนก็จะให้สามีคอยถ่ายรูปให้ตลอด   หิ้วรองเท้าคู่เดียววิ่งทั่วไทย ไปยังทุกจังหวัดที่แวะพักในภาคเหนือ กลับมาก็ยังมาวิ่ง จาก 5-6-7-8-9 จนถึง 10 กม.

พอได้ 10 กม. แล้วมีความฮึกเหิม ลองวิ่ง 3 รอบ ในระยะ ทาง 15 กม. ที่สวนหลวง ร.9 ไปซ้อมๆๆๆๆ จนรู้สึกสมควรแก่เวลา จึงขยายระยะทางเป็น 21 กม.
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 งาน RUNNING HERO 2016 เป็นฮาล์ฟแรกและที่โหดเพราะต้องขึ้นสะพานภูมิพล จบฮาล์ฟแรกด้วยเวลา 4 ชั่วโมงเต็มๆ ถูกทิ้งถูกขว้างแบบไม่มีเยื่อใย คิดว่าจะเข็ดเหรอออออ เปล่า ยังคงกลับมาก้มหน้าก้มตาซ้อมๆๆๆๆ ด้วยระยะ 10 กม. ทุกครั้ง จริงๆ ไม่ได้ขยันที่จะต้องซ้อมถึงระยะนี้ทุกครั้ง แต่เป็นเพราะร่างกายของเราเหมือนเครื่องดีเซลที่จะเริ่มทำงานเมื่อผ่าน 3-5 กม.ไปแล้ว จึงทำให้ต้องวิ่งระยะนี้ไปโดยปริยาย

จากต้องตื่นเช้าไปซ้อมที่สวนหลวงทุกวันหยุด กลายเป็นวิ่งซ้อมในหมู่บ้านตอนเย็น และตื่นตอนเช้าวันหยุดตั้งแต่ตี 3.30 เพื่อซ้อมๆๆๆๆ ระยะ 21 กม. ดังนั้นจึงกลายเป็นวิ่งฮาล์ฟเกือบทุกอาทิตย์ในหมู่บ้านโดยไม่ต้องไปงานวิ่ง จะเลือกไปเฉพาะงานที่น่าสนใจ หรือเวลาไปเที่ยวก็จะติดรองเท้าไปด้วยทุกครั้ง
ธันวาคม 2559 ยังคงคอนเซปต์ “รองเท้าคู่เดียววิ่งทั่วไทย” เดินสายวิ่งในเส้นทางภาคเหนือที่ไปเที่ยว 11 สนาม ด้วยระยะทางสูงสุดคือ 22 กม. “เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ” ตั้งใจว่าจะวิ่งให้ได้ถึง 30 กม. แต่ด้วยแสงแดดแผดเผาสล็อตอย่างเราจึงถูกปิ้งย่างไปตามระเบียบ ถามสิว่าเข็ดไหม ไม่มีทาง



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่