ต้นปีก่อนจำได้ว่าผมยังซื้อๆขายๆหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่าง SCB ในกรอบ 155-160 ...เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเวลานั้น ต้องขอบคุณที่ Sense มันบอกว่าให้ออกห่าง โดยเฉพาะ Deal ที่แสนสิริยกเลิกความสนใจในสินทรัพย์ของ PACE (ปัจจุบันซื้อขายในกรอบ 120-130 ด้วย P/E เฉลี่ย 10, P/BV ราว 1 เท่า ...เอง ส่วน KTB ซึ่งมีความน่าสนใจด้านปันผลก็แอบชำเลือง แต่ติดที่โครงการลงทุนภาครัฐถูกโรคเลื่อนหลายต่อหลายโครงการ เลยยังไม่มีแผนเข้าไปคลุกวงใน
จากการประกาศสงครามยกเว้นค่าธรรมเนียม, มาตรฐานรายงานการเงิน IFRS 9, ผลกระทบของ Digital Banking + Fin Tech + Blockchain, Life Style สังคมไร้เงินสด และภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงิน และการเพิ่มขึ้นของจำนวน NPL ภาพลบดังกล่าวได้สร้างความอึมครึมแก่ Banking Sector อย่างน่าอดสู ...ผมก็เป็นหนึ่งในบรรดาเม่าที่ไม่กล้าเข้าซื้อลงทุน
ด้วยสายตาที่ยังหวั่น แต่เรดาห์ก็เริ่มโอนเอียงมาที่บริษัท TCAP ด้วยเหตุผล
1. ปีก่อนเคยตั้งราคาซื้อที่ 53 บาท แต่ไม่เคยได้ ...คิดว่าธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องได้ 9 ไตรมาส จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าตัวอื่นๆ (ปัจจุบันต่อเนื่องมาถึง 12 ไตรมาส)
2. P/E ต่ำ 8, P/BV ไม่ถึง 1 เท่า ธุรกิจเติบโตเรื่อยๆไม่หวือหวา...นี่มันหุ้น VI ชัดๆ
3. ปันผลเริ่มเข้าใกล้ระดับ 5% ถือว่าพอใช้ประทังชีวิตได้ในช่วงที่ติดหุ้น
4. ในช่วงปีที่ผ่านมา มีคุณพิสชา และคุณณัฐชาต เข้ามาเก็บหุ้น (แถวๆ 45-50)... อย่างน้อยต้นทุนเราก็พอคุยได้บ้าง (แต่คงสู้ ดร.นิเวศน์ ไม่ได้ที่เก็บมาตั้งแต่ช่วง 30 บาท)
5. บริษัทมีจุดเด่นเรื่องสินเชื่อรถยนต์, SME ก็ยังพอไปได้ ...ช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น อาจได้รับประโยชน์บ้าง ผลิตภัณฑ์อื่นๆแทบมีครบเท่าที่ธุรกิจเกี่ยวกับการเงินจะทำได้ แถมมีสินทรัพย์ในบริษัท THANI, MBK, PRG และ BTSGIF อีกเล็กน้อยเป็นของแถม
6. มีบริษัทย่อยซึ่งเป็นเจ้าของบทวิเคราะห์ในตำนานเป้าระดับจักรวาล 110 บาท
เทียบมวยรุ่นเดียวกัน TCAP VS TISCO [As of 12 July TCAP P/E 7.74 P/BV 0.88 - TISCO P/E 10.91 P/BV 1.91] ...คุณภาพไม่ได้แย่ จึงเลือก TCAP ที่ความคุ้มค่าคุ้มราคากว่าในโซน 48.xx บาท
ประเด็นที่ยังค้างคาใจเกี่ยวกับ TISCO ภายหลังประกาศงบไตรมาส2 ตัวเลขก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ทำไมต้องพาราคา TCAP ลงมาพร้อมๆกันด้วย ...รอท่านนักลงทุนร่วมหาคำตอบครับ
อันนี้แถม
TCAP -ทำไมมันถูกจังงัง-
จากการประกาศสงครามยกเว้นค่าธรรมเนียม, มาตรฐานรายงานการเงิน IFRS 9, ผลกระทบของ Digital Banking + Fin Tech + Blockchain, Life Style สังคมไร้เงินสด และภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงิน และการเพิ่มขึ้นของจำนวน NPL ภาพลบดังกล่าวได้สร้างความอึมครึมแก่ Banking Sector อย่างน่าอดสู ...ผมก็เป็นหนึ่งในบรรดาเม่าที่ไม่กล้าเข้าซื้อลงทุน
ด้วยสายตาที่ยังหวั่น แต่เรดาห์ก็เริ่มโอนเอียงมาที่บริษัท TCAP ด้วยเหตุผล
1. ปีก่อนเคยตั้งราคาซื้อที่ 53 บาท แต่ไม่เคยได้ ...คิดว่าธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องได้ 9 ไตรมาส จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าตัวอื่นๆ (ปัจจุบันต่อเนื่องมาถึง 12 ไตรมาส)
2. P/E ต่ำ 8, P/BV ไม่ถึง 1 เท่า ธุรกิจเติบโตเรื่อยๆไม่หวือหวา...นี่มันหุ้น VI ชัดๆ
3. ปันผลเริ่มเข้าใกล้ระดับ 5% ถือว่าพอใช้ประทังชีวิตได้ในช่วงที่ติดหุ้น
4. ในช่วงปีที่ผ่านมา มีคุณพิสชา และคุณณัฐชาต เข้ามาเก็บหุ้น (แถวๆ 45-50)... อย่างน้อยต้นทุนเราก็พอคุยได้บ้าง (แต่คงสู้ ดร.นิเวศน์ ไม่ได้ที่เก็บมาตั้งแต่ช่วง 30 บาท)
5. บริษัทมีจุดเด่นเรื่องสินเชื่อรถยนต์, SME ก็ยังพอไปได้ ...ช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น อาจได้รับประโยชน์บ้าง ผลิตภัณฑ์อื่นๆแทบมีครบเท่าที่ธุรกิจเกี่ยวกับการเงินจะทำได้ แถมมีสินทรัพย์ในบริษัท THANI, MBK, PRG และ BTSGIF อีกเล็กน้อยเป็นของแถม
6. มีบริษัทย่อยซึ่งเป็นเจ้าของบทวิเคราะห์ในตำนานเป้าระดับจักรวาล 110 บาท
เทียบมวยรุ่นเดียวกัน TCAP VS TISCO [As of 12 July TCAP P/E 7.74 P/BV 0.88 - TISCO P/E 10.91 P/BV 1.91] ...คุณภาพไม่ได้แย่ จึงเลือก TCAP ที่ความคุ้มค่าคุ้มราคากว่าในโซน 48.xx บาท
ประเด็นที่ยังค้างคาใจเกี่ยวกับ TISCO ภายหลังประกาศงบไตรมาส2 ตัวเลขก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ทำไมต้องพาราคา TCAP ลงมาพร้อมๆกันด้วย ...รอท่านนักลงทุนร่วมหาคำตอบครับ
อันนี้แถม