ขออนุญาตเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นครับ
เหตุเกิดช่วงเดือนมิถุนายน 2018
ประมาณวันที่ 6 มิถุนายน แม่มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ทานอาหารแล้วอ้วก ลมตีขึ้นแบบรุนแรงมากขึ้น ปกติแม่ชอบมีอาการลมตีขึ้นเป็นปกติเป็นมานานนับสิบปีได้ ก็ทานยาตามอาการ
จนวันที่ 8 แม่ทนไม่ไหว เหมือนจะเป็นไข้ อาการไม่ดีขึ้นเลย ตัวเหลืองตาเหลืองขึ้นมาก จึงไปหาหมอตามสิทธิประกันสังคมที่รพ.NR(ขออนุญาตใช้นามสมมุติ) และนัดตรวจครั้งต่อไปวันที่ 15 โดยวินิจฉันว่าอาจจะเป็นไวรัสตับอักเสบ และให้ยาตามอาการ
วันที่ 11 พี่สาวเห็นท่าไม่ดี เลยติดต่อพาไปคลินิกเฉพาะทางคุณหมอแนะนำดีมาก วินิฉัยถูกโรคว่าแม่อาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ถามแม่ว่ามีสิทธิที่ไหนให้ไปรักษาตามสิทธิ เพราะขึ้นตอนการตรวจจะมีหลายอย่างมาก ช่วงบ่ายเลยพาแม่ไปรพ.NR รอตรวจตามขั้นตอนของระบบประกันสังคม เจอคุณหมอประกันสังคม2ท่าน ท่านแรก เป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุแล้ว ตรวจถามอาการแล้วบอกให้กลับบ้านได้ 4-6อาทิตย์น่าจะหาย แล้วส่งต่อตรวจเลือดแล้วให้พบหมอหลังได้ผลเลือด หลังตรวจเลือดเสร็จแล้วรอผลเลือดประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ได้เข้าตรวจกับหมออีกท่าน หมอท่านนี้เป็นผู้ชาย บอกว่าแค่ทานอาหารไม่ได้ก็ไม่ปกติแล้ว บวกกับความดันที่สูง อาการรวมๆของแม่ควรนอนรพ.จึงส่งต่อให้อายุรกรรม อายุรกรรมบอกส่งให้แม่นอนห้องฉุกเฉินเนื่องจากไม่มีห้อง และต้องหมอเฉพาะทางคอนเฟิร์มวันถัดไป เพราะช่วงเวลาหลังจากตรวจเสร็จก็เกือบทุ่มแล้ว
คืนวันที่ 11 ในห้องฉุกเฉินค่อนข้างวุ่นวายมาก ญาติต้องรอข้างนอกรอ 2 ชม. แม่ไม่ได้น้ำเกลือ ต้องอดอาหารและยังไม่เจาะเลือดไปตรวจ เพราะวันนั้นแม่ต้องทำ CT scan ผมต้องเข้าไปในห้องฉุกเฉินเอง แล้วตามเรื่องเองทั้งหมด พยาบาลอ้างว่า หมอยังไม่ส่งใบมา ทั้งๆที่ผมเห็นว่าเอกสารวางด้านล่างไม่ได้วางเรียงตามคิวด้านบนเค้าเตอร์(ตอนเค้าหาเอกสารชื่อแม่ ผมช่วยหาด้วยอีกแรง) หลังจากตามเรื่องแล้วแม่ได้เจาะเลือกและให้น้ำเกลือทันที และรอทำCT scan ต่อไปตามระบบ ตามเรื่องห้อง บอกต้องรอหมอวันรุ่งขึ้น
วันที่ 12 กว่าจะได้ห้องก็ช่วงเย็น แม่ต้องอดอาหารและน้ำ เพื่อการตรวจอะไรหลายๆอย่าง หมอนัดส่องกล้องแม่ก็เลื่อนนัด และทำMRI เนื่องจากส่องกล้องไม่สำเร็จ แม่อดทนรอการรักษาในห้องศัลยกรรมหญิงรวม สรุปโรคคือ"ท่อถุงน้ำดีอุตัน" จนถึงวัน21 หมอบอกจะให้กลับบ้านและนำใบส่งตัวไป รพ.RT ในวันที่24 เนื่องจากไม่มีหมอเฉพาะทาง และอาการแม่ไม่ดีขึ้นเลย แย่ลงทีละนิด ทานอาหารไม่ได้ ลมตีขึ้นจนจุกแน่นไปหมด การส่งตัวคือให้พาไปเอง เพราะแม่พอช่วยเหลือตัวเองได้ ถามย้ำแล้วว่าแบบนี้อาการไม่หนักหรอได้คำตอบแบบดังกล่าวว่าส่งตัวให้เฉพาะรุนแรงมากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ต้องไปรพ.RTในวันจันทร์ที่ 25 และได้สั่งญาติให้ไปทำเรื่องประวัติไว้ ที่รพ.RT ผมจึงให้หมอเขียนมา2ชุด เพื่อไปยื่นนัดที่โรงพยาบาลรามาพรีเมี่ยมไว้เป็นแผนสำรอง และแม่ได้ขอออกตอน 2 ทุ่ม เพราะจะได้รอไม่นานและไปเลย ทางรพ.ไม่ให้ออกวันที่25
วันที่ 24 แม่ได้เล่าให้ฟังว่าช่วงเช้ามืดได้วัดไข้แล้วหลังจากนั้นพยาบาลได้นำยาพารามาให้ทาน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกว่ามีไข้ (ปกติแม่ได้ทานยาแค่ลดกรดเท่านั้น เพราะค่าตับสูง) แม่ถามย้ำว่าทานได้หรอ พยาบาลบอกมีไข้ต้องทาน แม่ก็ทานไป หลังจากนั้นแม่มีอาการจุดเสียดแน่นท้องมาก เหมือนมีไม้มาดันซี่โครงไว้ จุกเป็นช่วงๆ แต่เค้าบอกเค้าทนได้ ช่วงประมาณ5โมง พยาบาลเดินมาถอดสายน้ำเกลือและบอกว่าหมอให้กลับเวลานี้ ทั้งๆที่ตกลงไว้ตอน2ทุ่ม (หลัง2ทุ่มคือเวลาห้ามเข้าเยี่ยมแล้วครับ) แม่ก็กลับบ้านช่วง6โมง พอถึงบ้านอาการแม่แย่ลงหนักมาก หนักจนพูดว่าแม่ทนไม่ไหวแล้ว ทางที่บ้านเลยโทรหารถมูลนิธิที่เป็นรถพยาบาล ให้พาแม่ไปส่งรพ.RT ช่วงประมาณ3ทุ่ม กำลังพาแม่เข้าห้องฉุกเฉินรพ.RT มีปากเสียงกันนิดหน่อย ณ จุดคัดกรองแต่ไม่ถึงขึ้นทะเลาะ เพราะเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินพูดเหมือนจะให้กลับไป รพ.NR ถ้าใบส่งตัวเขียนวันที่25 ต้องมา25 ตอนนี้ไม่มีหมอ ปั้มหัวใจอยู่ คนไข้เยอะมาก ผมยืนกรานคำเดิมว่าให้กลับไปรพ.เดิม ไม่ไป เค้าบอกรักษาตอนนี้อาจไม่ได้สิทธิ ต้องเสียเงิน ผมบอกเสียได้ แต่ให้กลับไปยังไงก็ไม่กลับ ผมเลยให้แม่เลือกระหว่างจะอยู่ห้องฉุกเฉินRT หรือจะไป รามา แม่บอกมาถึงแล้ว เข้าฉุกเฉินที่นี่ก่อน แล้วติว่าให้ใจเย็นๆ
เช้าวันที่ 25 วันนั้นไม่มีใครกลับบ้าน ผลัดกันนอน เพื่อตื่นเช้าจะได้จองคิวเข้ารักษาทัน รอคิวถึงเกือบเที่ยง (คนไข้ออกจากห้องฉุกเฉินตั้งแต่ 7 โมง) หมอมาตรวจๆนอกห้องตรวจเพราะแม่นอนแปล แล้วก็กลับไปปรึกษากับหมออีกท่าน ได้ความว่า ส่งตัวกลับไปรพ.NR เพราะไม่มีห้อง เดี๋ยวหมอจะไปรพ.นั้นเดือนละ 1 ครั้ง แล้วจะส่องกล้องให้ ตอนนั้นแม่หน้าเสียมากหดหู่สุดๆ บอกให้นอนทางเดินก็ได้ ผมจึงตัดสินใจไม่พาแม่ไปรพ.เดิม พาไปรพ.รามาพรีเมี่ยมตอนช่วงบ่าย พยาบาลให้แม่นอนในห้องที่จัดเตรียมไว้ให้ แล้วเดี๋ยวหมอมาตรวจที่ห้อง(ผมจองคิวให้แม่ได้นัดตรวจวันนั้นช่วง 4 โมงเย็น) คุณหมอดีมาก ดูประวิติแล้วส่งตัวไปรักษารพ.รามา แบบรัฐ ให้ใบนัดวันที่ 26 ผมจึงจองโรงแรมใกล้ๆโรงบาล เพื่อนให้แม่ไม่เหนื่อยเดินทางในกรุงเทพยามรถติด
วันที่ 26 แม่รอตรวจและได้ห้องในวันนั้นเลย ช่วงบ่าย3 ได้ห้องแล้ว เป็นห้องศัลกรรมหญิง ห้องรวม แม่ได้ส่องกล้องวันที่ 27 และหมอแนะนำว่าให้ลองไปคุยกับรพ.NR เรื่องขอส่งตัวมาที่รามา แต่รามาเป็นรพ.นอกสังกัดของเค้า ต้องให้ผู้มีอำนาจยืนยัน ไม่ใช่แค่หมอ เพราะการรักษาค่อนข้างใหญ่ ต้องผ่าตัดแน่ แต่ ณ วันนั้น หมอส่องกล้อง ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจแล้ว(ผมคิดว่าน่าจะใส่ท่อให้แม่ด้วย ERCP ซึ่งโรงพยาบาลแรกทำไม่สำเร็จ )
วันที่ 28 หมอบอกจะให้กลับบ้าน แม่ดูดีขึ้น ตาใสขึ้น แต่ยังเหลืองอยู่ ทั้งตาและสีผิว ยังทานได้น้อยอยู่ แต่ในวันนั้นแม่มีอาการจุกเสียดมากเป็นพิเศษและยังไม่มีแรง หมอเลยให้รักษาดูอาการต่อ แม่ดึขึ้นทีละนิดทุกวัน ทานได้เยอะขึ้นนิดหน่อย และได้ออกรพ.รามา วันที่ 1ที่ผ่านมา และนัดไปตรวจเลือด แสกน และรอฟังผลกันต่อไป
*สิ่งที่ทำให้ข้องใจคือการส่งตัว การที่รพ.NR ส่งตัวให้ รพ.RT ต้องติดต่อนัดหมายแล้วหรือไม่ ส่งกลับได้หรอ
*ถ้าไม่มีแพทย์เชี่ยวชาญควรส่งตัวตั้งแต่ช่วงแรกๆแล้วไหม ปล่อยให้แม่นอนรอการรักษาอย่างเดียวมา 2 อาทิตย์
*แม่อายุ64 ตลอดการรักษาที่ รพ.NR มา 2 อาทิตย์การรักษาไม่เห็นผล น้ำหนักลง 6 กิโล (พ่อไม่เคยร้องไห้ แต่ต้องแอบร้องไห้ให้กับที่นี่)
*เมื่อวันอังคารที่ 3 พาแม่ไปขอทำเรื่องให้โอนสิทธิไป รพ.รามา ที่รพ.NR ทางผู้ใหญ่ไม่อนุมัติ บอกว่าย้ายไปนอกสังกัดไม่ได้ และทำERCPมาแล้ว รพ.RT รักษาต่อได้ คงไม่อนุมัติ (รักษากับทางโรงพยาบาลรามา ด้วยเงินสด)
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้สำหรับผมไม่ปกติอย่างมาก แม่เป็นคนใจเย็นและอดทนมาตลอดกับเหตุการณ์ดังกล่าว ผมควรต้องทำอย่างไร หรือ ไม่คุ้มที่เรียกร้อง ฟ้องร้อง หรือควรแจ้งให้กับที่ใดได้ทราบบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดกับคนอื่นในความมักง่ายในการติดต่อสื่อสารระหว่างโรงพยาบาล หลักฐานการรักษา การส่งตัวผมมีและระบุวันที่ไว้ชัดเจน จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้มีความรู้
"ข้องใจ" กับวิธีการปฏิบัติของโรงพยาบาล ที่รักษาด้วยสิทธิประกันสังคม
เหตุเกิดช่วงเดือนมิถุนายน 2018
ประมาณวันที่ 6 มิถุนายน แม่มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ทานอาหารแล้วอ้วก ลมตีขึ้นแบบรุนแรงมากขึ้น ปกติแม่ชอบมีอาการลมตีขึ้นเป็นปกติเป็นมานานนับสิบปีได้ ก็ทานยาตามอาการ
จนวันที่ 8 แม่ทนไม่ไหว เหมือนจะเป็นไข้ อาการไม่ดีขึ้นเลย ตัวเหลืองตาเหลืองขึ้นมาก จึงไปหาหมอตามสิทธิประกันสังคมที่รพ.NR(ขออนุญาตใช้นามสมมุติ) และนัดตรวจครั้งต่อไปวันที่ 15 โดยวินิจฉันว่าอาจจะเป็นไวรัสตับอักเสบ และให้ยาตามอาการ
วันที่ 11 พี่สาวเห็นท่าไม่ดี เลยติดต่อพาไปคลินิกเฉพาะทางคุณหมอแนะนำดีมาก วินิฉัยถูกโรคว่าแม่อาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ถามแม่ว่ามีสิทธิที่ไหนให้ไปรักษาตามสิทธิ เพราะขึ้นตอนการตรวจจะมีหลายอย่างมาก ช่วงบ่ายเลยพาแม่ไปรพ.NR รอตรวจตามขั้นตอนของระบบประกันสังคม เจอคุณหมอประกันสังคม2ท่าน ท่านแรก เป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุแล้ว ตรวจถามอาการแล้วบอกให้กลับบ้านได้ 4-6อาทิตย์น่าจะหาย แล้วส่งต่อตรวจเลือดแล้วให้พบหมอหลังได้ผลเลือด หลังตรวจเลือดเสร็จแล้วรอผลเลือดประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ได้เข้าตรวจกับหมออีกท่าน หมอท่านนี้เป็นผู้ชาย บอกว่าแค่ทานอาหารไม่ได้ก็ไม่ปกติแล้ว บวกกับความดันที่สูง อาการรวมๆของแม่ควรนอนรพ.จึงส่งต่อให้อายุรกรรม อายุรกรรมบอกส่งให้แม่นอนห้องฉุกเฉินเนื่องจากไม่มีห้อง และต้องหมอเฉพาะทางคอนเฟิร์มวันถัดไป เพราะช่วงเวลาหลังจากตรวจเสร็จก็เกือบทุ่มแล้ว
คืนวันที่ 11 ในห้องฉุกเฉินค่อนข้างวุ่นวายมาก ญาติต้องรอข้างนอกรอ 2 ชม. แม่ไม่ได้น้ำเกลือ ต้องอดอาหารและยังไม่เจาะเลือดไปตรวจ เพราะวันนั้นแม่ต้องทำ CT scan ผมต้องเข้าไปในห้องฉุกเฉินเอง แล้วตามเรื่องเองทั้งหมด พยาบาลอ้างว่า หมอยังไม่ส่งใบมา ทั้งๆที่ผมเห็นว่าเอกสารวางด้านล่างไม่ได้วางเรียงตามคิวด้านบนเค้าเตอร์(ตอนเค้าหาเอกสารชื่อแม่ ผมช่วยหาด้วยอีกแรง) หลังจากตามเรื่องแล้วแม่ได้เจาะเลือกและให้น้ำเกลือทันที และรอทำCT scan ต่อไปตามระบบ ตามเรื่องห้อง บอกต้องรอหมอวันรุ่งขึ้น
วันที่ 12 กว่าจะได้ห้องก็ช่วงเย็น แม่ต้องอดอาหารและน้ำ เพื่อการตรวจอะไรหลายๆอย่าง หมอนัดส่องกล้องแม่ก็เลื่อนนัด และทำMRI เนื่องจากส่องกล้องไม่สำเร็จ แม่อดทนรอการรักษาในห้องศัลยกรรมหญิงรวม สรุปโรคคือ"ท่อถุงน้ำดีอุตัน" จนถึงวัน21 หมอบอกจะให้กลับบ้านและนำใบส่งตัวไป รพ.RT ในวันที่24 เนื่องจากไม่มีหมอเฉพาะทาง และอาการแม่ไม่ดีขึ้นเลย แย่ลงทีละนิด ทานอาหารไม่ได้ ลมตีขึ้นจนจุกแน่นไปหมด การส่งตัวคือให้พาไปเอง เพราะแม่พอช่วยเหลือตัวเองได้ ถามย้ำแล้วว่าแบบนี้อาการไม่หนักหรอได้คำตอบแบบดังกล่าวว่าส่งตัวให้เฉพาะรุนแรงมากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ต้องไปรพ.RTในวันจันทร์ที่ 25 และได้สั่งญาติให้ไปทำเรื่องประวัติไว้ ที่รพ.RT ผมจึงให้หมอเขียนมา2ชุด เพื่อไปยื่นนัดที่โรงพยาบาลรามาพรีเมี่ยมไว้เป็นแผนสำรอง และแม่ได้ขอออกตอน 2 ทุ่ม เพราะจะได้รอไม่นานและไปเลย ทางรพ.ไม่ให้ออกวันที่25
วันที่ 24 แม่ได้เล่าให้ฟังว่าช่วงเช้ามืดได้วัดไข้แล้วหลังจากนั้นพยาบาลได้นำยาพารามาให้ทาน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกว่ามีไข้ (ปกติแม่ได้ทานยาแค่ลดกรดเท่านั้น เพราะค่าตับสูง) แม่ถามย้ำว่าทานได้หรอ พยาบาลบอกมีไข้ต้องทาน แม่ก็ทานไป หลังจากนั้นแม่มีอาการจุดเสียดแน่นท้องมาก เหมือนมีไม้มาดันซี่โครงไว้ จุกเป็นช่วงๆ แต่เค้าบอกเค้าทนได้ ช่วงประมาณ5โมง พยาบาลเดินมาถอดสายน้ำเกลือและบอกว่าหมอให้กลับเวลานี้ ทั้งๆที่ตกลงไว้ตอน2ทุ่ม (หลัง2ทุ่มคือเวลาห้ามเข้าเยี่ยมแล้วครับ) แม่ก็กลับบ้านช่วง6โมง พอถึงบ้านอาการแม่แย่ลงหนักมาก หนักจนพูดว่าแม่ทนไม่ไหวแล้ว ทางที่บ้านเลยโทรหารถมูลนิธิที่เป็นรถพยาบาล ให้พาแม่ไปส่งรพ.RT ช่วงประมาณ3ทุ่ม กำลังพาแม่เข้าห้องฉุกเฉินรพ.RT มีปากเสียงกันนิดหน่อย ณ จุดคัดกรองแต่ไม่ถึงขึ้นทะเลาะ เพราะเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินพูดเหมือนจะให้กลับไป รพ.NR ถ้าใบส่งตัวเขียนวันที่25 ต้องมา25 ตอนนี้ไม่มีหมอ ปั้มหัวใจอยู่ คนไข้เยอะมาก ผมยืนกรานคำเดิมว่าให้กลับไปรพ.เดิม ไม่ไป เค้าบอกรักษาตอนนี้อาจไม่ได้สิทธิ ต้องเสียเงิน ผมบอกเสียได้ แต่ให้กลับไปยังไงก็ไม่กลับ ผมเลยให้แม่เลือกระหว่างจะอยู่ห้องฉุกเฉินRT หรือจะไป รามา แม่บอกมาถึงแล้ว เข้าฉุกเฉินที่นี่ก่อน แล้วติว่าให้ใจเย็นๆ
เช้าวันที่ 25 วันนั้นไม่มีใครกลับบ้าน ผลัดกันนอน เพื่อตื่นเช้าจะได้จองคิวเข้ารักษาทัน รอคิวถึงเกือบเที่ยง (คนไข้ออกจากห้องฉุกเฉินตั้งแต่ 7 โมง) หมอมาตรวจๆนอกห้องตรวจเพราะแม่นอนแปล แล้วก็กลับไปปรึกษากับหมออีกท่าน ได้ความว่า ส่งตัวกลับไปรพ.NR เพราะไม่มีห้อง เดี๋ยวหมอจะไปรพ.นั้นเดือนละ 1 ครั้ง แล้วจะส่องกล้องให้ ตอนนั้นแม่หน้าเสียมากหดหู่สุดๆ บอกให้นอนทางเดินก็ได้ ผมจึงตัดสินใจไม่พาแม่ไปรพ.เดิม พาไปรพ.รามาพรีเมี่ยมตอนช่วงบ่าย พยาบาลให้แม่นอนในห้องที่จัดเตรียมไว้ให้ แล้วเดี๋ยวหมอมาตรวจที่ห้อง(ผมจองคิวให้แม่ได้นัดตรวจวันนั้นช่วง 4 โมงเย็น) คุณหมอดีมาก ดูประวิติแล้วส่งตัวไปรักษารพ.รามา แบบรัฐ ให้ใบนัดวันที่ 26 ผมจึงจองโรงแรมใกล้ๆโรงบาล เพื่อนให้แม่ไม่เหนื่อยเดินทางในกรุงเทพยามรถติด
วันที่ 26 แม่รอตรวจและได้ห้องในวันนั้นเลย ช่วงบ่าย3 ได้ห้องแล้ว เป็นห้องศัลกรรมหญิง ห้องรวม แม่ได้ส่องกล้องวันที่ 27 และหมอแนะนำว่าให้ลองไปคุยกับรพ.NR เรื่องขอส่งตัวมาที่รามา แต่รามาเป็นรพ.นอกสังกัดของเค้า ต้องให้ผู้มีอำนาจยืนยัน ไม่ใช่แค่หมอ เพราะการรักษาค่อนข้างใหญ่ ต้องผ่าตัดแน่ แต่ ณ วันนั้น หมอส่องกล้อง ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจแล้ว(ผมคิดว่าน่าจะใส่ท่อให้แม่ด้วย ERCP ซึ่งโรงพยาบาลแรกทำไม่สำเร็จ )
วันที่ 28 หมอบอกจะให้กลับบ้าน แม่ดูดีขึ้น ตาใสขึ้น แต่ยังเหลืองอยู่ ทั้งตาและสีผิว ยังทานได้น้อยอยู่ แต่ในวันนั้นแม่มีอาการจุกเสียดมากเป็นพิเศษและยังไม่มีแรง หมอเลยให้รักษาดูอาการต่อ แม่ดึขึ้นทีละนิดทุกวัน ทานได้เยอะขึ้นนิดหน่อย และได้ออกรพ.รามา วันที่ 1ที่ผ่านมา และนัดไปตรวจเลือด แสกน และรอฟังผลกันต่อไป
*สิ่งที่ทำให้ข้องใจคือการส่งตัว การที่รพ.NR ส่งตัวให้ รพ.RT ต้องติดต่อนัดหมายแล้วหรือไม่ ส่งกลับได้หรอ
*ถ้าไม่มีแพทย์เชี่ยวชาญควรส่งตัวตั้งแต่ช่วงแรกๆแล้วไหม ปล่อยให้แม่นอนรอการรักษาอย่างเดียวมา 2 อาทิตย์
*แม่อายุ64 ตลอดการรักษาที่ รพ.NR มา 2 อาทิตย์การรักษาไม่เห็นผล น้ำหนักลง 6 กิโล (พ่อไม่เคยร้องไห้ แต่ต้องแอบร้องไห้ให้กับที่นี่)
*เมื่อวันอังคารที่ 3 พาแม่ไปขอทำเรื่องให้โอนสิทธิไป รพ.รามา ที่รพ.NR ทางผู้ใหญ่ไม่อนุมัติ บอกว่าย้ายไปนอกสังกัดไม่ได้ และทำERCPมาแล้ว รพ.RT รักษาต่อได้ คงไม่อนุมัติ (รักษากับทางโรงพยาบาลรามา ด้วยเงินสด)
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้สำหรับผมไม่ปกติอย่างมาก แม่เป็นคนใจเย็นและอดทนมาตลอดกับเหตุการณ์ดังกล่าว ผมควรต้องทำอย่างไร หรือ ไม่คุ้มที่เรียกร้อง ฟ้องร้อง หรือควรแจ้งให้กับที่ใดได้ทราบบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดกับคนอื่นในความมักง่ายในการติดต่อสื่อสารระหว่างโรงพยาบาล หลักฐานการรักษา การส่งตัวผมมีและระบุวันที่ไว้ชัดเจน จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้มีความรู้