[CR] มาราธอนแรก กับ Marines Marathon 2018 สัตหีบ (วันวิ่ง)

กระทู้รีวิว
ต่อจากกระทู้ที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/37854705
  เมื่อโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้เวลาตี1:50 ดังขึ้น ตอนแรกก็กะจะต่ออีกสักสิบนาที แต่ก็กัดฟันลุกขึ้นจัดการกับตัวเองให้พร้อม ดื่มนมถั่วเหลือง ดื่มเจลที่ซื้อเตรียมไว้ ดื่มหนึ่งแพคก่อน ส่วนที่เหลืออีกแพคพกไป กินระหว่างวิ่ง จริงๆมีขนมปังอีกชิ้น แต่ด้วยความที่ไม่หิวกับความรีบ เลยขนไปกินในงานวิ่ง(แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กิน เพราะไม่หิวกับกลัวจุก) แล้วก็รีบบึ่งรถมุ่งหน้าสู่งาน เราไปไม่ได้สายนัก แต่พอไปถึงรถก็เยอะแล้ว ในค่ายมีทหารโบกตลอดเส้นทาง ที่จอดที่เราเลงไว้ เต็ม(จริงๆ ไม่เต็ม แต่ไม่รู้ทำไมให้เลื่อนไปจอดอีกที่ ทางเข้าก็ไม่ไกลกันมาก แต่เรารู้สึกไม่โอเค เราถามพี่ทหารแล้วด้วยว่า ตรงนั้นเต็มแล้วเหรอ? พี่ทหารเค้าตอบแบบมั่นใจว่า เต็มครับ เราถ้าซ้ำ จริงดิ? คำตอบที่กลับมาคือ จริงครับ ตอนนั้นทำได้อย่างเดียว คือทำเป็นเชื่อแล้วขับไปตามทางที่พี่ทหารโบก)  ทางเข้าที่จอดที่พี่ทหารโบกให้ไม่ไกลจากที่จอดที่เราเล็งไว้มากนัก แต่ว่า จากปากทางเข้าไปถึงตำแหน่งที่เค้าให้เราจอดมันไกลมาก เนื่องจากเราเป็นรถคันแรกๆ ทำให้ต้องไปจอดที่ลึกๆก่อน  คือแอบเซ็ง แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องขับไปจอด จอดรถเสร็จ สำรวจตรวจความพร้อมแล้วก็ลงจากรถมุ่งสู่จุดปล่อยตัว โดยไม่ลืมที่จะเข้าห้องน้ำทำธุระให้เสร็จ โดยเราต้องเดินผ่านที่จอดรถที่เราเล็งไว้ ก็ลองชำเลืองดูว่ายังพอจะมีที่จอดได้อีกไหม เท่าที่มองเห็น น่าจะจอดได้ไม่ต่ำกว่า 5 คัน ถ้าจอดดีๆ ถ้าจอดแบบเลวๆ ได้อีกไม่ต่ำกว่า 10 แต่ก็เออช่างมัน เราจอดแล้ว เดินมาถึงนี่แล้ว แล้วก็เดินต่อไปยังจุดปล่อยตัว แล้วทำการยืดเส้นวอร์มร่างกาย

  การปล่อยตัวไม่มีพิธีอะไรมาก สั้นๆ ง่ายๆ ตรงเวลา ตี3 เป๊ะ เราใช้ทั้ง App Nike NRC(ผ่านiPhone) กับ Apple Watchช่วยในการจับเวลาและบอกระยะทาง กันพลาดเลยใช้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน ช่วงแรกๆ ของทางวิ่งเป็นเนินเขา ผ่านเข้าไปในภูเขามั้ง(!?) คือมันมืดมาก มีไฟส่องสว่าง(ใช้พลังงานจากเครื่องปั่นไฟ) ที่ทางพี่ทหารจัดไว้ แต่ก็ไม่ได้สว่างตลอดเส้นทาง สว่างเป็นช่วงๆ มองไม่ค่อยเห็นอะไรมากนัก อาศัยตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ แรกๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ได้วิ่ง เดินเร็วๆก็พอจะได้ เนื่องจากคนออกันมาก ต้องรอคนข้างหน้าไปก่อนตามลำดับ ระหว่างทางมีห้องน้ำเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นของศูนย์นั่นนี่ของทหารเค้าแหละ เค้าอนุญาตให้นักวิ่งใช้ วิ่งไปสักพัก ด้านขวามือก็จะเป็นทะเล อากาศเย็นสบาย มีลมโชยมาเรื่อยๆแรงบ้าง เบาบ้าง สักกิโลที่สิบได้ก็เข้าตลาด น้ำมีให้บริการเรียกว่าทุกๆ สองกิโลเมตร วิ่งไปเรื่อยๆ จนเกือบครึ่งทาง ก็เป็นทางที่ต้องวิ่งเข้าไปหาจุดเชคพ้อยท์ ซึ่งก็เห็นคนวิ่งสวนออกมาเรื่อยๆ พอวิ่งเข้าไป ก็เจอเรือรบหลวงจักรีนฤเบศร์ ถามว่าอลังการไหม ก็ระดับหนึ่งนะ แต่ถ้าเทียบกับของที่อื่น ก็ไม่ได้อลังเวอร์วังอะไรนัก แต่ความที่วิ่งมาเหนื่อย แล้วการที่ได้เจอได้เห็นเป็นครั้งแรก แบบที่ไม่รู้มาก่อนว่าระยะเชคพ้อยท์ครึ่งทางจะเป็นที่นี่(คือทางผู้จัดแจ้งแล้วว่าจะผ่านเรือหลวงนี้ แต่ไม่นึกว่าจะประจวบเหมาะตรงจุดครึ่งทางตรงนี้) คือมันหลายๆ อย่างรวมกัน ทำให้เกิดความประทับใจ แล้วจะรออะไรล่ะ ไม่สนใจว่าจะเสียเวลาไหม หยิบโทรศัพท์ขึ้นเซลฟี้ ที่จริงก็แอบลังเลเล็กน้อย แต่ช่างมัน เซลฟี่ไม่พอ ซ้ำยังขอร้องให้เพื่อนร่วมทางช่วยถ่ายให้อีก เราเองก็ถ่ายให้เค้าด้วยเช่นกัน

  ณ จุดเชคพ้อยนี้ มี แตงโม กล้วย น้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ ไว้ให้บริการ เราเสียเวลาอยู่ตรงนี้น่าจะกว่าสิบนาทีได้ ถือโอกาศยืดเส้นไปด้วย แล้วก็เข้าห้องน้ำ จากนั้นก็วิ่งต่อ ถึงตรงนี้ ร่างกายบอกว่า อยากได้พวกเสปรย์ฉีดแล้วทำให้รู้สึกเย็น พอถึงจุดพยาบาล เราเลยไม่รอช้าที่จะเดินไปให้พี่ทหารฉีดเสเปรย์ให้(หลังจากจุดนี้ ที่ไหนมองเห็นสเปรย์ เราเข้าไปให้เค้าฉีดให้ทุกจุด) แล้วก็วิ่งต่อ ตอนนี้ขาเริ่มล้าเต็มที แต่ก็ยังพอวิ่งได้ พอเป็นเนินก็แอบเดินหน่อยๆ เพราะคิดว่าถ้าเป็นเนินสำหรับเรา เดินกับวิ่งความเร็วไม่ต่างกัน เลยตัดสินใจเดินเพื่อเก็บแรงไว้เร่งความเร็วทางลง เพราะเราว่าทางลงมันมีแรงดึงดูดโลกช่วยให้เราวิ่งได้เร็วขึ้นโดยใช้แรงเท่าเดิม(คิดเองนะ ถึงแม้จะรู้ว่า ต้องใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นสำหรับการช่วยเบรค) วิ่งไปจนกิโลเมตรที่ 25-26 ก็เริ่มรู้สึกว่า ล้ามาก มันเป็นระยะที่เราเคยวิ่งมา 2-3ครั้ง พอมาถึงที่กิโลเมตรประมาณนี้ ร่างกายจะบอกว่าไม่ไหว ก็ไม่รู้ว่า เป็นความคุ้นชิน หรือร่างกายไม่ไหวจริงๆ การหยุดเดินเริ่มบ่อยขึ้น นานขึ้น บางจุดที่เป็นกรวดหิน เป็นหลุม เราจะหยุดและเดินทันที เพราะตอนนั้นการควบคุม การทรงตัวอะไรต่างๆ เราเริ่มไม่ร้อยเปอร์เซนต์เต็มแล้ว บางจุดก็เป็นแค่ช่องให้คนเดิน อันนี้เราก็หยุดเช่นกัน (ตอนวิ่ง แอบคิดในใจว่า ดีนะไม่ขับรถสำรวจเส้นทางก่อนวิ่ง เพราะถ้าทำก็คงทำไม่ได้ เนื่องจากมีทั้งเขตทหาร ซึ่งคนทั่วไปไม่มีโอกาศได้เข้าไปง่ายๆ บางจุดก็สำหรับคนเดิน ไม่ได้ไว้ให้รถวิ่งผ่าน สรุปคือ ถูกแล้วที่ไม่เผื่อเวลาไว้ขับรถสำรวจ เพราะมันทำไม่ได้ นอกจากเหตุผลเหล่านี้ เหตุผลหลักคือเราขับรถคนเดียวไม่มีคนช่วยดูแผนที่ คอยบอกทาง เลยไม่สำรวจเหมือนครั้งที่เคยวิ่งที่อื่นๆ ที่ผ่านมา) วิ่งมาถึงจุดนี้ต้องบอกว่า ในค่ายทหารเรือนี่อลังการจริงๆ สวย อลัง เวอร์วัง บลาๆ ยิ่งตรงอาคารมหิดลอดุลยเดช คืออลังการมาก สวยมาก สวยจนขน ลุก

  7 โมงกว่า แดดยังไม่มาก ซึ่งยังเหลือระยะวิ่งเกือบ 20 กิโลเมตร การเดินเยอะขึ้นเรื่อยๆ มองคนรอบข้างที่วิ่งมาด้วยกัน เราบอกตัวเองว่า ยังไงๆ เราก็จะพยายามไม่ให้หลุดคนกลุ่มนี้ ก็ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม ไปเรื่อยๆ น้ำ ขนม มีไว้ให้บริการตลอดเส้นทาง มีกองเชียร์ ที่เอาทหารตัวดำๆ หัวเกรียนๆ มาเต้น มาเชียร์ ก็ขำๆเพิ่มสีสรรดี และก็เพิ่มแรงใจขึ้นมาได้บ้าง ทำให้เราเดินสลับวิ่งไปได้เรื่อยๆ  แดดก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ตาเราก็เริ่มลาย เริ่มเดินแบบไม่สนใจกล้อง ว่ารูปจะออกมาอย่างไร บอกตัวว่า เอาแค่ไม่ล้มให้รถพยาบาลมาหามก็พอละ นั่นคือสิ่งที่คิดอยู่ตอนนั้น  อีกอย่างหนึ่งคือ ช่างกล้องนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในสร้างแรงใจ ที่จะทำให้เราเปลี่ยนจากการเดิน กลับมาวิ่ง เพื่อภาพที่ออกมาจะได้ดูไม่น่าหัวเราะ ด้วยอะไรที่ถูกเรียกว่า “หมดสภาพ”    ในขณะที่ความเป็นจริง คือ กูหมดสภาพ มันเหนื่อยมาก

  แล้วก็มาถึงระยะ 5 กิโลเมตรสุดท้าย ที่ประมาณกิโลเมตรที่ 38 มีเพื่อนร่วมทางที่วิ่งกันมาเป็นกลุ่ม เห็นเราเดินก็ออกปากชวนเราว่า “ไปด้วยกันครับ” เราตอบกลับไปว่า “แค่เดินได้นี่ก็…..”   “ก็…” อะไรไม่รู้ ตอนนั้น มันสุดๆ แล้วจริงๆ  ปล่อยพวกเค้าไป แล้วก็เดินผสมวิ่งต่อมาจนเหลือ 4 กิโลเมตรสุดท้าย ตรงนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ ที่ทางค่ายอยากจะให้เราสัมผัส มันเป็นจุดเชคพ้อยท์ที่ต้องเข้าไปผ่านออกมา จุดนี้สวยมาก มันเป็นสุดปลายของหาดเตยงาม เสียงคลื่นซัดหิน น้ำทะเลใสๆ ฟองคลื่นขาวๆ ลมเย็นๆ ทำให้รู้สึกว่าแดดมันอุ่น มันสวยมาก มันคืออีกหนึ่งความงดงามที่เราได้สัมผัสจากงานนี้ มันคืออีกหนึ่งภาพความประทับใจ  ตอนนั้นเราวิ่งไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังคงเดินต่อไปเพื่อให้จบมาราธอนแรกได้ด้วยตัวเอง จนสักพักมีเสียงตะโกนมาจากด้านหลังว่า “หกชั่วโมงครับ”  มันคือเสียงที่มาจากเพซเซอร์ บอกให้รู้ว่า ถ้าพวกเค้าวิ่งแซงผ่านไป เราจะถึงเส้นชัยที่เวลาเกินหกชั่วโมง ซึ่งเป้าเราตั้งใจไว้ว่าอยากจบมาราธอนด้วยเวลา 5ชั่วโมง 40นาที (ทำไมน่ะเหรอ เพราะ Tokyo Marathon ต้องวิ่งได้ด้วยเวลานี้ ถึงจะสมัครได้)  บอกตัวเองว่า เฮ้ย วิ่งหนีเถอะ เลยแข็งใจสับขาออกวิ่งอีกครั้ง วิ่งได้สักพัก ก็ต้องบอกตัวเองว่า ไม่ไหวก็คือไม่ไหว ยอมให้พวกเพซเซอร์วิ่งแซงผ่านไปเถอะ เอาแค่จบมาราธอนนี้ให้ได้ละกัน ก็ค่อยๆ เดินต่อไป พอออกจากเส้นทางจุดเชคพ้อยท์ ตรงทางออกเป็นทางที่มีหินกรวด เวลาวิ่งเวลาเดินมันจะมีเสียงที่ดังกว่าวิ่งบนถนนลาดยางหรือปูน ตรงนี้เองเราได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งของเพื่อนร่วมทางคนหนึ่งชัดมาก มาจากข้างหลัง เสียงมันถี่ ชัด ฝังเข้าไปในหินกรวด เสียงฝีเท้านั้นมันทำให้เรารู้สึกได้ว่า เจ้าของฝีเท้า หมดแรง แต่ยังแข็งใจที่จะวิ่งต่อไป มันใกล้เราเข้ามา แล้วก็แซงเราที่กำลังเดินอยู่ไป เรามองฝีเท้าและระยะก้าวของเค้า มันไม่ได้เร็ว ตอนนั้นเราถามตัวเองว่า ทำไมเค้าถึงแซงเราไปได้ มันสม่ำเสมอ มันทำให้เราบอกกับตัวเองว่าเราน่าจะทำได้ และแล้วเราก็ตัดสินวิ่งตาม ไม่มีคำพูดใด มันคือการแอบเกาะเพซเค้าอยู่ เค้าเองก็น่าจะรู้ว่าเราเกาะเพซเค้าไป ด้วยความเร็วและฝีเท้าที่ใกล้เคียงกับเค้า เฮ้ย!! เราวิ่งไปต่อได้เว้ย ทั้งๆ ที่เราว่าจะเดินไป จนกว่าจะเหลือ 200-300เมตรสุดท้าย แล้วค่อยกลับมาวิ่งปล่อยให้หมดอีกครั้ง เราพยายามรักษาความเร็วไม่ให้เกินเค้า มันไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้าเมื่อใดเราวิ่งเกินเค้า เรารู้สึกว่าเราเริ่มเหนื่อย ต้องลดความเร็วให้เท่าเค้า ที่ความเร็วนี้เราวิ่งไปได้เรื่อยๆ  มันทำให้เราเรียนรู้จักคำว่า "เพซที่เหมาะสมของเรา"

  ก่อนถึงเส้นชัยประมาณสองร้อยเมตรสุดท้าย เราสับขาใส่หมดแรงที่เรามีเหลือ มันอาจจะไม่เร็วนัก แต่มันคือทั้งหมดที่เรามี แล้วเราก็ถึง เส้นชัย ด้วยเวลา 5ชั่วโมง57นาที45วินาที (ว่าแล้วว่า เพซเซอร์ วิ่งไวไป วิ่งนำเราไปตั้งนาน เรายังจบได้ที่เวลาไม่ถึง หกชั่วโมง) และเมื่อเทียบระยะทางจริงกับระยะทางที่ App Nike NRC วัดได้ มันมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งต่างกันเป็นกิโลเมตรทีเดียว ในขณะที่Apple Watch วัดระยะได้ใกล้เคียงระยะทางจริงมากกว่า

  หลังจากเข้าเส้นชัย ก็ต้องเดินเลยจากจุดเส้นชัยไปประมาณ 50 m เพื่อรับเหรียญ แล้วก็ไปรับใบเรคคอร์ดเวลา รับผ้าขนหนูของที่ระลึกFinisher  ตอนแรกสองจิตสองใจว่า จะไปรับของกินเลยดี หรือว่า จะพักก่อนแล้วค่อยไปเอา ผลก็คือ นั่งพัก เพราะไม่รู้ว่าจุดรับอาหารอยู่ตรงไหน มองหาไม่เจอ เลยตัดสินใจนั่งตรงจุดที่มีร่มเงาที่ใกล้ที่สุดตอนนั้น จากนั้นยืดเส้นได้สักพักแดดเริ่มแรงขึ้นทุกทีๆ เลยตัดสินใจลุก มองหาจุดรับอาหารอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอ เลยเดินไปถามว่าจุดรับอาหารอยู่ที่ไหน ผลคือ มันอยู่อีกคนละฝั่งกับที่เรายืนอยู่ ไกลเท่าไรไม่รู้ แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือมันไกลสำหรับคนที่เพิ่งวิ่ง 42 km เสร็จมาใหม่ๆ เลยตัดสินใจไม่เอา แล้วเดินไปที่จอดรถของตัวเอง  ระหว่างทางเราชำเลืองไปที่ๆจอดที่เราเล็งไว้แล้วไม่ได้จอด เห็นมีรถมาจอดเพิ่ม ตรงที่มันว่างเมื่อตอนตีสอง ก่อนการวิ่ง ซึ่งเราก็คิดว่ามันจอดได้ แล้วก็มีคนมาจอดจริงๆ ความคิดตอนนั้นคือคำถามถามว่า มันคืออะไร พี่ทหารไม่รู้ว่ามีคนมาแอบจอด? พี่ทหารชอบสตอบอรี่? พี่ทหารกั๊กไว้ให้ใคร? บลาๆ แต่ก็ช่างมัน ผ่านไปแล้ว ประเทศไทย ขับกลับที่พักไปกินข้าวต้มดีกว่า
  
  ถึงที่พักก็กินข้าวต้ม แล้วก็อาบน้ำ แล้วนอนประมาณชั่วโมงนึงได้ ตอนที่นอนรู้สึกถึงความร้อนที่ออกมาจากร่างกาย มันพองอยู่ในผ้าห่ม พอ 11 โมงก็เก็บของเพื่อเชคเอาท์ออกจากที่พัก แล้วก็มุ่งสู่พัทยา เพื่อไปออนเซนแช่น้ำผ่อนคลาย ซึ่งเราจองนวดไทยเอาไว้ 2 ชั่วโมง เราอยู่ในนั้นจนหกโมงเย็น แล้วก็ขับรถกลับบ้าน ก่อนเข้าบ้านเราแวะหาพวกโปรตีนกิน นั้นคือเนื้อย่าง ซุปเนื้อ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย พอถึงบ้าน หมาเหมอจะเล่นด้วย คือไม่เอาแล้ว ตอนนั้นไม่สนใจอะไรแล้ว อาบน้ำ แปรงฟันเสร็จ ขึ้นห้องทันที ปกติจะให้เวลากับหมาก่อนนอนทุกคืน แต่วันนี้พลังหมด พอหัวถึงหมอนเท่านั้นแหละ เหมือนถอดปลั๊ก ทุกสิ่งอย่างจบ ราตรีสวัสดิ์ เจอกัน พัทยามาราธอน2018
เพิ่มเติม
  หลังจากวันวิ่ง(วันจันทร์) ทุกอย่างปกติ ไม่เจ็บอะไร มีตึงๆ บ้าง แต่ไม่เจ็บ แต่วันที่สองหลังวิ่ง(วันอังคาร) ตึงจนเจ็บ ตอนนี้ใช้ถุงเจลเย็นประคบข้อเท้าซ้าย ขอให้หายเร็วๆเถอะ จะได้ไปวิ่งพัทยามาราธอนได้

(จุดประสงค์ของการเล่าเรื่องนี้คือ เพื่อเล่าภาพรวมให้คนที่ไม่เคยวิ่งงานนี้ และแชร์ความรู้สึกของคนที่วิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรกอย่างเรา อาจไม่ค่อยมีรายละเอียดเกี่ยวกับทางวิ่งมากนัก เพราะตอนที่วิ่ง สิ่งที่อยู่ในหัวส่วนใหญ่คือ บอกตัวเองให้ไปถึงเส้นชัยได้ด้วยขาตัวเอง แทบไม่มีอะไรบันทึกเลยในหัวตอนนั้น)
ชื่อสินค้า:   Marines Marathon 2018
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่