เมื่อหลายเดือนก่อนผมอ่านแผนธุรกิจของกระทู้นึงในพันทิปเป็นประโยชน์มากๆ แต่กระทู้นั้นดันเป็นรูปภาพ ผมเลยเอามาเปลี่ยนเป็นตัวหนังสือให้เอาไปใช้เป็นแผนธุรกิจของตัวเองกันได้เลย รับรองว่าถ้าคนที่อยากเริ่มธุรกิจแล้วมึนๆ งงๆทำอะไรไม่ถูก ลองตอบหัวข้อที่มีในแผนธุรกิจให้หมด ก็สามารถเริ่มลงมือทำได้เลยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำรวจความต้องการของตลาด ความต้องการของผลิตภัณฑ์ใหม่
สำรวจวิธีไหนบ้าง :
จะสำรวจกี่คน ถึงจะได้ผลสำรวจที่ดี :
ใช้งบในการสำรวจเท่าไหร่ :

ข้อมูลธุรกิจ  
สินค้าอะไร:
ใครผลิต:  
ขายที่ไหน:
ขายอย่างไร:

แนวคิดในการดำเนินธุรกิจ
ทำไมคิดขายสินค้านี้:
ขายใคร:
ราคาเท่าไหร่:

ผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือบริการของธุรกิจ
สินค้าเราดีกว่าสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดอย่างไร :
ทำไมลูกค้าต้องซื้อเรา :

สภาวะตลาดหรือสภาวะอุตสาหกรรม
ภาวะตลาดโดยรวม ทำให้เราน่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเท่าไหร่ :
เติบโตได้อย่างไร :
คู่แข่งมากน้อยขนาดไหน :
รัฐสนับสนุนหรือไม่ อย่างไร :

การดำเนินการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือบริการของธุรกิจอื่น
สินค้ามีอายุในตลาดยาวนานแค่ไหน :
เป็นสินค้าที่ต้องใช้ทุกวัน ใช้แล้วหมดไป ใช้แทนกันได้หรือเป็นสินค้าแฟชั่น :
ถ้าสินค้านิยมเร็ว จะแก้ปัญหาการทำเลียนแบบอย่างไร :
จะทำอย่างไรถ้าคู่แข่งที่ขายอยู่ก่อนทวงตลาดคืน :

ลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ    
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร :
Segmentation >
กำลังซื้อ >  
ถิ่นที่อยู่ >  
เพศ >
Target >

แผนการบริหารจัดการ
จะดำเนินการอย่างไร :
ใครบ้าง :  
ทำอะไรบ้าง :  
จะหาลูกน้องหรือผู้ช่วยจากที่ไหน :  
ค่าจ้างเท่าไหร่ :

แผนการตลาด
จะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดด้วยวิธีไหน ให้เป็นที่รู้จัก :
โปรโมทอย่างไร :
ทำให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างไร :  
ยอดขายจะเพิ่มในอัตราส่วนเท่าไหร่ :  
เงินทุนหมุนเวียนพอดีกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ :
ทำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อซ้ำหรือแนะนำลูกค้าอื่นต่อ :

แผนการผลิตหรือการบริการ
จะวางแผนการผลิต หรือการทำงานอย่างไร ให้ใช้ทรัพยากรต่างๆน้อยที่สุด และได้ประโยชน์สูงสุด :
ใช้แรงงานคน หรือเครื่องจักร :
ต้องใช้พื้นที่ในการทำงานมากน้อยแค่ไหน :
ถ้าธุรกิจโตเร็ว สำรองพื้นที่ส่วนขยายได้ทันเวลาหรือไม่ :





แผนการเงิน
เป็นการรวบรวมสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดมากำหนด การรับ-จ่ายเงิน ถ้าจะให้ดี ต้องวางแผนการเงินให้ได้อย่างน้อย 1 ปี ส่วนเมื่อทำไปแล้ว จะเป็นหรือไม่เป็นไปตามแผน ก็ต้องปรับเปลี่ยนกันอีกทีให้เหมาะสม และทันเวลา จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องจำกัดการขาดทุนไว้ในขอบเขตที่เรารับได้ เช่นภายใน 6 เดือน ถ้าขาดทุน300,000 ต้องเลิกทำหรือเปลี่ยนแผน เป็นต้น....ข้อนี้ เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราวางแผนไว้ดี รัดกุม จะช่วยควบคุม การดำเนินการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเร็วและง่ายขึ้น

การทำแผนการเงินที่ดี ต้องชัดเจนว่า
1.เรามีทุนเริ่มต้นเท่าไหร่ เป็นเงินสดเท่าไหร่ สินทรัพย์เท่าไหร่ รวมมี “เงินกู้” เท่าไหร่ และต้องหา “เงินกู้” อีกเท่าไหร่
2.มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น (เตรียมการ) เท่าไหร่... เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการเตรียมการแล้ว เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนเท่าไหร่ พอหมุนได้กี่เดือน กรณีขายของเงินสด ก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าขายเงินเชื่อ ต้องคำนวณและวางแผนการรับจ่ายให้เหมาะสม
3.ยอดขายเป็นเท่าไหร่ หักเป็นค่าโสหุ้ย รายวัน รายเดือน หรือรายปี เท่าไหร่  
******** ค่าโสหุ้ย คือ  "ค่าใช้จ่ายจิปาถะ"  หรือ "ค่าใช้จ่ายอื่นๆ" หรือ "ต้นทุนแฝง"  ********  

เช่น
- ค่าซ่อมแซมรถส่งของ ค่าอะไหล่   นี่คือ โสหุ้ย  เพราะไม่รู้มันจะเสียเมื่อไหร่
- ค่าใบสั่ง (หรือยัดใส่มือตำรวจ)  นี่คือ โสหุ้ย
- ค่ากระดาษเอกสาร ที่ใช้ในสำนักงาน  นี่คือ โสหุ้ย เพราะเป็นแค่การประมาณการณ์ ว่าจะใช้เท่าไหร่
- ค่าน้ำร้อน น้ำชา แป๊ะเจี๊ยะ ใต้โต๊ะ  นี่ก็คือ โสหุ้ย เช่นกัน
- ค่าโทรศัพท์ติดต่อลูกค้า,บุคคลภายนอก นี่ก็คือ ค่าโสหุ้ย เพราะต่อให้ตั้งงบประมาณเอาไว้ แต่พอเอาเข้าจริง ก็อาจจะโทรเกินงบ(ส่วนที่เกินงบคือโสหุ้ย)
- ค่าซื้อน้ำ ,ซื้อขนม ,ซื้ออาหาร เลี้ยงลูกน้องบ้างเป็นครั้งคราว หรือ ชา,กาแฟในออฟฟิศ  นี่ก็คือ โสหุ้ย
- ค่ายา ค่ารักษาตัว (กรณีเจ้าของกิจการ)ถ้าหากบ้างานมากเกินไปจนป่วย  นี่ก็โสหุ้ย
เป็นต้น

ส่วน  เงินเดือนลูกจ้าง,ค่าวัตถุดิบผลิต,ค่าน้ำ,ค่าไฟ ฯลฯ นี่คือ ต้นทุน





แนวคิดก่อนลงทุนซื้อเครื่องจักร
1.ปัจจุบัน ขายสินค้าได้เดือนละกี่หน่วย  มีกำไรหน่วยละเท่าไหร่  รวมมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
  2.ถ้าต้องการซื้อเครื่องจักรด้วยเงินสด.ต้องขายสินค้าทั้งหมดเท่าไหร่ ใช้เวลากี่ปี กี่เดือน กำไรที่ได้จึงจะพอซื้อ
  3.ถ้าต้องการเช่าซื้อ หรือกู้เงินธนาคารมาซื้อ ต้องมียอดขายเดือนละเท่าไหร่ (ดูจุดคุ้มทุน)
  4.หาวิธีเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายตามข้อ 2 หรือ 3 ...และทันทีที่ยอดขายเข้าเป้า...ก็สั่งซื้อทันที
  5.เมื่อลงเครื่องจักรแล้ว ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องรักษายอดขายให้คงที่ หรือเพิ่มขึ้นให้ได้
  6.นำมาสู่ ขั้นตอนของ “การวางแผนกลยุทธ์” (ทั้งด้านการผลิต  การตลาด  การจัดการ บุคลากร และการเงิน)