มองต่างมุม จากสิ่งที่ผู้บริหารบิวตี้บอก

กระทู้สนทนา
https://www.youtube.com/watch?v=s0hwnrUN6Pw

มองอีกมุมนึง จากเหตุทั้งหมดที่ผู้บริหารเล่าให้ฟัง ซึ่งแกะจากคลิปนี้นะครับ

- งบ q2 น่าจะลดลง YoY พลาดเป้าที่ตั้งไว้ (ซึ่งฟังจากคำพูด เดาว่าน่าจะยังเติบโตอยู่ แต่อาจไม่ถึงเป้าโต  20%) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากข่าวบริษัทเครื่องสำอางค์ไทยเถื่อนๆที่ขายสินค้าไม่มีอย. แต่โรงงานที่เป็น Supplier ของบริษัทได้มาตราฐานทุกโรงงาน สามารถตรวจสอบได้เลย 100%

- ข่าวร้ายนี้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยอดขายสินค้าของบริษัทตกลงบ้างในช่วงนี้ ข่าวร้ายเครื่องสำอางค์ออกเดือนมีนา ส่งผลกระทบต่อยอดขายปลายเมษา ถึงพฤษภาทั้งเดือน ซึ่งทำให้งบ Q2 พลาดเป้าไป

- ข่าวนี้ส่งผลกระทบให้การขยายไปจีน ล่าช้าลง เพราะทางการจีน ตรวจสอบสินค้านำเข้าเข้มงวดขึ้น ถึงแม้จะมีการเซ็นต์สัญญา Cross border E-commerce กับเว็ปไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ๆของจีนไปแล้ว 4 รายก็ตาม และธุรกิจอาจใช้เวลาเทคออฟ แต่แนวโน้วก็น่าจะดี โดยเฉพาะในแง่ของการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขายที่ยั่งยืนระยะยาว

- ยอดขายที่ลดลงของผลิตภัณฑ์บางตัวของบริษัทที่อยู่ในกระแสเมื่อปีที่แล้ว (ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะเป็น "ลิปสติคในตำนาน") ซึ่งพอกระแสซาลงไป ทำให้ยอดขายที่มากเกินปกติ กลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งมีผลทำให้ยอดขายลดลง

- ไตรมาศ 1-2 เป็น Low-Season อยู่แล้ว ไตรมาศ 3-4 ก็ยังมีโอกาสเปิดกว้าง สำหรับการทำกำไรที่มั่นใจว่าจะทำตามเป้าได้อยู่

- บริษัท ได้ดำเนินการเรื่องการดีลให้มีตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศในหลายๆช่องทางพร้อมๆกัน 11 ประเทศ ซึ่งเท่าที่ฟังดู ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนเริ่มๆจะเทคออฟภายใน Q3-Q4 นี้แล้ว

- มีคนถามว่า บริษัทจะซื้อหุ้นคืนมั้ย ก็ได้รับคำตอบว่า "บริษัท ไม่มีนโยบายซื้อหุ้นคืน" (ซึ่งตอนที่แถลงนี้ ถ้าจำไม่ผิด หุ้นยังราคา 10-12 บาทอยู่นะครับ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่หุ้นจะร่วงติดฟลอร์) ซึ่งเป็นไปได้ว่า การพิจราณาซื้อหุ้นคืน เกิดขึ้นหลังจากที่มันร่วงหนักสองวันติดหลังวันแถลงข่าว ทำให้มูลค่าหุ้นเริ่มเข้าข่าย "ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท" จึงเกิดการเปลี่ยนความคิดเรื่องการดำเนินการซื้อหุ้นคืน

- หมอจะ Maintain สัดส่วนการถือหุ้นไว้ไม่ต่ำกว่า 20% (มีคนถามซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งเลยครับ 555)

ส่วนตัวคิดว่า เท่าที่อ่านจากกระทู้ นักลงทุนมองโลกในแง่ร้าย และ Overreact กับหุ้นบิวตี้เยอะมากๆเลยนะครับ จนรู้สึกว่า ช่วงมองโลกในแง่ร้ายนี่ ข่าวอะไรก็มองให้ร้ายได้หมดจริงๆนะครับ^^:

ทุกข่าวร้ายทำให้เกิดวิกฤตศรัทธากับตัวหุ้นจริงๆนะครับ โดยเฉพาะการที่หมอขาย ซึ่งเป็นการขายในช่วงก่อนที่กำไรของบริษัทจะชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจริงๆ แต่มองอีกมุมนึง ข่าวร้ายๆทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาซึ่งมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลรองรับอยู่นั้น ส่วนมากก็เป็นข่าวร้ายระยะสั้น ที่น่าจะคลี่คลายไปได้ในระยะยาวนะครับ

บริษัทยังคงไม่มีหนี้ หรือมีก็น้อยมากๆ และยังคงมีแผนงานที่ดี (แต่จะทำได้และประสบความสำเร็จกับแผนงานตรงนี้หรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะครับ)

ที่แน่ๆ ราคาหุ้นตอนนี้ ถูกลงมากๆ และถ้าเงินปันผลยังคงใกล้เคียงปีที่แล้ว แปลว่า ซื้อราคานี้มี P/E ประมาณ 15-17 เท่า โอกาสได้ปันผล 5-7% ต่อปี ในสมมุติฐานว่า บริษัททำกำไรได้เท่าเดิมหรือมี Growth ต่อไปในอนาคตนะครับ...ส่วนตัวคิดว่า เป็นโอกาสในการเข้าซื้อนะครับ

ป.ล. ผมถือบิวตี้อยู่เยอะพอสมควรครับ แต่โชคดีแบ่งขายไปครึ่งนึงเมื่อต้นๆปี ราคา 20 บาทนิดๆ เพราะรู้สึกว่า P/E สูงเกินไป และก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าบริษัทจะ Growth ได้ดีแค่ไหน แต่ช่วงนี้เห็นราคายั่วยวน เลยสวนกระแสเก็บหุ้นที่ขายไปกลับเข้าพอร์ตครับ เสียวๆ Floor อยู่เหมือนกัน 555
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่