คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ
ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขอเสริม เท่าที่ทราบนะ
เคยเรียนกฏหมายอยู่ตัว จำได้อยู่อย่าง
(สมัยนี้ก็คิดว่ายังเหมือนเดิม)
คือ ความผิดอาญา โดยทั่วไป ต้องเกิดการกระทำก่อน เช่น ขโมยของ ทำร้ายร่างกาย หรือบุกรุก
จะเกิดความผิดได้ ต้องมีการกระทำนั้นแล้ว
หมายถึง หากตำรวจ เห็นเด็กช่างกลสองกลุ่ม เดินอาดๆๆ จะมาต่อยกัน
ถ้าหมัดยังไม่ถึงตัว ก็จับไม่ได้
แม้จะรู้ว่า มันยกพวกจะมาตีกัน
(อาจจะจับเรื่องพกอาวุธได้ ถ้าตรวจเจอ)
คนทั่วไป ถึงชอบใช้คำว่า "ยัดข้อหา" เวลาตำรวจจะหาเรื่องจับ
แต่มีความผิด ไม่กี่อย่าง ที่ยังไม่ลงมือทำ แค่คิดก็ผิดแล้ว
เช่น เกี่ยวกับ 112 116 คือเรื่องสถาบัน และความมั่นคงของชาติ เช่น กบฏ หรือ อาชญกรรมแบบ ไอซิส
และการวางเพลิง วางแผนฆ่า
แค่รู้ว่ามีแผนจะไปวางเพลิงที่ไหน แล้วเข้าไปซื้อไฟแช็กใน7 ก็จับได้แล้ว
หรือการวางแผนฆ่าคน ก็น่าจะเข้าข่าย พยายามฆ่าได้แค่รู้ว่า ซื้อมีดปอกผลไม้
เคยเรียนกฏหมายอยู่ตัว จำได้อยู่อย่าง
(สมัยนี้ก็คิดว่ายังเหมือนเดิม)
คือ ความผิดอาญา โดยทั่วไป ต้องเกิดการกระทำก่อน เช่น ขโมยของ ทำร้ายร่างกาย หรือบุกรุก
จะเกิดความผิดได้ ต้องมีการกระทำนั้นแล้ว
หมายถึง หากตำรวจ เห็นเด็กช่างกลสองกลุ่ม เดินอาดๆๆ จะมาต่อยกัน
ถ้าหมัดยังไม่ถึงตัว ก็จับไม่ได้
แม้จะรู้ว่า มันยกพวกจะมาตีกัน
(อาจจะจับเรื่องพกอาวุธได้ ถ้าตรวจเจอ)
คนทั่วไป ถึงชอบใช้คำว่า "ยัดข้อหา" เวลาตำรวจจะหาเรื่องจับ
แต่มีความผิด ไม่กี่อย่าง ที่ยังไม่ลงมือทำ แค่คิดก็ผิดแล้ว
เช่น เกี่ยวกับ 112 116 คือเรื่องสถาบัน และความมั่นคงของชาติ เช่น กบฏ หรือ อาชญกรรมแบบ ไอซิส
และการวางเพลิง วางแผนฆ่า
แค่รู้ว่ามีแผนจะไปวางเพลิงที่ไหน แล้วเข้าไปซื้อไฟแช็กใน7 ก็จับได้แล้ว
หรือการวางแผนฆ่าคน ก็น่าจะเข้าข่าย พยายามฆ่าได้แค่รู้ว่า ซื้อมีดปอกผลไม้
ความคิดเห็นที่ 1
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แสดงความคิดเห็น
++++++++++ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาญา เมื่อมีใช้อินเตอร์เน็ตแบบขาดความยั้งคิด ++++++++++
การยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำการใดๆ แล้วนึกว่าก็แค่บอกไปงั้นไม่ผิดอะไร แต่ความจริงแล้วผิดและผิดหนักมาก
แบบบอกคนหนึ่งให้ไปฆ่าคนหนึ่งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนที่ถูกบอกไม่ได้ไปทำจริงๆ ก็นึกว่าไม่ใช่ความผิดอะไร
แต่ความจริงแล้วผิดกฎหมายอาญามีโทษร้ายแรง
การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีโทษประหารชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289)
การยุยงให้คนฆ่ากัน กฎหมายถือว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ไม่เกิดการฆ่าขึ้นจริง แต่ผู้ยุยงก็มีความผิดแล้ว
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84
ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด
ย่อความสั้นๆ ก็คือ
ถ้าใช้ จ้าง บังคับ ขู่เข็ญ ยุยง ให้ใครไปฆ่าใคร เมื่อเกิดการฆ่า ผู้ใช้ จ้าง บังคับ ขู่เข็ญ ยุยง จะมีโทษประหารชีวิต
แต่ถ้าไม่เกิดการฆ่า ไม่มีการกระทำ ผู้ใช้ จ้าง บังคับ ขู่เข็ญ ยุยง จะมีความผิดหนึ่งในสามของโทษประหารชีวิต
นั่นคือ จำคุกอย่างน้อย 15 ปี
หรือเรื่องเกี่ยวกับเอกสาร ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนึกว่าไม่มีความผิด เอาภาพถ่ายเอกสารปลอมมาโพสต์แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เจตนาให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเอกสารจริง หรือเข้าใจว่าเป็นเอกสารของทางราชการ แบบนี้มีความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกถึง 3 ปี
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
องค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบภายนอก
(1) ผู้ใด
(2) (ก) ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด
(ข) เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือ
(ค) ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร
(3) โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (พฤติการณ์ประกอบการกระทำ)
องค์ประกอบภายใน
(1) เจตนา
(2) เจตนาพิเศษ ---> เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
มาตรา 1 (7) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
“เอกสาร” หมายความว่า กระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น จะเป็นโดยวิธีพิมพ์ ถ่ายภาพ หรือวิธีอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งความหมายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2546
เนื่องจากเอกสารจะมีขึ้นในรูปแบบใดๆ ก็ได้ การปลอมเอกสารจึงไม่จำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน และไม่ต้องทำให้เหมือนของจริงก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารได้
.........
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจึงต้องระมัดระวังให้ดี
การยุยง ใช้ วานให้ผู้หนึ่งผู้ใดฆ่าคน แม้ไม่เกิดการฆ่าขึ้นจริง ก็มีความผิดหนักจำคุกอย่างน้อย 15 ปี
การโพสต์รูปภาพเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้น ก็เป็นความผิดเกี่ยวกับเอกสาร มีโทษจำคุกถึง 3 ปี
ความผิดทั้งสองเรื่อง ถือเป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ แม้เจ้าทุกข์จะไม่เอาความ แต่กฎหมายเอาความ
และไม่ต้องมีเจ้าทุกข์ก็ได้ เพียงแค่เจ้าพนักงานรู้ เห็นหลักฐานว่ามีการกระทำความผิด ก็สามารถตั้งข้อหาและดำเนินการฟ้องร้องได้ทันที
โปรดใช้อินเตอร์เน็ตอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นคุณอาจเดือดร้อนหนักอย่างคาดไม่ถึง