รีวิว สัมภาษณ์ VISA F1 อเมริกา 2018 - ต้องสัมภาษณ์ 2 รอบ ถึงจะผ่าน !!!!!

ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนเลย นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของผมครับ  ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัย

หลังจากที่คอยอ่านรีวิวการสัมภาษณ์ VISA  จากกระทู้ อื่นๆ มามากมายก่อนที่จะไปสัมภาษณ์ (คืออ่านเยอะมาก กลัวพลาด)
ผมเตรียมตัว เตรียมเอกสารทุกอย่างเองนะครับ ไม่ผ่าน Agency
หลังจากที่ผ่านวีซ่าแล้ว ผมก็อยากจะแชร์กระทู้รีวิวของตัวเองบ้าง เพื่อนเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจคนต่อไป
เพราะผมเอง ก็ถือว่าผ่านวีซ่ามาด้วยการอ่านรีวิวกระทู้จากคนอื่นๆครับ
(ขอบคุณทุกคนจริงๆครับ)
เนื่องจากตัวผมเอง มีความสนใจที่จะไปศึกษาภาษาอังกฤษที่อเมริกาอยู่แล้วครับ ทางบ้านก็โอเคกับเรื่องนี้ด้วย
จากนั้นก็เริ่มให้ทางบ้านเตรียม Statement และก็เอกสารต่างๆครับ (ผมให้ที่บ้านเป็นสปอนเซอร์ครับ ชื่อคุณแม่)
ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่าผมพึ่งจบมหาลัย เมื่อปีที่แล้วครับ ปัจจุบันทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ (เรียนจบปั๊บทำงานเลย)

นี่คือตัวอย่างกระทู้ที่ผมเข้าไปอ่านและทำความเข้าใจในเรื่องขั้นตอนเตรียมเอกสารต่าง ๆ จนถึงการนัดสัมภาษณ์ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


**เรื่องเอกสาร หลังจากอ่านรีวิวมาจากหลายกระทู้ ผมก็เตรียมเอกสารไว้ดังนี้ครับ **
1. Passport - ตัวจริง และ เล่มปัจจุบัน
2. บัตรประชาชนตัวจริง (ใครเคยเปลี่ยนชื่อให้นำเอกสารมาด้วยนะครับ)
3. I-20 จากทางมหาลัย
4. ใบเสร็จค่าธรรมเนียม SEVIS
5. แบบฟอร์ม DS-160 (ขั้นตอนการกรอกอยู่ในกระทู้ด้านบน)
6.  รูปถ่าย 2*2 นิ้ว แจ้งที่ร้านถ่ายรูปเลยครับ ว่าจะนำรูปไปใช้ในการสัมภาษณ์
    - ขอให้ทางร้านส่งทางอีเมลล์ด้วยนะครับ เพราะต้องนำไปอัพโหลดตอนจะกรอก DS-160
7.  Statement ย้อนหลัง 6 เดือน บัญชื่อชื่อแม่ - ออกโดยธนาคาร (ย้ำอีกรอบว่าผมให้แม่เป็นสปอนเซอร์ครับ)
     Certificate of Finance (หรือ Bank Guarantee ว่าเรามี ทรัพย์สินที่จะใช้สปอนเซอร์ตัวเราว่ามีเท่าไหร่ ออกโดยธนาคาร)
     Statement of Financial Sponsorship (ใบแจ้งที่บอกว่าใครจะเป็นคนสปอนเซอร์เรา ปริ๊นจากเว็บมหาลัย)
8. สำเนาบัตร และทะเบียนบ้านของแม่
9. ทะเบียนการค้าตัวจริง - ที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัวครับ
10. ใบนัดสัมภาษณ์ ที่จะระบุ วัน และ เวลาที่เราเลือกไว้
11. ใบรับรองการทำงาน (Certificate of employment) ที่ผมได้มาระบุแค่ชื่อตำแหน่ง เงินเดือน และวันที่เริ่มทำงาน
12. ใบรับรองจากมหาลัยว่าเราจบหลักสูตรอะไร คณะอะไร
13. Transcript จากมหาลัย <<< เพราะ Transcript นี่แล่ะ ทำให้เกิดการสัมภาษณ์รอบที่สอง

พอถึงวันสัมภาษณ์จริง ผมก็สรุปหลักการที่ผมเรียนรู้มาจากกระทู้ก่อนๆ ที่รีวิวการสัมภาษณ์วีซ่าไว้ดังนี้

1. ผมต้องตอบตามความเป็นจริง ตามที่ได้ระบุใน DS-160
    (ตัวอย่างเช่น มี Specific Plan จะไปตอนไหน กลับตอนไหน ไปนานมั้ย  พักกับใคร ทำไมต้องไปประเทศนี้ ฯลฯ)
     ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้กงสุลได้เห็นว่า เราไปแล้วจะกลับมา
2. คำตอบของผมต้องสอดคล้องกับ DS-160 ในกรณีของผมคือ ต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษ
    เพื่อใช้ในสายงาน (ร้อยละ 90 ของสายงานผมต้องติดต่อกับคนต่างชาติครับ)
3. จำนวนเงินต้องสอดคล้องกับช่วงระยะเวลาที่ไป หรือให้กงสุลมั่นใจว่า ไปแล้วเอาชีวิตรอดได้
4. ถามแค่ไหน ตอบแค่นั้น อย่าเยอะ  
5. คาดหวัง 100% ก็ผิดหวัง 100% ครับ ไม่ต้องคาดหวังเยอะ ไม่ผ่านก็ไปเรียนที่อื่นแทนสิ


เอาละครับพอถึงวันจริง (ตอนนั้นภาพในหัวผม การสัมภาษณ์วีซ่าคือการ นั่งคุยกันตัวต่อตัว เช็คเอกสารทุกอย่าง ถามละเอียดยิบ)
แต่สำหรับคนที่เคยไปสัมภาษณ์แล้ว จะรู้เลยว่าผมคิดผิด

**สัมภาษณ์ครั้งแรก**
โอเคพอถึงวันก็ลุยเลย ลง BTS สถานี เพลินจิต จากนั้นต่อ พี่วิน 20 บาทไปลงสถานทูต

1. ด่านเช็คเอกสาร เช็คชื่อ ตรงนี้ก็เรียงคิว ต่อแถวเข้าไปด้านในสถานทูต สแกนร่างกาย และก็ฝากของครับ
    ขั้นตอนนี้ก็ทั่วไป ตามระเบียบการของสถานที่อยู่แล้ว เพื่อรักษาความปลอดภัยครับ

2. พอเสร็จแล้วก็เข้าไปข้างใน นั่งรอด้านหน้าห้องกงสุล จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเรียก เพื่อเช็คเอกสารเบื้องต้นก่อน
    (ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะสอบถามว่าเคยมีวีซ่ามาก่อนมั้ย หรือเคยมีวีซ่าที่หมดอายุหรือเปล่า)

จากนั้นเข้าห้องสัมภาษณ์ครับ

- ด่านเจ้าหน้าที่คนไทย

จนท : สวัสดีค่ะ
- สวัสดีครับ
จนท : ไปทำอะไรที่อเมริกาคะ ?
- ไปเรียนภาษาอังกฤษครับ
จนท : ไปกี่เดือนคะ ?
- XX เดือนครับ
จนท : มีญาติหรือครอบครัวอยู่ที่นั่นมั้ยคะ ?
- ไม่มีครับ มีแต่เพื่อน
จนท  : ขอดูทรานสคริปต์ค่ะ
- ผมไม่ได้เอามาครับ มีแค่ใบจบ จะเป็นไรมั้ยครับ (รอบแรกผมพลาดจริงๆครับ ไม่เอา Transcript ไป)
จนท : อืมมมมมมมมมมมมม ไม่เป็นไรค่ะ เชิญเข้าคิวสัมภาษณ์กับกงสุลค่ะ (พร้อมคืนเอกสาร)
- ครับ .... (ซวยแล้วกุ ลางสังหรณ์เริ่มไม่ดีละ)

- ด่านกงสุล
ณ จุดนี้ผมเจอเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่เป็นผู้หญิง ผิวสี นะครับ
(แน่นอนครับว่าต้องสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษครับ ณ ส่วนนี้ ส่วนตัวผมคิดว่า ในเมื่อเราจะไปเรียนต่อที่ประเทศเค้า เราก็ต้องสื่อสารภาษาบ้านเค้าได้บ้าง)

กงสุล : ไปทำอะไรที่ USA
- ไปเรียนภาษาอังกฤษครับ

กงสุล : ไปนานแค่ไหน
- ไปเรียน XX เดือนครับ (ตอบตามข้อมูลที่กรอกไว้ใน DS-160 ครับ)
จุดนี้ผมระบุ Specific Plan ไว้เรียบร้อยครับ ว่าไปตอนไหน กลับตอนไหน

กงสุล : สาเหตุที่ไปเรียน
- ตามหน้าที่การงาน คือผมเป็น XXX ของบริษัทเอกชนแห่งนึง และส่วนใหญ่ 90 % ของลูกค้าคือ ชาวต่างประเทศ
และมันส่งผลโดยตรงต่อ Performance ของผมในตำแหน่งนี้ (เหมือนเดิมครับ ตอบตามความจริง)

กงสุล : ใครเป็นคนสนับสุนค่าใช้จ่าย
- My mother

กงสุล : ขอดู Transcript และ Financial Document
- ผมสะดุดตรงนี้เลยครับ เพราะ ไม่ได้เอา Transcript มา ผมเอามาแค่ใบจบที่บอกว่าเราจบหลักสูตรอะไร จากมหาลัยไหนมา
แล้วก็แจ้ง กลสุล ไปตามตรงว่า ไม่ได้เอามา


เท่านั้นแล่ะครับ วีซ่าไม่ผ่าน !!!!! เดินคอตกออกมาจากสถานทูต พร้อมกับกระดาษใบเล็กๆ - SECTION 214(B)
(มาพลาดเพราะไม่เอา Transcript มา มันน่าเขกหัวตัวเองจริงๆ)

ภาพกระดาษที่ผมได้มา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


จากนั้นผมก็เฟลอยู่ช่วงนึง และก็ นัดสัมภาษณ์ใหม่อีกรอบครับ - อ้อ ค่านัดสัมภาษณ์ครั้งละ ห้าพันกว่าบาทนะครับ

และที่สำคัญเลย *** ผมกรอกใน DS-160 รอบที่สองด้วยว่า โดนปฏิเสธการขอ Visa ครั้งแรกครับ

ผมระบุในช่องไปเลยว่าไม่ผ่านเพราะ ไม่เอา Transcript มา  (ตอบตามความจริงครับ ตามหลักที่ผมเชื่อไว้ด้านบน)

**สัมภาษณ์รอบสอง

ก็เหมือนเดิมทุกอย่างครับ ตามขั้นตอน เตรียมเอกสาร นัดสัมภาษณ์

สำหรับการณ์สัมภาษณ์ Visa F1 รอบที่สอง ที่ยังไม่ถึงเวลาเรียน ก็ใช้ เลข SEVIS ตัวเดิมได้ครับ


- ด่านเจ้าหน้าที่คนไทย

จนท : สวัสดีค่ะ
- สวัสดีครับ
จนท : ไปทำอะไรที่อเมริกาคะ ?
- ไปเรียนภาษาอังกฤษครับ
จนท : ไปกี่เดือนคะ ?
- XX เดือนครับ
จนท : มีญาติหรือครอบครัวอยู่ที่นั่นมั้ยคะ ?
- ไม่มีครับ มีแต่เพื่อน
จนท  : พิมนั่นพิมพ์นี่ แล้วก็ดูในจอคอม (ผมเชื่อว่า ข้อมูลของเราในรอบแรกยังอยู่ในระบบครับ รวมทั้งคำตอบที่เราเคยตอบ)
- ใจคอไม่ดีละ ผมเลยบอกไปเลยว่า พี่ครับ ผมเคยมาสัมภาษณ์แล้วครับ ครั้งนึง
จนท : ครั้งที่แล้วมาสัมภาษณ์ตอนไหนคะ
- เดือนที่แล้วครับ ช่วงวันที่ XXX - ผมก็จำได้แค่คร่าวๆ
จนท : รอบนี้เอา Transcript มามั้ยคะ
- เอามาสิครับ !!! (ณ จุดนี้ผมมั่นใจเลยว่า เค้าดูจาก DS-160 ที่เรากรอกเป็นหลักครับ ซึ่งผมก็กรอกคำตอบที่เหมือนกับรอบที่แล้วครับ)
จนท : คนที่สัมภาษณ์เรา ครั้งที่แล้ววันนี้เค้ามาหรือเปล่า อยู่ช่องไหน ?
- ก็มองดูครับ ก็เจอเจ้าหน้าที่ ผู้หญิง ผิวสี อยู่ เลยบอก จนท ว่า อยู่ครับ อยู่ช่อง 9 ครับ
จนท : ถ้าคิวว่างต้องเจอ กงสุล คนเดิม ให้บอก คนที่อยู่ด้านหลัง เดินเข้าไปก่อนนะคะ เชิญต่อคิวเลยค่ะ
- ครับ


จากนั้นผมก็เข้าแถวรอ สัมภาษณ์กับกงสุลครับ ก็ได้บอกกับคนด้านหลังว่าถ้าเจอเจ้าหน้าที่(คนเดิมที่สัมภาษณ์ผมรอบแรก)ว่าง ให้พี่ที่อยู่ด้านหลังเข้าไปก่อน - ซึ่งผมต้องเจอเขาจริงๆ !!!! แต่ก่อนหน้านั้นได้คุยกับพี่ที่อยู่ด้านหลังไว้แล้วครับ พี่เขาก็เข้าใจ (ขอขอบคุณพี่คนนั้นอีกครั้งมากนะครับที่เข้าใจ พี่เขา เป็นทอม ตัวเล็กๆ ขาว ๆ ฟันแหลมๆ รู้สึกจะมาขอ Visa ไปเที่ยวครับ ถ้าผมเดาไม่ผิดนะ
ยังไงก็ขอ ขอบคุณอีกครั้งผ่านกระทู้นี้ครับพี่ ที่เข้าใจกันครับ ขอบคุณจริงๆครับ)


จากนั้นก็ได้เข้าคิวสัมภาษณ์ครับ - เจอกงสุลผู้ชายที่เป็นคน Asia นะครับ ผมไม่แน่ใจว่า เป็นคนเกาหลี หรือ จีน ครับ
ผมก็ตอบทุกอย่าง เหมือนที่เคยตอบไปรอบแรกเลยครับ

กงสุล : ไปทำอะไรที่ USA
- ไปเรียนภาษาอังกฤษครับ

กงสุล : ไปนานแค่ไหน
- ไปเรียน XX เดือนครับ (ตอบตามข้อมูลที่กรอกไว้ใน DS-160 ครับ)
จุดนี้ผมระบุ Specific Plan ไว้เรียบร้อยครับ ว่าไปตอนไหน กลับตอนไหน

กงสุล : สาเหตุที่ไปเรียน
- ตามหน้าที่การงาน คือผมเป็น XXX ของบริษัทเอกชนแห่งนึง และส่วนใหญ่ 90 % ของลูกค้าคือ ชาวต่างประเทศ
และมันส่งผลโดยตรงต่อ Performance ของผมในตำแหน่งนี้ (เหมือนเดิมครับ ตอบตามความจริง)

กงสุล : ใครเป็นคนสนับสุนค่าใช้จ่าย
- My mother (ตอบเหมือนเดิมครับ)

กงสุล : ขอดู Transcript และ Financial Document
- ยื่นให้อย่างไวเลยครับ !!!!

กงสุล : คุณมีครอบครัว หรือคนรู้จักที่นั่นมั้ย
- ไม่มีครับ ผมมีแค่เพื่อนที่อยู่ที่นั่น

กงสุล : พูดเร็วๆ เกี่ยวกับเรื่องงานครับ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับอาชีพก่อนหน้า ซึ่งผมไม่ได้กรอก (ก็ผมพึ่งทำงานที่นี่ที่แรก)
- ผมพึ่งเรียนจบปริญญาตรี เมื่อปีที่แล้วครับ และนี่ก็เป็นงานแรกของผม เลยไม่ได้กรอก อาชีพก่อนหน้านี้ครับ

กงสุล : เงียบ แล้วก็พิมพ์ๆๆๆๆ นานมากครับ นานมาก
- คุณต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติมไหม ผมมี ใบรับรองการทำงานมาด้วยนะครับ (ยื่นให้ด้วยนะ)

กงสุง : No, I have everything I need
- ผมได้แค่เงียบและก็รอครับ

เป็นเวลานานมากในการรอ, เตรียมเอกสารมาหลายเดือน สุดท้าย ....

VISA F1 ผ่านครับ !!!!!!!!!! ดีใจมากๆ

ท่านกงสุลก็เก็บ Passport ไป จากนั้นผมก็รอครับ

สุดท้ายได้ Visa F1 มา 5 ปีครับ

ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านครับ ผมหวังว่า กระทู้ของผมจะทำให้คนที่สนใจจะสัมภาษณ์  VISA  อเมริกา
ได้ข้อมูล และความรู้ไปไม่มากก็น้อยนะครับ

เพราะผมเองก็ ผ่าน VISA ได้เพราะผมอ่าน จากกระทู้ก่อนๆ เกี่ยวกับ VISA ที่หลายๆคนได้เขียนไว้ครับ

ขอขอบคุณ จขกท ทุกท่าน อีกครั้ง สำหรับข้อมูลทุกอย่าง ที่ทำให้ผมมีวันนี้ครับ

ผมขอให้ คนที่มีความประสงค์ที่ีจะสัมภาษณ์ VISA อเมริกา ผ่านทุกคนนะครับบบบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่