ขอเล่าภูมิหลังสั้นๆ ก่อนนะครับ
คือป้าผมสนิทกับผมมากที่สุดในญาติทุกคน
เพราะป้าผมเป็นคนเลี้ยงผมมาแต่เด็ก เพราะตอนผมเกิดมาแม่ผมต้องทำงาน
จนผมขึ้นมัธยม ผมถึงกลับมาอยู่กับแม่
ส่วนป้าผมอยู่กับน้าและลุง ส่วนผมอยู่อีกบ้าน
วันหนึ่ง ประมาณเที่ยงคืนเหตุการณ์เหมือนปกติผมบินกลับมาไทย (ผมไปดีลงานต่างประเทศบ่อยๆ เป็นทริปสั้นๆ 3-7 วัน)
ปกติผมจะไปส่งน้าที่บ้าน และเดินไปทักทายป้าก่อนค่อยกลับบ้าน
แต่วันนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมาก เลยแยกกลับบ้านนอน
พอเที่ยงๆ แม่ผมมาโทรมาหลายสาย แต่ผมหลับ ***ปกติตอนนอนผมจะปิดเสียง สักพักแม่มาเคาะประตูเสียงดัง บอกป้าตายแล้วที่บ้าน ให้ดูป้าที่บ้าน
ผมรีบลุกแล้วขับรถออกไป เห็นป้านอนนิ่ง อยู่ในห้อง มีหมอมาชันสูตรอยู่ ผมไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตหายไป ปกติผมคิดว่าผมแข้มเข็งมาก จนหลายคนบอกผมเย็นชา ผมไม่เคยเสียใจหรือหวั่นไหวกับเรื่องอะไร ทั้งเรื่องความรัก เรื่องงาน หรืออะไรก็ตาม แต่ครั้งที่มันสุดจริงๆ มันรู้สึกว่าเรามันก็มนุษย์คนนึงเหมือนกันนี่หว่า มันเสียใจแบบเกินจะบรรยาย รู้สึกเสียคนที่รักและหวังดีกับเราที่สุดไป
ผมหยิบมือถือป้ามาดู เพื่อแจ้งเรื่องกับเพื่อนป้า ภาพหน้าจอโทรศัพย์เป็นรูปป้าถ่ายคู่กับผมวันที่ผมรับปริญญา รูปป้ายิ้มแบบสดใส ป้าดูภูมิใจมากเวลาเห็นผมทำอะไรสำเร็จ
หลังจากเปิดดู รายชื่อเพื่อนๆป้าหายไปเกือบหมด นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านั้นป้าบอกโทรศัพย์ LINEหาย เพื่อนๆป้าที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว ก็หายไปหมดจาก LINE ป้าติดต่อใครไม่ได้ป้าคงเหงา ป้าบอกให้ผมดูให้ แต่ผมบอกวันหลัง จนผมลืม
ส่วนกระเป๋าตังป้า ก็มีรูปถ่ายผม ตอนเด็กกับตอนโต
คิดๆแล้วก็รู้สึกตัวว่าป้ารักผมขนาดนี้ แต่ผมนี่ช่างไม่เอาไหนเลย
คือความสุขเล็กๆ ของป้าเราทำให้ได้ง่าย แต่ไม่รีบทำ
ป้าชอบให้มาเจอพาไปไหนมาไหน แต่เรามักคิดว่า วันหลังแล้วกัน ทั้งที่เราขับรถไปบ้านป้าแค่ 20 นาที แล้วพาป้า นั่งกินแค่ตลาดใก้ลๆ ป้าก็ดีใจแล้ว
หลังชันสูตรเสร็จ ผลคือ ระไหลเวียนโลหิตและหายใจล้มเหลว เวลาเสียชีวิต คือเวลาหลังจากผมถึงไทย 1-2 ชั่วโมง คือ ตี1-ตี2 (แต่มีคนไปดูในห้องตอน 11.00 เพราะป้าไม่ลงมากินข้าวเหมือนปกติ )ซึ่งถ้าผมแวะมาหาป้าตอนผมกลับมา ผมอาจจะมาช่วยป้าทัน
ผมรู้สึกผิดมาก
และวันก่อนที่ผมจะบิน ป้ามีนัดหมอ หลังจากหาหมอป้าจะมานั่งที่บ้าน
ป้าบอกไปส่งหน่อยนะวันนี้ ผมบอกจะออกไปทำงานแล้ว ทั้งที่ความจริงงานไม่ได้เร่ง ป้าเลยจ๋อยๆ ป้าอยากให้ผมไปส่ง ป้าเลยต้องกลับตอนนั้น ป้าเลยไม่ได้นั่งคุยกับแม่ผมเหมือนเคย ระหว่างเดินไปที่รถ ผมบอกป้าเอากระเป๋ามา เดียวถือให้ เรื่องเดียวที่ผมดีใจที่ได้ทำคือถือกระเป๋าให้ป้า ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมคิดว่าผมทำดีไม่เท่าที่สามารถทำได้ งานศพป้าผมพยายามทำให้ดีที่สุด รีบไปวัดก่อนคนอื่นจะมา ซื้อกับข้าวที่ป้าชอบ แล้วมานั่งกินที่ข้างๆโลงเป็นเพื่อนป้า แล้วนั่งร้องไห้คนเดียว พอบ่ายๆมีคนมาเราถึงหยุดร้องแล้วทำตัวปกติ
หลังงานศพผ่านไป ผมเสียใจไม่หาย ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงป้าเลย มันรู้สึกสะเทือน ทุกครั้งเวลา เห็นคนแก่ดูท่าทางใจดีรูปร่างบุคลิกคล้ายป้า ผมจะคิดถึงป้าทุกครั้ง อยากลืมๆมันไป แต่มันยากจริงๆ
คำที่บอก ให้รีบทำดีกับคนที่เรารัก ก่อนเขาจะจากไป เพราะไม่รู้เขาจะจากไปเมื่อไหร่ มันใช้ได้จริงเสมอ
ป้าผมเสียชีวิต ผมรู้สึกผิดมาก
คือป้าผมสนิทกับผมมากที่สุดในญาติทุกคน
เพราะป้าผมเป็นคนเลี้ยงผมมาแต่เด็ก เพราะตอนผมเกิดมาแม่ผมต้องทำงาน
จนผมขึ้นมัธยม ผมถึงกลับมาอยู่กับแม่
ส่วนป้าผมอยู่กับน้าและลุง ส่วนผมอยู่อีกบ้าน
วันหนึ่ง ประมาณเที่ยงคืนเหตุการณ์เหมือนปกติผมบินกลับมาไทย (ผมไปดีลงานต่างประเทศบ่อยๆ เป็นทริปสั้นๆ 3-7 วัน)
ปกติผมจะไปส่งน้าที่บ้าน และเดินไปทักทายป้าก่อนค่อยกลับบ้าน
แต่วันนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมาก เลยแยกกลับบ้านนอน
พอเที่ยงๆ แม่ผมมาโทรมาหลายสาย แต่ผมหลับ ***ปกติตอนนอนผมจะปิดเสียง สักพักแม่มาเคาะประตูเสียงดัง บอกป้าตายแล้วที่บ้าน ให้ดูป้าที่บ้าน
ผมรีบลุกแล้วขับรถออกไป เห็นป้านอนนิ่ง อยู่ในห้อง มีหมอมาชันสูตรอยู่ ผมไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตหายไป ปกติผมคิดว่าผมแข้มเข็งมาก จนหลายคนบอกผมเย็นชา ผมไม่เคยเสียใจหรือหวั่นไหวกับเรื่องอะไร ทั้งเรื่องความรัก เรื่องงาน หรืออะไรก็ตาม แต่ครั้งที่มันสุดจริงๆ มันรู้สึกว่าเรามันก็มนุษย์คนนึงเหมือนกันนี่หว่า มันเสียใจแบบเกินจะบรรยาย รู้สึกเสียคนที่รักและหวังดีกับเราที่สุดไป
ผมหยิบมือถือป้ามาดู เพื่อแจ้งเรื่องกับเพื่อนป้า ภาพหน้าจอโทรศัพย์เป็นรูปป้าถ่ายคู่กับผมวันที่ผมรับปริญญา รูปป้ายิ้มแบบสดใส ป้าดูภูมิใจมากเวลาเห็นผมทำอะไรสำเร็จ
หลังจากเปิดดู รายชื่อเพื่อนๆป้าหายไปเกือบหมด นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านั้นป้าบอกโทรศัพย์ LINEหาย เพื่อนๆป้าที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว ก็หายไปหมดจาก LINE ป้าติดต่อใครไม่ได้ป้าคงเหงา ป้าบอกให้ผมดูให้ แต่ผมบอกวันหลัง จนผมลืม
ส่วนกระเป๋าตังป้า ก็มีรูปถ่ายผม ตอนเด็กกับตอนโต
คิดๆแล้วก็รู้สึกตัวว่าป้ารักผมขนาดนี้ แต่ผมนี่ช่างไม่เอาไหนเลย
คือความสุขเล็กๆ ของป้าเราทำให้ได้ง่าย แต่ไม่รีบทำ
ป้าชอบให้มาเจอพาไปไหนมาไหน แต่เรามักคิดว่า วันหลังแล้วกัน ทั้งที่เราขับรถไปบ้านป้าแค่ 20 นาที แล้วพาป้า นั่งกินแค่ตลาดใก้ลๆ ป้าก็ดีใจแล้ว
หลังชันสูตรเสร็จ ผลคือ ระไหลเวียนโลหิตและหายใจล้มเหลว เวลาเสียชีวิต คือเวลาหลังจากผมถึงไทย 1-2 ชั่วโมง คือ ตี1-ตี2 (แต่มีคนไปดูในห้องตอน 11.00 เพราะป้าไม่ลงมากินข้าวเหมือนปกติ )ซึ่งถ้าผมแวะมาหาป้าตอนผมกลับมา ผมอาจจะมาช่วยป้าทัน
ผมรู้สึกผิดมาก
และวันก่อนที่ผมจะบิน ป้ามีนัดหมอ หลังจากหาหมอป้าจะมานั่งที่บ้าน
ป้าบอกไปส่งหน่อยนะวันนี้ ผมบอกจะออกไปทำงานแล้ว ทั้งที่ความจริงงานไม่ได้เร่ง ป้าเลยจ๋อยๆ ป้าอยากให้ผมไปส่ง ป้าเลยต้องกลับตอนนั้น ป้าเลยไม่ได้นั่งคุยกับแม่ผมเหมือนเคย ระหว่างเดินไปที่รถ ผมบอกป้าเอากระเป๋ามา เดียวถือให้ เรื่องเดียวที่ผมดีใจที่ได้ทำคือถือกระเป๋าให้ป้า ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมคิดว่าผมทำดีไม่เท่าที่สามารถทำได้ งานศพป้าผมพยายามทำให้ดีที่สุด รีบไปวัดก่อนคนอื่นจะมา ซื้อกับข้าวที่ป้าชอบ แล้วมานั่งกินที่ข้างๆโลงเป็นเพื่อนป้า แล้วนั่งร้องไห้คนเดียว พอบ่ายๆมีคนมาเราถึงหยุดร้องแล้วทำตัวปกติ
หลังงานศพผ่านไป ผมเสียใจไม่หาย ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงป้าเลย มันรู้สึกสะเทือน ทุกครั้งเวลา เห็นคนแก่ดูท่าทางใจดีรูปร่างบุคลิกคล้ายป้า ผมจะคิดถึงป้าทุกครั้ง อยากลืมๆมันไป แต่มันยากจริงๆ
คำที่บอก ให้รีบทำดีกับคนที่เรารัก ก่อนเขาจะจากไป เพราะไม่รู้เขาจะจากไปเมื่อไหร่ มันใช้ได้จริงเสมอ