ภาระกิจครั้งนี้ ต้องยกนิ้วให้คนที่คิดไอเดียระดมถังอากาศ แล้วแขวนไว้ทุก 25 เมตร คนที่คิดวิธีนี้ ทำให้การเข้าไปเจอเด็กเกิดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเลยนะครับ
เพราะถึงแม้ว่าทีม Seal และนักดำน้ำกู้ภัยต่างชาติมีจำนวนมาก แต่ก่อนนั้นพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากเพราะน้ำท่วมสูงถึงเพดานถ้ำ ดำเข้าไปก็ไม่ไหว
แต่แผนนี้ถือว่าพลิกเกมส์เลย แม้จะไม่รู้ว่าจะระดมถังได้มั้ย แต่การขนถังไปห้อย ไปแขวนตามแนวเชือก จะทำให้ไม่ถูกขีดจำกัดเรื่องสภาพน้ำมาจำกัดอีกต่อไป คือดำไปได้เรื่อยๆ จนรุกไปถึงพัทยาบีชได้ในที่สุด
น้ำใจคนไทยนี่สุดยอดมาก แค่มีไอเดียนี้ออกมาแล้วขอรับบริจาค แค่วันสองวันถังอากาศที่ตอนแรกหวังไว้แค่ 200 ถัง. กลับได้มาถึง 600 กว่าถัง เรียกว่ามหาศาล
และเพราะจำนวนถังที่มีมากนี่แหละครับ ทำให้ทีมงานมีถังอากาศเหลือจนสามารถเดินและดำน้ำสำรวจต่อ แม้ว่าตรงพัทยาบีชจะไม่เจอเด็ก ก็ยังไปต่อได้อีกจนเจอเด็กในที่สุด
ตอนนี้ก็เร่งระดมกำลังสูบน้ำให้เสร็จก่อนจะมีพายุเข้าช่วงวันที่ 5 ซึ่งดูจากสภาพเด็กแล้ว น่าจะช่วยออกมาได้ภายในวันสองวันนี้แน่นอน น่าจะช่วยออกมาได้ทัน
หลังความตื่นเต้นดีใจ ก็คงมีอะไรตามมาอีกเยอะ. แต่ที่แน่ๆ มันทำให้เราคนไทยได้รู้ว่า...
.
.. คำว่าคนไทยรักและพร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ...
... มันยังไม่เลือนหายไป ...
สิ่งที่น่าสนใจจากนี้ไป ก็คือการช่วยเหลือเด็ก รักษาอาการต่างๆ
แต่ตอนนี้คนที่น่าห่วงสุดน่าจะเป็นตัวครูที่พาเด็กไปนี่แหละ ช่วงแรกๆ คงจิตตกน่าดู ยิ่งถ้าได้รู้ว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน คนมาช่วยมหาศาลขนาดไหน คนเดือดร้อนเพราะตัวเองมากเพียงใด
จากนี้จะอยู่ต่อยังไงหว่า ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งจริงๆ ระยะยาวก็น่าห่วงเหมือนกัน นี่ยังดีที่เด็กปลอดภัยหมดนะเนี่ย หวังว่าการฟื้นฟูสภาพจิตใจหลังจากนี้ จะไม่มองข้ามสภาพจิตใจของครูคนนี้ไปนะ
จริงอยู่ว่าแกต้องรับผิดชอบ แต่การอยู่กับความรู้สึกผิดในใจตลอด 9 วันที่ผ่านมา ผมว่าก็หนักหนาอยู่แล้วนะ แล้วจากนี้ไปหลังจากทุกความตื่นเต้นหายไป มันก็จะเริ่มมีกระแสตีกลับไปที่ตัวแกแน่ ๆ ตรงนี้แหละน่าห่วงจริงๆ
ผมว่าที่เด็กยังอยู่ดี ครูเองก็น่าจะมีส่วนสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะงั้นอย่าใจร้ายกับครูแกมากนักเลย
@... เจ้าของไอเดียระดมถังอากาศ และแขวนไว้ทุก 25 เมตร คุณสุดยอดมาก ...@
เพราะถึงแม้ว่าทีม Seal และนักดำน้ำกู้ภัยต่างชาติมีจำนวนมาก แต่ก่อนนั้นพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากเพราะน้ำท่วมสูงถึงเพดานถ้ำ ดำเข้าไปก็ไม่ไหว
แต่แผนนี้ถือว่าพลิกเกมส์เลย แม้จะไม่รู้ว่าจะระดมถังได้มั้ย แต่การขนถังไปห้อย ไปแขวนตามแนวเชือก จะทำให้ไม่ถูกขีดจำกัดเรื่องสภาพน้ำมาจำกัดอีกต่อไป คือดำไปได้เรื่อยๆ จนรุกไปถึงพัทยาบีชได้ในที่สุด
น้ำใจคนไทยนี่สุดยอดมาก แค่มีไอเดียนี้ออกมาแล้วขอรับบริจาค แค่วันสองวันถังอากาศที่ตอนแรกหวังไว้แค่ 200 ถัง. กลับได้มาถึง 600 กว่าถัง เรียกว่ามหาศาล
และเพราะจำนวนถังที่มีมากนี่แหละครับ ทำให้ทีมงานมีถังอากาศเหลือจนสามารถเดินและดำน้ำสำรวจต่อ แม้ว่าตรงพัทยาบีชจะไม่เจอเด็ก ก็ยังไปต่อได้อีกจนเจอเด็กในที่สุด
ตอนนี้ก็เร่งระดมกำลังสูบน้ำให้เสร็จก่อนจะมีพายุเข้าช่วงวันที่ 5 ซึ่งดูจากสภาพเด็กแล้ว น่าจะช่วยออกมาได้ภายในวันสองวันนี้แน่นอน น่าจะช่วยออกมาได้ทัน
หลังความตื่นเต้นดีใจ ก็คงมีอะไรตามมาอีกเยอะ. แต่ที่แน่ๆ มันทำให้เราคนไทยได้รู้ว่า...
... คำว่าคนไทยรักและพร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ...
... มันยังไม่เลือนหายไป ...
สิ่งที่น่าสนใจจากนี้ไป ก็คือการช่วยเหลือเด็ก รักษาอาการต่างๆ
แต่ตอนนี้คนที่น่าห่วงสุดน่าจะเป็นตัวครูที่พาเด็กไปนี่แหละ ช่วงแรกๆ คงจิตตกน่าดู ยิ่งถ้าได้รู้ว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน คนมาช่วยมหาศาลขนาดไหน คนเดือดร้อนเพราะตัวเองมากเพียงใด
จากนี้จะอยู่ต่อยังไงหว่า ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งจริงๆ ระยะยาวก็น่าห่วงเหมือนกัน นี่ยังดีที่เด็กปลอดภัยหมดนะเนี่ย หวังว่าการฟื้นฟูสภาพจิตใจหลังจากนี้ จะไม่มองข้ามสภาพจิตใจของครูคนนี้ไปนะ
จริงอยู่ว่าแกต้องรับผิดชอบ แต่การอยู่กับความรู้สึกผิดในใจตลอด 9 วันที่ผ่านมา ผมว่าก็หนักหนาอยู่แล้วนะ แล้วจากนี้ไปหลังจากทุกความตื่นเต้นหายไป มันก็จะเริ่มมีกระแสตีกลับไปที่ตัวแกแน่ ๆ ตรงนี้แหละน่าห่วงจริงๆ
ผมว่าที่เด็กยังอยู่ดี ครูเองก็น่าจะมีส่วนสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะงั้นอย่าใจร้ายกับครูแกมากนักเลย