ลูกฉันเป็นดาวน์

มันยากมากกับการที่จะเริ่มต้นเขียนเรื่องราวของตัวเองสู่สาธารณะชน ขอเริ่มต้นจากการเล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆแล้วกันนะคะ อายุ 35 ปี จบการศึกษาปริญญาโท ทำงานบริษัทในตำแหน่งผู้จัดการ แต่งงานในเดือนมีนาคม 2017 มีความตั้งใจที่จะมีครอบครัว หลังจากแต่งงานจึงเริ่มมีการวางแผนที่จะมีลูก เริ่มต้นมีการเตรียมความพร้อมโดยการตรวจร่างกายทุกอย่างดูดีไม่มีอะไรน่ากังวล จึงเริ่มกินโฟลิคเพื่อเตรียมความพร้อมในการมีบุตร

และได้เดินทางไปประเทศสวีเดนเพื่อไปอยู่กับสามี ในเดือน พฤษภาคม 2017 เมื่อเริ่มตั้งใจที่จะมีก็มีในทันที และแล้วก็สำเร็จ ลูกคนแรกของเรา ฉันเริ่มตั้งครรภ์ในเดือนมิถุนายน 2017 ดีใจมาก รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงมาก ทั้งสามีและตัวเองเพราะติดลูกเร็วมากจริงๆ จากนั้นอาการแพ้ขั้นรุนแรงก็เริ่มตามมา แพ้ท้องถึงขั้นอาเจียนตลอดเวลา กินอะไรไม่ได้ อยู่ในบ้านยังต้องคลาน

ในเดือนสิงหาคม 2017 ได้กลับมาที่ไทย และตั้งใจจะคลอดที่ไทย ในระหว่างตั้งครรภ์ความเห่อในการมีลูกคนแรก พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุด บำรุงทุกอย่าง มาถึงเมืองไทยรีบไปฝากท้องทันที และคุณหมอตรวจพบว่า รกเกาะต่ำ วิธีการปฏิบัติตัวคือ ต้องไม่ยกของหนัก ไม่เดินเยอะ สรุปคือกลัวลูกจะหลุดมาก นั่งกินนอนกินกันไปจ้า พยายามประคับประคองสุดๆ แต่ระหว่างนี้ก็อ้วกตลอดเวลาเหมือนเดิม เหมือนที่อยู่สวีเดนเป๊ะ

เมื่อถึงเวลาตรวจโครโมโซมหรือเรียกง่ายๆว่าเจาะน้ำคร่ำ คุณหมอได้ถามความสมัครใจ และได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าเป็นการตรวจหาดาวน์ซินโดรม อัตราความเสี่ยงที่ลูกจะเป็นคือ 1ต่อ386 และมีโอกาสแท้ง 1ต่อ 200 เมื่อได้ฟังข้อมูลมาแล้ว ก็ได้มานั่งปรึกษากันกับสามีและครอบครัว ซึ่งอาการของโรคนี้หากเกิดขึ้นไม่มียารักษา มันเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 มันเกินมา 1 แท่ง .......ฉะนั้น คุณมีทางเลือก 2 ทาง คือ ตั้งครรภ์ต่อ หรือ ยุติการตั้งครรรภ์ ก็คือการเอาเด็กออกนั่นเอง.......

เมื่อมาถึงคำถามนี้ เป็นอะไรที่หนักใจมากกกกกก หากเราตรวจพบว่าเค้าเป็นเราจะเอาเค้าออกได้จริงหรือ อันนี้คงแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ในมุมมองของฉันและสามีคือไม่ทำ จึงตัดสินใจว่า ไม่ขอเจาะน้ำคร่ำ การตั้งครรภ์ของเราจึงดำเนินต่อไป

ตรงจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นทางแยก 2 ทาง ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องตัดสินใจและเลือกได้เพียงทางเดียวเท่านั้น ... และดิฉันเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนคงรู้สึกเหมือนกันว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากเหลือเกิน แทบจะไม่อยากเลือกซักทางเลย  แต่สุดท้ายคุณก็ต้องเลือก.. ดิฉันอยากแบ่งปันเคสนี้ให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเจอประสบกับปัญหาได้ศึกษาและไม่ตื่นตระหนกเมื่อเวลานั้นมาถึง  เพื่อจะได้มีสติและพร้อมต่อการตัดสินใจอย่างแน่วแน่(ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ตาม)

กำหนดคลอดคือ 13 มีนาคม 2018 และในสัปดาห์ที่ 35 ก็ตรวจพบว่าลูกในท้องหัวใจเต้นอ่อนแรงมาก และเป็นเหตุให้คลอดก่อนกำหนด น้องคลอดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2018 น้ำหนัก 1.8 โล อยู่ตู้อบ 15 วัน และได้กลับบ้าน .......ในระหว่างนั้นคุณหมอได้ทำการตรวจเลือด และพบว่าน้องเป็นดาวน์ซินโดรม คุณหมอเรียกทั้งฉันและสามีไปฟัง โดยสาเหตุของการที่ลูกเป็นดาวน์ซินโดรมนั้นในทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาเหตุและผลได้ว่าเกิดจากอะไร มันเป็นเรื่องของการปฏิสนธิระหว่างสเปริ์มกับไข่ ที่ผิดฝาผิดรูป และไม่ได้เกี่ยวกับการที่แม่แพ้ท้องแล้วทานอะไรไม่ได้นะคะ ไม่เกี่ยวกันเลย

ฉะนั้นในเรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรและวิธีป้องกันยังไง และอีก 1 อย่างคือ น้องมีหัวใจรั่ว ทั้ง 2 ห้อง และมีลิ้นหัวใจรั่วด้วย ต้องทำการผ่าตัด  น้องฟื้นตัวเร็วมาก และสู้มาก

สามีเคยบอกว่าถ้าย้อนเวลาไปได้ผมก็ยังจะพูดเหมือนเดิมคือเอาลูกไว้ ลูกทำให้ทุกคนรู้ว่า ค่าของความเป็นคน มันอยู่ภายใน ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก และชีวิตคนเราไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร เราเพียงแต่แข่งกับตัวเอง....... น้องสู้กับตัวเอง กับโรคหัวใจ และความเป็นดาวน์ที่ติดตัวเค้ามาแต่เกิด แต่เค้ากลับทำให้ทุกคนเห็นว่า เค้าทำได้เหมือนกับคนอื่นๆ.......

.....ในเมืองไทยอาจจะยังดูไม่คุ้น แต่ในต่างประเทศผู้พิการ และคนทุกกลุ่ม ทุกประเภทเค้ามีสิทธิเท่าเทียมกัน ....

การศึกษาที่นี่ น้องเรียนร่วมกับเด็กปกติ จนกว่าจะเข้าประถม  ถ้าบ้านเราน่าจะเรียกว่าเนิสเซอรี่เพราะที่นี่ไม่มีอนุบาล ก็จะอยู่เนิสกับเด็กปกติไปจนอายุ 7 ขวบ และจะเข้า รร. ทีนี้ก็จะประเมินเด็กว่า จะเรียนร่วมกับเด็กปกติ หรือจะเข้า รร.พิเศษ อันนี้ทางหน่วยงานจาก รพ.แผนกผู้พิการ(ดาวน์ซินโดรม)เค้าจะมาประเมิน ร่วมกับเนิสเซอรี่และผู้ปกครอง และมีคอมมูนมาร่วมด้วย  และหลังจากได้บทสรุปแล้วก็ส่งน้องเข้าเรียนถ้าน้องคนไหนต้องการความช่วยเหลือเค้าก็จะประเมินพิจารณาเป็นเคส อย่างเด็กบางคนต้องการผู้ดูแลก็จะมีผู้ดูแลประกบตลอด ไปอยู่ด้วยที่ รร. จนกระทั่งกลับมาบ้านค่ะ 

สุดท้ายนี้ อยากให้กำลังใจคนที่ขึ้นชื่อว่า เป็น พ่อ และ แม่ ไม่ว่าลูกคุณจะเป็นอย่างไร  จงอย่าบั่นทอนตัวเอง ลูกจะมีคุณภาพได้ มันต้องเกิดมาจากพ่อและแม่สร้างคุณค่าในตัวเค้าให้ได้ ฉันและสามีและครอบครัวของเราทุกคนภูมิใจและรักเค้ามาก  น้องทำให้แม่รู้จักเท้าติดดิน รู้จักชีวิตอย่างถ่องแท้มากขึ้น ....

I am a slow walker, but I never walk back.

ไทย-สวีเดน
See you later aligator
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่