ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวกรมธุรกิจพลังงานว่า ขณะนี้กรมธุรกิจพลังงานได้ทำหนังสือถึงบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เพื่อแจ้งปรับเงินจำนวนห้าหมื่นบาท ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ตามมาตรา 42 ที่กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ส่งบัญชีตามแบบและรายการที่กำหนดในกฎกระทรวง เกี่ยวกับปริมาณ และ สถานที่เก็บของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซื้อ กลั่น ผลิต ได้มา จำหน่ายไปแล้ว และที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป หลังจากที่ในช่วงเดือน พ.ค.2561 ที่ผ่านมา บริษัท โกลบอลกรีนฯ ในฐานะผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ไม่ได้นำส่งรายงานสต็อกสินค้าให้เจ้าหน้าที่รับทราบตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีสาเหตุมาจากการที่น้ำมันปาล์มในสต็อกของบริษัทฯ สูญหายไปจำนวน 2.1 พันล้านบาท จึงทำให้บริษัทฯ ไม่แจ้งข้อมูลสต็อกสินค้าให้กรมฯ รับทราบตามปกติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทั้งนี้ มาตรา 16 กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ส่งบัญชีตามแบบและรายการที่กำหนดในกฎกระทรวง เกี่ยวกับปริมาณ และ สถานที่เก็บของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซื้อ กลั่น ผลิต ได้มา จำหน่ายไปแล้ว และที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ ภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10 ส่งบัญชีตามแบบและรายการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เกี่ยวกับปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซื้อ กลั่น ผลิต ได้มา จำหน่ายไปแล้ว และที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป ในกรณีที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือ หรือประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมนอกจากที่ต้องส่งตาม วรรคหนึ่งและวรรคสองได้ ตามแบบและระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา 42 ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 16 หรือ ส่งบัญชี หรือแจ้งข้อมูล ตามมาตรา 16 อันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และถ้าหากพิสูจน์ทราบในภายหลังว่าผู้บริหารบริษัทมีส่วนรู้เห็นด้วย จะต้องถูกปรับเงินเพิ่มอีก 5 หมื่นบาท รวมเป็น1 แสนบาท
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้ ปตท.ในฐานะบริษัทแม่เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจสอบภายในจากบริษัทจีจีซีด้วย เพื่อรายงานให้คณะกรรมการตรวจสอบใช้ประกอบการพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะมี ความชัดเจนมากขึ้น
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีน้ำมันปาล์มดิบของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GGC หายไปจากสต๊อกตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2561 คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาทว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงของบริษัท GGC ว่าสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) หายไปจริงหรือไม่ โดยคาดว่า GGC จะรายงานกลับมายังกระทรวงพลังงานใน 1-2 วันนี้ แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อปริมาณ CPO สำหรับใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วชนิดพิเศษ B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธ์ 20% ในทุกลิตร) ที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 15 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันมีสต๊อกปาล์มอยู่ 4-5 แสนตัน
สำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ B20 นั้น กระทรวงพลังงานได้เริ่มเปิดตัวโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2561 เป็นครั้งแรก โดยผู้ค่าน้ำมันมาตรา 7 จำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก, บางจาก,ไออาร์พีซี,ซัสโก้และบริษัท ซัสโก้ดีลเลอร์ จะร่วมเปิดจุดจำหน่ายพิเศษสำหรับบริการกลุ่มรถบรรทุก, รถโดยสารสาธารณะ และเรือโดยสาร เป็นต้น ในราคาต่ำกว่าดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร โดยจะตั้งปั๊มพิเศษใกล้กลุ่มรถบรรทุก รถโดยสาร แต่ยืนยันว่าไม่มีจำหน่ายในปั๊มน้ำมันทั่วไป เนื่องจากรถกระบะยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้ได้ ซึ่งต้องการพิสูจน์ต่อไป
ทั้งนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาดและรองรับกรณีน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าขนส่งและค่าโดยสาร กระทรวงพลังงานจึงได้ส่งเสริมให้จำหน่าย B20 ในราคาถูกกว่าดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร ดังนั้นผู้ประกอบการไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าขนส่งและค่าโดยสารอีก
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันปาล์มต้องแจ้งปริมาณสต๊อกปาล์มที่มีอยู่ทุกเดือน ซึ่งในเดือนมิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา มีเพียงบริษัทฯ GGC เท่านั้นที่ไม่ได้รายงานสต๊อกมาให้กรมฯทราบ ซึ่งกรมฯได้ติดตามแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ อย่างไรก็ตามกรมฯรอผลการตรวจสอบของบริษัทฯอยู่เช่นกัน
นายศาณินทร์ ตริยายนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซล กล่าวว่า หากสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของ บริษัท GGC หายจริง ต้องดูว่าหายไปกว่า 7 หมื่นตันจริงหรือไม่ เพราะจะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยหากน้ำมันปาล์มหายไปจากที่ผู้ประกอบการรายงานสต๊อกไว้กับภาครัฐ จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันปาล์มที่มีอยู่จริงเหลือน้อยกว่าสต๊อก ซึ่งอาจมีผลให้ราคาน้ำมันปาล์มขยับสูงขึ้น เพราะเห็นว่าของเหลือน้อย แต่หากน้ำมันปริมาณที่หายไปไม่อยู่ในรายงานสต๊อกของภาครัฐ ก็ไม่น่ามีผลต่อราคามากนัก
อย่างไรก็ตามผลผลิตปาล์มจะออกมาอีกใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะมีผลให้ปริมาณน้ำมันปาล์มในระบบสูงขึ้น ซึ่งสามารถทดแทนส่วนที่หายไปของ GGC ได้ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อราคาปาล์ม อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูผลการตรวจสอบก่อนว่า น้ำมันปาล์มหายไปจริงหรือไม่ สำหรับปัจจุบันราคาผลผลิตปาล์มอยู่ที่ 19 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (B100) อยู่ที่ 22-23 บาทต่อลิตร
https://www.isranews.org/isranews-news/67367-news03-67367.html
กรมธุรกิจพลังงาน สั่งปรับ บ.จีจีซี 5หมื่น ไม่แจ้งสต็อกน้ำมันเชื้อเพลิง คาดเหตุสินค้าหาย2.1พันล
https://www.isranews.org/isranews-news/67367-news03-67367.html