- ตั้งแต่เกิด จนถึงอายุ 9 ปี ก็อยู่กับยาย ยายเลี้ยง แม่ส่งตังให้บ้างบางครั้งบางเดือน ลับตายายก็จะโดนพ่อเลี้ยงดุบ้าง ตีบ้าง เป็นปกติของเด็ก บางทีที่ดื้อไม่เข้าตาผู้ใหญ่
- หลังจากยายตายตั้งแต่ 9 ขวบ หมาละตู ทำอะไรก็ผิดหมด โดนตีเป็นประจำ โดนตีแบบ งงๆ ดีที่เป็นเด็กเรียนดี การเรียนเด่น ประพฤติดี พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงพอได้เชิดหน้าชูตา การโดนดุโดนตี ก็จะเบาลง ส่วนเรื่องลำเอียงก็มีเป็นประจำ แต่ดีที่ตูเป็นคนไม่แคร์โลก ใครจะมีจะได้อะไร ไม่สนใจค่ะ (โลกส่วนตัวสูง)
- อยู่อย่างนั้นจนอายุ 12 ปี ไปต่อมัธยมที่กรุงเทพ อยู่กับแม่ แต่แม่ตูเนี่ย เป็นคนที่แปลก แปลกผู้แปลกคน พูดกับลูกอย่างกับมารหัวขนมาเกิด นี่หล่ะหนา คลอด 7 เดือน ไม่ตายก็บุญเท่าไหร่เเล้ว #พ่อแม่เขาไม่เต็มใจให้เกิดก็ยังอยากดั้นด้นเกิดมา รู้อยู่ในใจว่าแม่มีปัญหาด้านการเงิน ไอ้เราก็ไม่เคยบ่นว่าอะไรแม่ ที่ให้ค่าขนมไปโรงเรียน จากวันละ 50 เหลือ 40 เหลือ 30 บางวัน 20 ค่ารถเมล์ไป-กลับ ก็ 20 แล้ว นั่งวินออกซอยไม่ได้ตังไม่พอ ต้องเดินเอา ส่วนกินข้าวเที่ยง 20 บาท ไม่อิ่ม แต่อดเอา วันไหนได้ตังไปเรียน 20 บาท ให้ตายเถอะ ไปเรียนสายก็ช่างเถอะ มารู้ว่าได้ตัง ไปเรียน 20 บาทตอนก่อนออกจากบ้านมาหยับตังหลังตู้เย็น งานนี้ เดินสิจ๊ะ ไปโรงเรียนตั้งแต่ สุขุมวิท 54 เดินยาวไปจ้า โรงเรียนยุสุขุมวิท 101 พูดมาละขำ แต่ก็ไม่เคยบ่นกับแม่เลยว่าเหนื่อย เริ่มรู้ว่าตังกินข้าวไม่พอ ก็ขอน้าบ้าง รับจ้างทำรายงานบ้าง พอถูๆไถๆไปให้เรียนจบ แต่แม่ก็ยังดี เงินไม่มีขอเรียนพิเศษยังดั้นด้นให้เรียน
- จนอยู่มาวันนึง เหตุการณ์มันพลิกผัน ทำให้ชีวิตพลิก แม่อาจจะโกรธเราตั้งแต่วันนั้น แต่ตูสตั้นจริง!! กลัวและตกใจตามประสาเด็ก ให้ตายเถอะ วันหยุด อยู่บ้าน แม่ใช้ไปซื้อกับข้าวมากินข้าวเที่ยวด้วยกัน ก็กินด้วยกัน กินกำลังอร่อยเลย อยู่ดีๆ แม่พูดขึ้นว่า “ก็โตมาได้เนาะขนาดกินยาขับตั้ง 2 ชุดละยังไม่ตาย” โอ้มายกอด วางคำข้าว ณ ตอนนั้นเลยจ้าา สั่นไปหมด คิดว่าแม่จะใส่ยาในกับข้าวฆ่าตูอีกรอบมั๊ย รีบเก็บกับข้าว ทุบเงินในกระปุก ได้ค่ารถทัวส์พอดี เอาเหรียญหยอดตู้ โทรหาแม่เลี้ยงที่บ้านนอก ขอย้ายกลับไปเรียนด่วน อยู่นี่ไม่ได้แล้ว กลัวตาย พูดไปร้องไห้ไป โอ้ยยยยยเด็กน้อย
- พอมาถึงบ้านนอก ก็มาเรียนต่อ ม.2 ครึ่งจ้า ก็เรียนไปจนจบ ม.3 อายุ 15 ปี ไม่ต่อ ม.ปลาย จ้า เข้า กรุงเทพ หางานทำ หาเงินเรียนเอง ดั้นด้น ตอนแรกก็มืดมิดจะหาทางเรียนยังไง ค่าแรงวันละ 150 บาท ขอแม่เรียน คำเดียวสั้นๆ พูดมาเลยจ้า “มีปัญญาเรียนเรียนเองกูไม่ส่ง” ทันใดนั้น น้ำตาร่วงจ้า แต่ในใจดังก้องเลยว่า “งั้นคอยดู” หลังจากนั้นความสัมพันธ์แม่ลูกก็ค่อยๆขาด ค่อยๆจาง สีเลือดก็ค่อยๆกลายเป็นน้ำ แต่ตูก็ยังมีส่งโอนตังไปให้แม่ทุกปี บางปีไม่มีก็เว้น เพราะวันเกิดแม่มีปีละครั้ง ส่งอาหารเสริมบ้างบางครั้ง แต่คุยกันไม่ได้จ้า ตูโดนด่าตั้งแต่คำแรกเลย ก็พยายามมาเรื่อยๆ หาทางพยายามเรียนตลอดเวลา จนได้เรียน เพราะครูบาอาจารย์เอ็นดูในความพยายามดั้นด้นอยากเรียน จนจบ ม.ปลาย และจนเข้ามหาลัย จนจบปริญญาตรี ก็กู้ กยศ เพราะพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงค้ำให้จ้า แต่ต้องจำไว้ว่า ไม่มีการช่วยเหลือได้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ครอบครัวจะแตกหักเพราะคำว่าผลประโยชน์ คือตูสู้ ตูหาด้วยตัวตูเอง มาโดยตลอด ตูลำบาก ตูไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ตูเหนื่อยตูก็นอนหลับแล้วตื่นขึ้นสู้ต่อ ตูถึงมีได้เท่าที่สามารถมีได้อย่างทุกวันนี้ นี่ตูสู้และผ่านไปแค่ครึ่งชีวิต เป้าหมายของตู ภายในอายุ 30 ปี บ้านและรถตูต้องเป็นสิ่งที่ตูต้องทำสำเร็จภายในอายุเท่านี้ เคยถามตูมั๊ยทำไมตูสู้เหมือนตูไม่เหนื่อยเลย (เพราะตูสู้อย่างมีเป้าหมายของชีวิต ตูสู้เพื่อวันนึงตูตายไป ลูกตูจะต้องไม่มีชะตาชีวิตที่เหมือนตู) พ่อไม่มีแล้วแม่ยังเฉดหัวไล่อีก นามสกุลที่ใช้อยู่ถ้าไม่ติดว่าเป็นของยายตูก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน ถึงจะไม่มีใครต้องการตู ตูก็หาได้แคร์ไม่ เส้นทางนี้มีไว้ให้คนที่เข้มแข็งและสู้เท่านั้น ถึงจะอยู่ได้ สู้คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้ไม่มีใครต้องการ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตตูอยู่แล้ว เพราะชีวิตตูสู้อย่างมีเป้าหมายทุกระดับขั้นอายุของชีวิตที่ค่อยๆผ่านพ้นไป.........#เป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคนค่ะ
แบ่งประสบการณ์ชีวิตเผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
- หลังจากยายตายตั้งแต่ 9 ขวบ หมาละตู ทำอะไรก็ผิดหมด โดนตีเป็นประจำ โดนตีแบบ งงๆ ดีที่เป็นเด็กเรียนดี การเรียนเด่น ประพฤติดี พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงพอได้เชิดหน้าชูตา การโดนดุโดนตี ก็จะเบาลง ส่วนเรื่องลำเอียงก็มีเป็นประจำ แต่ดีที่ตูเป็นคนไม่แคร์โลก ใครจะมีจะได้อะไร ไม่สนใจค่ะ (โลกส่วนตัวสูง)
- อยู่อย่างนั้นจนอายุ 12 ปี ไปต่อมัธยมที่กรุงเทพ อยู่กับแม่ แต่แม่ตูเนี่ย เป็นคนที่แปลก แปลกผู้แปลกคน พูดกับลูกอย่างกับมารหัวขนมาเกิด นี่หล่ะหนา คลอด 7 เดือน ไม่ตายก็บุญเท่าไหร่เเล้ว #พ่อแม่เขาไม่เต็มใจให้เกิดก็ยังอยากดั้นด้นเกิดมา รู้อยู่ในใจว่าแม่มีปัญหาด้านการเงิน ไอ้เราก็ไม่เคยบ่นว่าอะไรแม่ ที่ให้ค่าขนมไปโรงเรียน จากวันละ 50 เหลือ 40 เหลือ 30 บางวัน 20 ค่ารถเมล์ไป-กลับ ก็ 20 แล้ว นั่งวินออกซอยไม่ได้ตังไม่พอ ต้องเดินเอา ส่วนกินข้าวเที่ยง 20 บาท ไม่อิ่ม แต่อดเอา วันไหนได้ตังไปเรียน 20 บาท ให้ตายเถอะ ไปเรียนสายก็ช่างเถอะ มารู้ว่าได้ตัง ไปเรียน 20 บาทตอนก่อนออกจากบ้านมาหยับตังหลังตู้เย็น งานนี้ เดินสิจ๊ะ ไปโรงเรียนตั้งแต่ สุขุมวิท 54 เดินยาวไปจ้า โรงเรียนยุสุขุมวิท 101 พูดมาละขำ แต่ก็ไม่เคยบ่นกับแม่เลยว่าเหนื่อย เริ่มรู้ว่าตังกินข้าวไม่พอ ก็ขอน้าบ้าง รับจ้างทำรายงานบ้าง พอถูๆไถๆไปให้เรียนจบ แต่แม่ก็ยังดี เงินไม่มีขอเรียนพิเศษยังดั้นด้นให้เรียน
- จนอยู่มาวันนึง เหตุการณ์มันพลิกผัน ทำให้ชีวิตพลิก แม่อาจจะโกรธเราตั้งแต่วันนั้น แต่ตูสตั้นจริง!! กลัวและตกใจตามประสาเด็ก ให้ตายเถอะ วันหยุด อยู่บ้าน แม่ใช้ไปซื้อกับข้าวมากินข้าวเที่ยวด้วยกัน ก็กินด้วยกัน กินกำลังอร่อยเลย อยู่ดีๆ แม่พูดขึ้นว่า “ก็โตมาได้เนาะขนาดกินยาขับตั้ง 2 ชุดละยังไม่ตาย” โอ้มายกอด วางคำข้าว ณ ตอนนั้นเลยจ้าา สั่นไปหมด คิดว่าแม่จะใส่ยาในกับข้าวฆ่าตูอีกรอบมั๊ย รีบเก็บกับข้าว ทุบเงินในกระปุก ได้ค่ารถทัวส์พอดี เอาเหรียญหยอดตู้ โทรหาแม่เลี้ยงที่บ้านนอก ขอย้ายกลับไปเรียนด่วน อยู่นี่ไม่ได้แล้ว กลัวตาย พูดไปร้องไห้ไป โอ้ยยยยยเด็กน้อย
- พอมาถึงบ้านนอก ก็มาเรียนต่อ ม.2 ครึ่งจ้า ก็เรียนไปจนจบ ม.3 อายุ 15 ปี ไม่ต่อ ม.ปลาย จ้า เข้า กรุงเทพ หางานทำ หาเงินเรียนเอง ดั้นด้น ตอนแรกก็มืดมิดจะหาทางเรียนยังไง ค่าแรงวันละ 150 บาท ขอแม่เรียน คำเดียวสั้นๆ พูดมาเลยจ้า “มีปัญญาเรียนเรียนเองกูไม่ส่ง” ทันใดนั้น น้ำตาร่วงจ้า แต่ในใจดังก้องเลยว่า “งั้นคอยดู” หลังจากนั้นความสัมพันธ์แม่ลูกก็ค่อยๆขาด ค่อยๆจาง สีเลือดก็ค่อยๆกลายเป็นน้ำ แต่ตูก็ยังมีส่งโอนตังไปให้แม่ทุกปี บางปีไม่มีก็เว้น เพราะวันเกิดแม่มีปีละครั้ง ส่งอาหารเสริมบ้างบางครั้ง แต่คุยกันไม่ได้จ้า ตูโดนด่าตั้งแต่คำแรกเลย ก็พยายามมาเรื่อยๆ หาทางพยายามเรียนตลอดเวลา จนได้เรียน เพราะครูบาอาจารย์เอ็นดูในความพยายามดั้นด้นอยากเรียน จนจบ ม.ปลาย และจนเข้ามหาลัย จนจบปริญญาตรี ก็กู้ กยศ เพราะพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงค้ำให้จ้า แต่ต้องจำไว้ว่า ไม่มีการช่วยเหลือได้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ครอบครัวจะแตกหักเพราะคำว่าผลประโยชน์ คือตูสู้ ตูหาด้วยตัวตูเอง มาโดยตลอด ตูลำบาก ตูไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ตูเหนื่อยตูก็นอนหลับแล้วตื่นขึ้นสู้ต่อ ตูถึงมีได้เท่าที่สามารถมีได้อย่างทุกวันนี้ นี่ตูสู้และผ่านไปแค่ครึ่งชีวิต เป้าหมายของตู ภายในอายุ 30 ปี บ้านและรถตูต้องเป็นสิ่งที่ตูต้องทำสำเร็จภายในอายุเท่านี้ เคยถามตูมั๊ยทำไมตูสู้เหมือนตูไม่เหนื่อยเลย (เพราะตูสู้อย่างมีเป้าหมายของชีวิต ตูสู้เพื่อวันนึงตูตายไป ลูกตูจะต้องไม่มีชะตาชีวิตที่เหมือนตู) พ่อไม่มีแล้วแม่ยังเฉดหัวไล่อีก นามสกุลที่ใช้อยู่ถ้าไม่ติดว่าเป็นของยายตูก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน ถึงจะไม่มีใครต้องการตู ตูก็หาได้แคร์ไม่ เส้นทางนี้มีไว้ให้คนที่เข้มแข็งและสู้เท่านั้น ถึงจะอยู่ได้ สู้คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้ไม่มีใครต้องการ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตตูอยู่แล้ว เพราะชีวิตตูสู้อย่างมีเป้าหมายทุกระดับขั้นอายุของชีวิตที่ค่อยๆผ่านพ้นไป.........#เป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคนค่ะ